ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
                      พระองค์นั้น
บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ
     ฉบับหลวง   ฉบับมหาจุฬาฯ   บาลีอักษรไทย   PaliRoman 
อ่านหน้า[ต่าง] แรกอ่านหน้า[ต่าง] ที่แล้วแสดงหมายเลขหน้า
ในกรณี :- 
   บรรทัดแรกของแต่ละหน้าอ่านหน้า[ต่าง] ถัดไปอ่านหน้า[ต่าง] สุดท้าย
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๔๓ พระอภิธรรมปิฎกเล่มที่ ๑๐ ปัฏฐานปกรณ์ ภาค ๔
ปัญหาวาร
[๓๗๐] อุปาทินนธรรม เป็นปัจจัยแก่อุปาทินนธรรม โดยเหตุปัจจัย คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นอุปาทินนธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย โดย เหตุปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ เหตุทั้งหลายที่เป็นอุปาทินนธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ กฏัตตารูปทั้งหลาย โดยเหตุปัจจัย. อนุปาทินนธรรม เป็นปัจจัยแก่อุปาทินนธรรม โดยเหตุปัจจัย คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นอุปาทินนธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย โดย เหตุปัจจัย. อุปาทินนธรรม เป็นปัจจัยแก่อุปาทินนธรรม และอนุปาทินนธรรม โดยเหตุปัจจัย คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นอุปาทินนธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐาน- *รูปทั้งหลาย โดยเหตุปัจจัย. อุปาทินนธรรม เป็นปัจจัยแก่อุปาทินนธรรม โดยเหตุปัจจัย คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นอนุปาทินนธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐาน- *รูปทั้งหลาย โดยเหตุปัจจัย [๓๗๑] อุปาทินนธรรม เป็นปัจจัยแก่อุปาทินนธรรม โดยอารัมมณปัจจัย คือ จักขุ ฯลฯ กาย ฯลฯ รูปทั้งหลายที่เป็นอุปาทินนธรรม กลิ่น รส โผฏฐัพพะ หทัยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอุปาทินนธรรม โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส เกิดขึ้น ในเมื่อกุศล และอกุศลดับไปแล้ว ตทารัมมณจิตที่เป็นวิบาก เกิดขึ้น รูปายตนะที่เป็นอุปาทินนธรรม เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ คันธายตนะที่เป็น อุปาทินนธรรม เป็นปัจจัยแก่ฆานวิญญาณ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณ โดยอารัมมณปัจจัย. อุปาทินนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนุปาทินนธรรม โดยอารัมมณปัจจัย คือ จักขุ ฯลฯ กาย ฯลฯ รูปทั้งหลายที่เป็นอุปาทินนธรรม กลิ่น รส โผฏฐัพพะ หทัยวัตถุ ฯลฯ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอุปาทินนธรรม โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส เกิดขึ้น บุคคลเห็นรูป ซึ่งเป็นอุปาทินนธรรม ด้วยทิพพจักขุ บุคคลรู้จิตของบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยจิต ซึ่งเป็นอุปาทินนธรรม โดยเจโตปริยญาณ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอุปาทินนธรรม เป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ แก่เจโตปริยญาณ แก่บุพเพนิวาสานุสสติญาณ แก่อนาคตังสญาณ แก่อาวัชชนะ โดยอารัมมณปัจจัย. อนุปาทินนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนุปาทินนธรรม โดยอารัมมณปัจจัย คือ ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ บุคคลทำอุโบสถกรรม แล้วพิจารณาซึ่งกุศลธรรมนั้น ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะปรารภกุศลกรรมนั้น ราคะ ฯลฯ โทมนัส เกิดขึ้น กุศลทั้งหลายที่ได้สั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ จากฌาน ฯลฯ พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรค แล้วพิจารณามรรค ผล ฯลฯ นิพพาน ฯลฯ นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู แก่โวทาน แก่มรรค แก่ผล แก่อาวัชชนะ โดยอารัมมณ- *ปัจจัย พระอริยะทั้งหลาย กิเลสที่ละแล้ว ฯลฯ กิเลสที่ข่มแล้ว ฯลฯ กิเลสทั้งหลายที่เคยเกิด แล้วในกาลก่อน ฯลฯ รูปทั้งหลายที่เป็นอนุปาทินนธรรม ฯลฯ เสียง ฯลฯ โผฏฐัพพะ ฯลฯ ขันธ์ ทั้งหลายที่เป็นอนุปาทินนธรรม โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส เกิดขึ้น บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักขุ ฟังเสียงด้วยทิพพโสตธาตุ บุคคลรู้จิตของบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยจิต ที่เป็นอนุปาทินนธรรม โดยเจโตปริยญาณ อากาสานัญจายตนะ เป็นปัจจัยแก่วิญญาณัญจายตนะ อากิญจัญญายตนะเป็นปัจจัยแก่ เนวสัญญานาสัญญายตนะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนุปาทินนธรรม เป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ แก่เจโตปริยญาณ แก่บุพเพนิวาสานุสสติญาณ แก่ยถากัมมุปคญาณ แก่อนาคตังสญาณ แก่อาวัชชนะ โดย อารัมมณปัจจัย. อนุปาทินนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนุปาทินนธรรม โดยอารัมมณปัจจัย คือ รูปทั้งหลายที่เป็นอนุปาทินนธรรม ฯลฯ เสียง ฯลฯ โผฏฐัพพะ ฯลฯ ขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นอนุปาทินนธรรม โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส เกิดขึ้น ในเมื่อกุศล และอกุศลดับไปแล้ว ตทารัมมณจิต ที่เป็นวิบาก เกิดขึ้น อากาสานัญจายตนะ เป็นปัจจัยแก่วิญญาณัญจายตนะ อากิญจัญญายตนะเป็นปัจจัยแก่ เนวสัญญานาสัญญายตนะ รูปายตนะที่เป็นอนุปาทินนธรรม เป็นปัจจัยแก่ขักขุวิญญาณ สัททายตนะ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ เป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณ โดยอารัมมณปัจจัย. [๓๗๒] อุปาทินนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนุปาทินนธรรม โดยอธิปติปัจจัย มีอย่างเดียว คือ อารัมมณาธิปติ ได้แก่ จักขุ ฯลฯ กาย ฯลฯ รูปทั้งหลายที่เป็น อุปาทินนธรรม ฯลฯ กลิ่น รส โผฏฐัพพะ หทัยวัตถุ ฯลฯ บุคคลกระทำขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็น- *อนุปาทินนธรรม ให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้วย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำ จักขุเป็นต้นนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ราคะ เกิดขึ้น ทิฏฐิ เกิดขึ้น. อนุปาทินนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนุปาทินนธรรม โดยอธิปติปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณาธิปติ สหชาตาธิปติ. ที่เป็นอารัมมณาธิปติ ได้แก่ ทาน ฯลฯ ศีล ฯลฯ บุคคลกระทำอุโบสถกรรมแล้ว กระทำกุศลนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น แล้วพิจารณา ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะ กระทำกุศลธรรมนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ราคะ ฯลฯ ทิฏฐิ ฯลฯ กุศลที่ได้สั่งสมไว้แล้วในกาลก่อน ฯลฯ จากฌาน ฯลฯ พระอริยะทั้งหลายออกจากมรรค กระทำมรรคให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น แล้วพิจารณา ผล ฯลฯ นิพพาน ฯลฯ นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู แก่โวทาน แก่มรรค แก่ผล โดยอธิปติปัจจัย คือ รูปทั้งหลายที่เป็นอนุปาทินนธรรม ฯลฯ เสียง ฯลฯ โผฏฐัพพะ ฯลฯ เพราะกระทำขันธ์ทั้งหลายที่ เป็นอนุปาทินนธรรม ให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ราคะเกิดขึ้น ทิฏฐิเกิดขึ้น ที่เป็นสหชาตาธิปติ ได้แก่ อธิปติธรรมที่เป็นอนุปาทินนธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตต- *ขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย โดยอธิปติปัจจัย. [๓๗๓] อุปาทินนธรรม เป็นปัจจัยแก่อุปาทินนธรรม โดยอนันตรปัจจัย คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอุปาทินนธรรม ที่เกิดก่อนๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็น อุปาทินนธรรม ที่เกิดหลังๆ โดยอนันตรปัจจัย ปัญจวิญญาณ เป็นปัจจัยแก่วิบากมโนธาตุ โดยอนันตรปัจจัย วิบากมโนธาตุ เป็นปัจจัยแก่วิบากมโนวิญญาณธาตุ โดยอนันตรปัจจัย. อุปาทินนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนุปาทินนธรรม โดยอนันตรปัจจัย คือ ภวังค์ เป็นปัจจัยแก่อาวัชชนะ วิบากมโนวิญญาณธาตุเป็นปัจจัยแก่กิริยามโนวิญญาณ- *ธาตุ โดยอนันตรปัจจัย. อนุปาทินนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนุปาทินนธรรม โดยอนันตรปัจจัย คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนุปาทินนธรรม ที่เกิดก่อนๆ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็น อนุปาทินนธรรม ที่เกิดหลังๆ โดยอนันตรปัจจัย ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนุปาทินนธรรม เป็นปัจจัย แก่วุฏฐานะ โดยอนันตรปัจจัย อนุโลม เป็นปัจจัยแก่โคตรภู แก่ผลสมาบัติ โดยอนันตรปัจจัย. อนุปาทินนธรรม เป็นปัจจัยแก่อุปาทินนธรรม โดยอนันตรปัจจัย คือ อาวัชชนะ เป็นปัจจัยแก่ปัญจวิญญาณ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนุปาทินนธรรม เป็น ปัจจัยแก่วุฏฐานะ โดยอนันตรปัจจัย. ฯลฯ เป็นปัจจัย โดยสมนันตรปัจจัย ฯลฯ เป็นปัจจัย โดยสหชาตปัจจัย มี ๕ นัย เหมือนกับปฏิจจวาร. ฯลฯ เป็นปัจจัย โดยอัญญมัญญปัจจัย มี ๒ นัย เหมือนกับปฏิจจวาร. ฯลฯ เป็นปัจจัย โดยนิสสยปัจจัย มี ๕ นัย เหมือนกับนิสสยปัจจัยในปัจจยวาร [๓๗๔] อุปาทินนธรรม เป็นปัจจัยแก่อุปาทินนธรรม โดยอุปนิสสยปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อนันตรูปนิสสยะ ปกตูปนิสสยะ ฯลฯ ที่เป็นปกตูปนิสสยะ ได้แก่ สุขทางกาย เป็นปัจจัยแก่สุขทางกาย แก่ทุกข์ทาง กาย โดยอุปนิสสยปัจจัย ทุกข์ทางกาย ฯลฯ ฤดู ที่เป็นอุปาทินนธรรม ฯลฯ โภชนะเป็นปัจจัยแก่สุขทางกาย แก่ทุกข์ทางกาย โดยอุปนิสสยปัจจัย สุขทางกาย ฯลฯ ทุกข์ทางกาย ฯลฯ ฤดู ฯลฯ โภชนะเป็นปัจจัยแก่สุขทางกาย แก่ทุกข์ ทางกาย โดยอุปนิสสยปัจจัย. อุปาทินนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนุปาทินนธรรม โดยอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ อย่าง คือ อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ ปกตูปนิสสยปัจจัย ฯลฯ ที่เป็นปกตูปนิสสยะ ได้แก่ บุคคลอาศัยสุขทางกายแล้วให้ทาน ฯลฯ ทำลายสงฆ์ ทุกข์ทางกาย ฯลฯ ฤดูที่เป็นอุปาทินนธรรม ฯลฯ บุคคลอาศัยโภชนะแล้วให้ทาน ฯลฯ ยังสมาบัติให้เกิด ทำลายสงฆ์ สุขทางกาย ฯลฯ ทุกข์ทางกาย ฯลฯ ฤดู ฯลฯ โภชนะเป็นปัจจัยแก่ศรัทธา ฯลฯ แก่ความ ปรารถนา แก่มรรค แก่ผลสมาบัติ โดยอุปนิสสยปัจจัย. อนุปาทินนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนุปาทินนธรรม โดยอุปนิสสยปัจจัย มี ๓ อย่าง คือ อารัมมณูปนิสสยะ อนันตรูปนิสสยะ ปกตูปนิสสยะ ฯลฯ ที่เป็นปกตูปนิสสยะ ได้แก่ บุคคลอาศัยศรัทธา แล้วให้ทาน ก่อมานะ ถือทิฏฐิ ศีล ฯลฯ ความปรารถนา ฯลฯ ฤดู ฯลฯ โภชนะ ฯลฯ บุคคลเข้าไปอาศัยซึ่งเสนาสนะ แล้วให้ทาน ฯลฯ ทำลายสงฆ์ ศรัทธา ฯลฯ ความปรารถนา ฯลฯ ฤดู ฯลฯ โภชนะ ฯลฯ เสนาสนะเป็นปัจจัยแก่ศรัทธา ฯลฯ แก่ความปรารถนา แก่มรรค แก่ผลสมาบัติ โดยอุปนิสสยปัจจัย. อนุปาทินนธรรม เป็นปัจจัยแก่อุปาทินนธรรม โดยอุปนิสสยปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อนันตรูปนิสสยะ ปกตูปนิสสยะ ฯลฯ ที่เป็นปกตูปนิสสยะ ได้แก่ บุคคลเข้าไปอาศัยศรัทธาแล้วยังตนให้เดือดร้อน ให้เร่าร้อน ทุกข์มีการแสวงหาเป็นมูล ฯลฯ บุคคลเข้าไปอาศัยศีล ฯลฯ ความปรารถนา ฯลฯ ฤดู ฯลฯ โภชนะ ฯลฯ เสนาสนะ แล้ว ยังตนให้เดือนร้อน ให้เร่าร้อน ทุกข์มีการแสวงหาเป็นมูล ฯลฯ ศรัทธา ฯลฯ เสนาสนะ เป็นปัจจัยแก่สุขทางกาย แก่ทุกข์ทางกาย โดยอุปนิสสยปัจจัย ธรรมที่เป็นกุศล และกุศลเป็นปัจจัยแก่วิบาก โดยอุปนิสสยปัจจัย. [๓๗๕] อุปาทินนธรรม เป็นปัจจัยแก่อุปาทินนธรรม โดยปุเรชาตปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณปุเรชาต วัตถุปุเรชาต. ที่เป็นอารัมมณปุเรชาต ได้แก่ จักขุ ฯลฯ กายรูปทั้งหลายที่เป็นอุปาทินนธรรม กลิ่น โผฏฐัพพะ ฯลฯ หทัยวัตถุ โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส ฯลฯ เมื่อกุศล และอกุศลดับไปแล้ว ตทารัมมณจิตที่เป็นวิบาก เกิดขึ้น รูปายตนะที่เป็นอุปาทินนธรรม เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ คันธายตนะ ฯลฯ โผฏฐัพ- *พายตนะ เป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณ. ที่เป็นวัตถุปุเรชาต ได้แก่ จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ กายายตนะ เป็นปัจจัย แก่กายวิญญาณ หทัยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอุปาทินนธรรม โดยปุเรชาตปัจจัย. อุปาทินนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนุปาทินนธรรม โดยปุเรชาตปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณปุเรชาต วัตถุปุเรชาต. ที่เป็นอารัมมณปุเรชาต ได้แก่ จักขุ ฯลฯ กายรูปทั้งหลายที่เป็นอุปาทินนธรรม กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ฯลฯ หทัยวัตถุ โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส เกิดขึ้น บุคคลเห็นรูปที่เป็นอุปาทินนธรรม ด้วยทิพพจักขุ. ที่เป็นวัตถุปุเรชาต ได้แก่ หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนุปาทินนธรรม โดยปุเรชาตปัจจัย. อนุปาทินนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนุปาทินนธรรม โดยปุเรชาตปัจจัย มีอย่างเดียว คือ อารัมมณปุเรชาต ได้แก่ รูปทั้งหลายที่เป็นอนุปาทินนธรรม ฯลฯ เสียง ฯลฯ โผฏฐัพพะ โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส เกิดขึ้น บุคคลเห็นรูปที่เป็นอนุปาทินนธรรม ด้วยทิพพจักขุ ฟังเสียงด้วยทิพพโสตธาตุ. อนุปาทินนธรรม เป็นปัจจัยแก่อุปาทินนธรรม โดยปุเรชาตปัจจัย มีอย่างเดียว คือ อารัมมณปุเรชาต ได้แก่ รูปทั้งหลายที่เป็นอนุปาทินนธรรม ฯลฯ กลิ่น ฯลฯ โผฏฐัพพะ โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส เกิดขึ้น เมื่อกุศล และอกุศลดับไปแล้ว ตทารัมมณจิตที่เป็นวิบาก เกิดขึ้น รูปายตนะที่เป็นอนุปาทินนธรรม เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ สัททายตนะ ฯลฯ โผฏฐัพ- *พายตนะ เป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณ โดยปุเรชาตปัจจัย หทัยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอุปาทินนธรรม โดยปุเรชาตปัจจัย. อุปาทินนธรรม และอนุปาทินนธรรม เป็นปัจจัยแก่อุปาทินนธรรม โดยปุเรชาตปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณปุเรชาต วัตถุปุเรชาต. คือ รูปายตนะที่เป็นอนุปาทินนธรรม และหทัยวัตถุ โผฏฐัพพายตนะ และหทัยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอุปาทินนธรรม โดยปุเรชาตปัจจัย รูปายตนะที่เป็นอนุปาทินนธรรม และจักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ สัททายตนะ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ และกายายตนะ เป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณ โดยปุเรชาต- *ปัจจัย. อุปาทินนธรรม และอนุปาทินนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนุปาทินนธรรม โดยปุเรชาตปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ อารัมมณปุเรชาต วัตถุปุเรชาต. คือ รูปายตนะที่เป็นอนุปาทินนธรรม และหทัยวัตถุ โผฏฐัพพายตนะ และหทัยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนุปาทินนธรรม โดยปุเรชาตปัจจัย. [๓๗๖] อุปาทินนธรรม เป็นปัจจัยแก่อุปาทินนธรรม โดยปัจฉาชาตปัจจัย มีอย่างเดียว คือ ปัจฉาชาต ได้แก่ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอุปาทินนธรรม เป็นปัจจัยแก่กาย ที่เป็นอุปาทินนธรรมนี้ ที่เกิดก่อน โดยปัจฉาชาตปัจจัย. อุปาทินนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนุปาทินนธรรม โดยปัจฉาชาตปัจจัย มีอย่างเดียว คือ ปัจฉาชาต ได้แก่ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอุปาทินนธรรม เป็นปัจจัยแก่ กายที่เป็นอนุปาทินนธรรมนี้ ที่เกิดก่อน โดยปัจฉาชาตปัจจัย. อุปาทินนธรรม เป็นปัจจัยแก่อุปาทินนธรรม และอนุปาทินนธรรม โดยปัจฉาชาต- *ปัจจัย ฯลฯ อนุปาทินนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนุปาทินนธรรม โดยปัจฉาชาตปัจจัย ฯลฯ. อนุปาทินนธรรม เป็นปัจจัยแก่อุปาทินนธรรม โดยปัจฉาชาตปัจจัย ฯลฯ อนุปาทินนธรรม เป็นปัจจัยแก่อุปาทินนธรรม และอนุปาทินนธรรม โดยปัจฉาชาต- *ปัจจัย ฯลฯ [๓๗๗] อนุปาทินนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนุปาทินนธรรม โดยอาเสวนปัจจัย. [๓๗๘] อุปาทินนธรรม เป็นปัจจัยแก่อุปาทินนธรรม โดยกัมมปัจจัย คือ เจตนาที่เป็นอุปาทินนธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลายโดยกัมมปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ เจตนาที่เป็นอุปาทินนธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์และกฏัตตารูป ทั้งหลาย โดยกัมมปัจจัย. อุปาทินนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนุปาทินนธรรม โดยกัมมปัจจัย คือ เจตนาที่เป็นอุปาทินนธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย โดยกัมมปัจจัย. อุปาทินนธรรม เป็นปัจจัยแก่อุปาทินนธรรม และอนุปาทินนธรรม โดยกัมมปัจจัย คือ เจตนาที่เป็นอุปาทินนธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย โดยกัมมปัจจัย. อนุปาทินนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนุปาทินนธรรม โดยกัมมปัจจัย คือ เจตนาที่เป็นอนุปาทินนธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐานรูป ทั้งหลาย โดยกัมมปัจจัย. อนุปาทินนธรรม เป็นปัจจัยแก่อุปาทินนธรรม โดยกัมมปัจจัย มีอย่างเดียว คือ นานาขณิก ได้แก่ เจตนาที่เป็นอนุปาทินนธรรม เป็นปัจจัยแก่วิบากขันธ์ และกฏัตตารูปทั้งหลาย โดยกัมมปัจจัย. [๓๗๙] อุปาทินนธรรม เป็นปัจจัยแก่อุปาทินนธรรม โดยวิปากปัจจัย คือ ขันธ์ ๑ ที่เป็นอุปาทินนธรรม ฯลฯ ในธรรมที่มีอุปาทินนธรรมเป็นมูล มี ๓ นัย. อนุปาทินนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนุปาทินนธรรม โดยวิปากปัจจัย คือ ขันธ์ ๑ ที่เป็นอนุปาทินนธรรม ซึ่งเป็นวิบาก เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ ๓ และจิตต- *สมุฏฐานรูปทั้งหลาย โดยวิปากปัจจัย ขันธ์ ๒ ฯลฯ [๓๘๐] อุปาทินนธรรม เป็นปัจจัยแก่อุปาทินนธรรม โดยอาหารปัจจัย คือ อาหารทั้งหลายที่เป็นอุปาทินนธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย โดยอาหาร- *ปัจจัย ปฏิสนธิ กวฬิงการาหารที่เป็นอุปาทินนธรรม เป็นปัจจัยแก่กายที่เป็นอุปาทินนธรรมนี้ โดยอาหาร- *ปัจจัย. อุปาทินนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนุปาทินนธรรม โดยอาหารปัจจัย คือ อาหารทั้งหลายที่เป็นอุปาทินนธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย กวฬิงการาหารที่เป็นอุปาทินนธรรม เป็นปัจจัยแก่กายที่เป็นอนุปาทินนธรรมนี้ โดยอาหาร- *ปัจจัย. อุปาทินนธรรม เป็นปัจจัยแก่อุปาทินนธรรม และอนุปาทินนธรรม โดยอาหารปัจจัย- คือ อาหารทั้งหลายที่เป็นอุปาทินนธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏฐาน- *รูปทั้งหลาย กวฬิงการาหาร เป็นปัจจัยแก่กายที่เป็นอุปาทินนธรรม และอนุปาทินนธรรม โดยอาหาร- *ปัจจัย. อนุปาทินนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนุปาทินนธรรม โดยอาหารปัจจัย คือ อาหารทั้งหลายที่เป็นอนุปาทินนธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตตสมุฏ- *ฐานรูปทั้งหลาย โดยอาหารปัจจัย กวฬิงการาหารที่เป็นอนุปาทินนธรรม เป็นปัจจัยแก่กายที่เป็นอนุปาทินนธรรมนี้ โดย อาหารปัจจัย. อนุปาทินนธรรม เป็นปัจจัยแก่อุปาทินนธรรม โดยอาหารปัจจัย คือ กวฬิงการาหารที่เป็นอนุปาทินนธรรม เป็นปัจจัยแก่กายที่เป็นอุปาทินนธรรมนี้ โดย อาหารปัจจัย. อนุปาทินนธรรม เป็นปัจจัยแก่อุปาทินนธรรม และอนุปาทินนธรรม โดยอาหารปัจจัย คือ กวฬิงการาหารที่เป็นอนุปาทินนธรรม เป็นปัจจัยแก่กายที่เป็นอุปาทินนธรรม และ อนุปาทินนธรรมนี้ โดยอาหารปัจจัย. อุปาทินนธรรม และอนุปาทินนธรรม เป็นปัจจัยแก่อุปาทินนธรรม โดยอาหารปัจจัย คือ กวฬิงการาหารที่เป็นอุปาทินนธรรม และอนุปาทินนธรรม เป็นปัจจัยแก่กายที่เป็น อุปาทินนธรรมนี้ โดยอาหารปัจจัย. อุปาทินนธรรม และอนุปาทินนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนุปาทินนธรรม โดยอาหารปัจจัย คือ กวฬิงการาหารที่เป็นอุปาทินนธรรม และอนุปาทินนธรรม เป็นปัจจัยแก่กายที่เป็น อนุปาทินนธรรมนี้ โดยอาหารปัจจัย. อุปาทินนธรรม และอนุปาทินนธรรม เป็นปัจจัยแก่อุปาทินนธรรม และอนุปาทินน- *ธรรม โดยอาหารปัจจัย คือ กวฬิงการาหารที่เป็นอุปาทินนธรรม และอนุปาทินนธรรม เป็นปัจจัยแก่กายที่เป็น อุปาทินนธรรม และอนุปาทินนธรรมนี้ โดยอาหารปัจจัย. [๓๘๑] อุปาทินนธรรม เป็นปัจจัยแก่อุปาทินนธรรม โดยอินทริยปัจจัย คือ อินทรีย์ทั้งหลายที่เป็นอุปาทินนธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย โดย อินทริยปัจจัย ในปฏิสนธิขณะ อินทรีย์ทั้งหลายที่เป็นอุปาทินนธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และ กฏัตตารูปทั้งหลาย โดยอินทริยปัจจัย จักขุนทรีย์ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ กายินทรีย์ ฯลฯ รูปชีวิตินทรีย์ เป็นปัจจัยแก่ กญัตตารูปทั้งหลาย โดยอินทริยปัจจัย. อุปาทินนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนุปาทินนธรรม ฯลฯ ในธรรมที่มีอุปาทินนธรรมเป็นมูล มี ๓ นัย รูปชีวิตินทรีย์ มีเฉพาะนัยต้นเท่านั้น นัยที่เหลือนอกนั้นไม่มี. อุปาทินนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนุปาทินนธรรม โดยอินทริยปัจจัย คือ อินทรีย์ทั้งหลายที่เป็นอนุปาทินนธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตต- *สมุฏฐานรูปทั้งหลาย โดยอินทริยปัจจัย. [๓๘๒] อุปาทินนธรรม เป็นปัจจัยแก่อุปาทินนธรรม โดยฌานปัจจัย มี ๔ นัย. ฯลฯ เป็นปัจจัย โดยมัคคปัจจัย มี ๔ นัย ฯลฯ เป็นปัจจัย โดยสัมปยุตตปัจจัย มี ๒ นัย. [๓๘๓] อุปาทินนธรรม เป็นปัจจัยแก่อุปาทินนธรรม โดยวิปปยุตตปัจจัย มี ๓ อย่าง คือ สหชาต ปุเรชาต ปัจฉาชาต. ที่เป็นสหชาต ได้แก่ ในปฏิสนธิขณะ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอุปาทินนธรรม เป็นปัจจัย แก่กฏัตตารูปทั้งหลาย โดยวิปปยุตตปัจจัย ขันธ์ทั้งหลายเป็นปัจจัยแก่หทัยวัตถุ โดยวิปปยุตตปัจจัย หทัยวัตถุเป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย โดยวิปปยุตตปัจจัย. ที่เป็นปุเรชาต ได้แก่ จักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ กายายตนะ เป็นปัจจัย แก่กายวิญญาณ หทัยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอุปาทินนธรรม โดยวิปปยุตตปัจจัย. ที่เป็นปัจฉาชาต ได้แก่ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอุปาทินนธรรม เป็นปัจจัยแก่กายที่เป็น อุปาทินนธรรมนี้ ที่เกิดก่อน โดยวิปปยุตตปัจจัย. อุปาทินนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนุปาทินนธรรม โดยวิปปยุตตปัจจัย มี ๓ อย่าง คือ สหชาต ปุเรชาต ปัจฉาชาต. ที่เป็นสหชาต ได้แก่ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอุปาทินนธรรม เป็นปัจจัย แก่จิตตสมุฏฐาน รูปทั้งหลาย โดยวิปปยุตตปัจจัย. ที่เป็นปุเรชาต ได้แก่ หทัยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนุปาทินนธรรม และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย โดยวิปปยุตตปัจจัย. ที่เป็นปัจฉาชาต ได้แก่ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอุปาทินนธรรม เป็นปัจจัยแก่กายที่เป็น อนุปาทินนธรรมนี้ ที่เกิดก่อน โดยวิปปยุตตปัจจัย. อุปาทินนธรรม เป็นปัจจัยแก่อุปาทินนธรรม และอนุปาทินนธรรม โดยวิปปยุตตปัจจัย มีอย่างเดียว คือ ปัจฉาชาต ได้แก่ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอุปาทินนธรรม เป็นปัจจัยแก่ กายที่เป็นอุปาทินนธรรม และอนุปาทินนธรรมนี้ ที่เกิดก่อน โดยวิปปยุตตปัจจัย. อนุปาทินนธรรม เป็นปัจจัยแก่ อนุปาทินนธรรม โดยวิปปยุตตปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ สหชาต ปุเรชาต. ที่เป็นสหชาต ได้แก่ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนุปาทินนธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐาน- *รูปทั้งหลาย โดยวิปปยุตตปัจจัย. ที่เป็นปุเรชาต ได้แก่ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนุปาทินนธรรม เป็นปัจจัยแก่กายที่เป็น อนุปาทินนธรรมนี้ ที่เกิดก่อน โดยวิปปยุตตปัจจัย. อนุปาทินนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนุปาทินนธรรม โดยวิปปยุตตปัจจัย มีอย่างเดียว คือ ปัจฉาชาต ได้แก่ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนุปาทินนธรรม เป็นปัจจัย แก่กายที่เป็นอนุปาทินนธรรมนี้ ที่เกิดก่อน โดยวิปปยุตตปัจจัย. อนุปาทินนธรรม เป็นปัจจัยแก่อุปาทินนธรรม และอนุปาทินนธรรม โดยวิปปยุตต- *ปัจจัย มีอย่างเดียว คือ ปัจฉาชาต ได้แก่ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนุปาทินนธรรม เป็นปัจจัย แก่กายที่เป็นอุปาทินนธรรม และอนุปาทินนธรรมนี้ ที่เกิดก่อน โดยวิปปยุตตปัจจัย. [๓๘๔] อุปาทินนธรรม เป็นปัจจัยแก่อุปาทินนธรรม โดยอัตถิปัจจัย มี ๕ อย่าง คือ สหชาต ปุเรชาต ปัจฉาชาต อาหาร อินทรีย์.
ฯลฯ
บทที่ย่อไว้ พึงจำแนกให้ครบถ้วน.
อุปาทินนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนุปาทินนธรรม โดยอัตถิปัจจัย มี ๔ อย่าง คือ สหชาต ปุเรชาต ปัจฉาชาต อาหาร.
ฯลฯ
บทที่ย่อไว้ พึงให้พิสดาร.
อุปาทินนธรรม เป็นปัจจัยแก่อุปาทินนธรรม และอนุปาทินนธรรม โดยอัตถิปัจจัย มี ๓ อย่าง คือ สหชาต ปุเรชาต อาหาร.
ฯลฯ
บทที่ย่อไว้ พึงให้พิสดาร.
อนุปาทินนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนุปาทินนธรรม โดยอัตถิปัจจัย มี ๔ อย่าง คือ สหชาต ปุเรชาต ปัจฉาชาต อาหาร.
ฯลฯ
บทที่ย่อไว้ พึงจำแนกให้พิสดาร.
อนุปาทินนธรรม เป็นปัจจัยแก่อุปาทินนธรรม โดยอัตถิปัจจัย มี ๓ อย่าง คือ ปุเรชาต ปัจฉาชาต อาหาร. ที่เป็นปุเรชาต ได้แก่ รูปทั้งหลายที่เป็นอนุปาทินนธรรมที่เกิดก่อน ฯลฯ เสียง ฯลฯ โผฏฐัพพะ โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส เกิดขึ้น ในเมื่อกุศล และอกุศลดับไปแล้ว ตทารัมมณจิต ที่เป็นวิบาก เกิดขึ้น รูปายตนะ ที่เป็นอนุปาทินนธรรม เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ โผฏฐัพพายตนะ ฯลฯ. ที่เป็นปัจฉาชาต ได้แก่ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนุปาทินนธรรม เป็นปัจจัยแก่กายที่เป็น อุปาทินนธรรมนี้ ที่เกิดก่อน โดยอัตถิปัจจัย กวฬิงการาหารที่เป็นอนุปาทินนธรรม เป็นปัจจัยแก่กายที่เป็นอุปาทินนธรรมนี้ โดย อัตถิปัจจัย. อนุปาทินนธรรม เป็นปัจจัยแก่อุปาทินนธรรม และอนุปาทินนธรรม โดยอัตถิปัจจัย มี ๒ อย่าง คือ ปัจฉาชาต อาหาร. ที่เป็นปัจฉาชาต ได้แก่ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนุปาทินนธรรม เป็นปัจจัยแก่กายที่เป็น อุปาทินนธรรม และอนุปาทินนธรรมนี้ ที่เกิดก่อน โดยอัตถิปัจจัย กวฬิงการาหารที่เป็นอนุปาทินนธรรม เป็นปัจจัย แก่กายที่เป็นอุปาทินนธรรม และ อนุปาทินนธรรมนี้ โดยอัตถิปัจจัย. อุปาทินนธรรม และอนุปาทินนธรรม เป็นปัจจัยแก่อุปาทินนธรรม โดยอัตถิปัจจัย มี ๔ อย่าง คือ ปุเรชาต ปัจฉาชาต อาหาร อินทรีย์. ที่เป็นปุเรชาต ได้แก่ รูปายตนะที่เป็นอนุปาทินนธรรม และหทัยวัตถุ โผฏฐัพพายตนะ และหทัยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอุปาทินนธรรม โดยอัตถิปัจจัย รูปายตนะที่เป็นอนุปาทินนธรรม และจักขายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ โผฏฐัพ- *พายตนะที่เป็นอนุปาทินนธรรม และกายายตนะ เป็นปัจจัยแก่กายวิญญาณ โดยอัตถิปัจจัย. ที่เป็นปัจฉาชาต ได้แก่ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนุปาทินนธรรม กวฬิงการาหารที่เป็น อนุปาทินนธรรม เป็นปัจจัยแก่กายที่เป็นอุปาทินนธรรมนี้ โดยอัตถิปัจจัย. ที่เป็นปัจฉาชาต ได้แก่ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอุปาทินนธรรม และรูปชีวิตินทรีย์ เป็น ปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย โดยอัตถิปัจจัย. อุปาทินนธรรม และอนุปาทินนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนุปาทินนธรรม โดยอัตถิปัจจัย มี ๔ อย่าง คือ สหชาต ปุเรชาต ปัจฉาชาต อาหาร. ที่เป็นสหชาต ได้แก่ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอุปาทินนธรรม และมหาภูตรูปทั้งหลาย เป็น ปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย โดยอัตถิปัจจัย. ที่เป็นสหชาต ได้แก่ ขันธ์ ๑ ที่เป็นอนุปาทินนธรรม และหทัยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ ขันธ์ ๓ โดยอัตถิปัจจัย ขันธ์ ๒ ฯลฯ. ที่เป็นปุเรชาต ได้แก่ รูปายตนะที่เป็นอนุปาทินนธรรม และหทัยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนุปาทินนธรรม โดยอัตถิปัจจัย โผฏฐัพพายตนะ และหทัยวัตถุ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอนุปาทินนธรรม โดยอัตถิปัจจัย. ที่เป็นปัจฉาชาต ได้แก่ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอุปาทินนธรรม และกวฬิงการาหารที่เป็น อนุปาทินนธรรม เป็นปัจจัยแก่กายที่เป็นอนุปาทินนธรรมนี้ โดยอัตถิปัจจัย. อุปาทินนธรรม และอนุปาทินนธรรม เป็นปัจจัยแก่อุปาทินนธรรม และอนุปาทินนธรรม โดยอัตถิปัจจัย มีอย่างเดียว คือ อาหาร ได้แก่ กวฬิงการาหารที่เป็นอุปาทินนธรรม และอนุปาทินน- *ธรรม เป็นปัจจัยแก่กายที่เป็นอุปาทินนธรรม และอนุปาทินนธรรมนี้ โดยอัตถิปัจจัย ฯลฯ เป็นปัจจัย โดยอัตถิปัจจัย เป็นปัจจัย โดยวิคตปัจจัย เป็นปัจจัย โดยอวิคต- *ปัจจัย. [๓๘๕] ในเหตุปัจจัย มีวาระ ๔ ในอารัมมณปัจจัย มี " ๔ ในอธิปติปัจจัย มี " ๒ ในอนันตรปัจจัย มี " ๔ ในสมนันตรปัจจัย มี " ๔ ในสหชาตปัจจัย มี " ๕ ในอัญญมัญญปัจจัย มี " ๒ ในนิสสยปัจจัย มี " ๕ ในอุปนิสสยปัจจัย มี " ๔ ในปุเรชาตปัจจัย มี " ๖ ในปัจฉาชาตปัจจัย มี " ๖ ในอาเสวนปัจจัย มี " ๑ ในกัมมปัจจัย มี " ๕ ในวิปากปัจจัย มี " ๔ ในอาหารปัจจัย มี " ๙ ในอินทริยปัจจัย มี " ๔ ในฌานปัจจัย มี " ๔ ในมัคคปัจจัย มี " ๔ ในสัมปยุตตปัจจัย มี " ๒ ในวิปปยุตตปัจจัย มี " ๖ ในอัตถิปัจจัย มี " ๙ ในนัตถิปัจจัย มี " ๔ ในวิคตปัจจัย มี " ๔ ในอวิคตปัจจัย มี " ๙. [๓๘๖] อุปาทินนธรรม เป็นปัจจัยแก่อุปาทินนธรรม โดยอารัมมณปัจจัย เป็นปัจจัย โดยสหชาตปัจจัย เป็นปัจจัยโดยอุปนิสสยปัจจัย เป็นปัจจัยโดยปุเรชาตปัจจัย เป็นปัจจัยโดย ปัจฉาชาตปัจจัย เป็นปัจจัยโดยอาหารปัจจัย เป็นปัจจัยโดยอินทริยปัจจัย. อุปาทินนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนุปาทินนธรรม โดยอารัมมณปัจจัย เป็นปัจจัยโดย สหชาตปัจจัย เป็นปัจจัยโดยอุปนิสสยปัจจัย เป็นปัจจัยโดยปุเรชาตปัจจัย เป็นปัจจัยโดยปัจฉา- *ชาตปัจจัย เป็นปัจจัยโดยอาหารปัจจัย. อุปาทินนธรรม เป็นปัจจัยแก่อุปาทินนธรรม และอนุปาทินนธรรม โดยสหชาตปัจจัย เป็นปัจจัยโดยปัจฉาชาตปัจจัย เป็นปัจจัยโดยอาหารปัจจัย. อนุปาทินนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนุปาทินนธรรม โดยอารัมมณปัจจัย เป็นปัจจัยโดย สหชาตปัจจัย เป็นปัจจัยโดยอุปนิสสยปัจจัย เป็นปัจจัยโดยปุเรชาตปัจจัย เป็นปัจจัยโดย ปัจฉาชาตปัจจัย เป็นปัจจัยโดยอาหารปัจจัย. อนุปาทินนธรรม เป็นปัจจัยแก่อุปาทินนธรรม โดยอารัมมณปัจจัย เป็นปัจจัยโดย อุปนิสสยปัจจัย เป็นปัจจัยโดยปุเรชาตปัจจัย เป็นปัจจัยโดยปัจฉาชาตปัจจัย เป็นปัจจัยโดยกัมมปัจจัย เป็นปัจจัยโดยอาหารปัจจัย. อนุปาทินนธรรม เป็นปัจจัยแก่อุปาทินนธรรมและอนุปาทินนธรรม โดยปัจฉาชาตปัจจัย เป็นปัจจัยโดยอาหารปัจจัย. อุปาทินนธรรม และอนุปาทินนธรรม เป็นปัจจัยแก่อุปาทินนธรรม โดยปุเรชาตปัจจัย เป็นปัจจัยโดยปัจฉาชาตปัจจัย เป็นปัจจัยโดยอาหารปัจจัย เป็นปัจจัยโดยอินทริยปัจจัย. อุปาทินนธรรม และอนุปาทินนธรรม เป็นปัจจัยแก่อนุปาทินนธรรม โดยสหชาตปัจจัย เป็นปัจจัยโดยปุเรชาตปัจจัย เป็นปัจจัยโดยปัจฉาชาตปัจจัย เป็นปัจจัยโดยอาหารปัจจัย. อุปาทินนธรรม และอนุปาทินนธรรม เป็นปัจจัยแก่อุปาทินนธรรม และอนุปาทินน- *ธรรม โดยอาหารปัจจัย. [๓๘๗] ในปัจจัยที่ไม่ใช่เหตุปัจจัย มีวาระ ๙ ในปัจจัยที่ไม่ใช่อารัมมณปัจจัย มี " ๙ ในปัจจัยทั้งปวง มี " ๙ ในปัจจัยที่ไม่ใช่อาหารปัจจัย มี " ๘ ในปัจจัยที่ไม่ใช่สัมปยุตตปัจจัย มี " ๙ ในปัจจัยที่ไม่ใช่วิปปยุตตปัจจัย มี " ๙ ในปัจจัยที่ไม่ใช่อัตถิปัจจัย มี " ๔ ในปัจจัยที่ไม่ใช่นัตถิปัจจัย มี " ๙ ในปัจจัยที่ไม่ใช่วิคตปัจจัย มี " ๙ ในปัจจัยที่ไม่ใช่อวิคตปัจจัย มี " ๔. [๓๘๘] ในปัจจัยที่ไม่ใช่อารัมมณปัจจัย กับเหตุปัจจัย มีวาระ ๔ ในปัจจัยที่ไม่ใช่อัญญมัญญปัจจัย กับ ฯลฯ มีวาระ ๓ ในปัจจัยที่ไม่ใช่อุปนิสสยปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๔ ในปัจจัยที่ไม่ใช่สัมปยุตตปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๓ ในปัจจัยที่ไม่ใช่วิปปยุตตปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๒ ในปัจจัยที่ไม่ใช่นัตถิปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๔ ในปัจจัยที่ไม่ใช่วิคตปัจจัย กับ ฯลฯ [๓๘๙] ในอารัมมณปัจจัย มี " ๔ กับปัจจัยที่ไม่ใช่เหตุปัจจัย มีวาระ ๔ ในอธิปติปัจจัย กับ ฯลฯ มี " ๒.
พึงกระทำอนุโลมมาติกา.
ในอวิคตปัจจัย กับปัจจัยที่ไม่ใช่เหตุปัจจัย มีวาระ ๙.
อุปาทินนทุกะ จบ

             เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๔๓ บรรทัดที่ ๕๙๓๘-๖๓๕๒ หน้าที่ ๒๓๒-๒๔๘. https://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=43&A=5938&Z=6352&pagebreak=0              ฟังเนื้อความพระไตรปิฎก : [1], [2], [3], [4], [5], [6]              อ่านเทียบพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาฯ :- https://84000.org/tipitaka/pitaka_item/m_siri.php?B=43&siri=43              ศึกษาพระไตรปิฏกฉบับภาษาบาลีอักษรไทย :- [370-389] https://84000.org/tipitaka/pali/pali_item_s.php?book=43&item=370&items=20              The Pali Tipitaka in Roman :- [370-389] https://84000.org/tipitaka/pali/roman_item_s.php?book=43&item=370&items=20              สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่ ๔๓ https://84000.org/tipitaka/read/?index_43

อ่านหน้า[ต่าง] แรกอ่านหน้า[ต่าง] ที่แล้วแสดงหมายเลขหน้า
ในกรณี :- 
   บรรทัดแรกของแต่ละหน้าอ่านหน้า[ต่าง] ถัดไปอ่านหน้า[ต่าง] สุดท้าย

บันทึก ๒๗ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ บันทึกล่าสุด ๒๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ การแสดงผลนี้อ้างอิงข้อมูลจากพระไตรปิฎกฉบับหลวง. หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]

สีพื้นหลัง :