ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
                      พระองค์นั้น
บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ
     ฉบับภาษาไทย   บาลีอักษรไทย   บาลีอักษรโรมัน 
อ่านหัวข้อแรกอ่านหัวข้อที่แล้วแสดงหมายเลขหน้า
ในกรณี :- 
   บรรทัดแรกของแต่ละหน้าอ่านหัวข้อถัดไปอ่านหัวข้อสุดท้าย
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๐ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๒ อังคุตตรนิกาย เอก-ทุก-ติกนิบาต
             [๔๕๔] ๑๕. สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับ ณ ป่าอิสิปตนมฤค-
*ทายวัน ใกล้พระนครพาราณสี ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระภาคตรัสเรียกภิกษุทั้งหลาย
ว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเหล่านั้น ทูลรับสนองพระผู้มีพระภาคแล้ว พระผู้มี
พระภาคได้ตรัสว่า ฯ
             ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรื่องเคยมีมาแล้ว มีพระราชาพระองค์หนึ่งพระนามว่า
ปเจตนะ ครั้งนั้น พระเจ้าปเจตนะได้รับสั่งกะนายช่างรถว่า ดูกรนายช่างรถผู้สหาย
แต่นี้ไปอีก ๖ เดือน ฉันจักทำสงคราม ท่านสามารถจะทำล้อคู่ใหม่ของฉันได้ไหม
นายช่างรถได้ทูลรับรองต่อพระเจ้าปเจตนะว่า ขอเดชะ  ข้าพระองค์สามารถจะทำ
ถวายได้ ครั้งนั้นแล นายช่างรถได้ทำล้อสำเร็จข้างหนึ่ง โดย ๖ เดือน หย่อน
๖ ราตรี ครั้งนั้นแล พระเจ้าปเจตนะตรัสเรียกนายช่างรถมาถามว่า ดูกรชายช่าง
รถผู้สหาย แต่นี้ไปอีก ๖ วัน ฉันจักทำสงคราม ล้อคู่ใหม่สำเร็จแล้วหรือ ฯ
             นายช่างรถกราบทูลว่า ขอเดชะ โดย ๖ เดือน หย่อนอยู่อีก ๖ ราตรีนี้
แล ล้อได้เสร็จไปแล้วข้างหนึ่งฯ
             พระเจ้าปเจตนะตรัสถามว่า ดูกรนายช่างรถผู้สหาย ๖ วันนี้ท่านสามารถ
จะทำล้อข้างที่สองของฉันให้เสร็จได้หรือ ฯ
             นายช่างรถได้กราบทูลรับรองต่อพระเจ้าปเจตนะว่า ขอเดชะ ข้าพระองค์
สามารถจะทำให้เสร็จได้ ฯ
             ดูกรภิกษุทั้งหลาย ครั้งนั้นแล นายช่างรถทำล้อข้างที่สองเสร็จโดย ๖ วัน
แล้ว นำเอาล้อคู่ใหม่เข้าไปเฝ้าพระเจ้าปเจตนะถึงที่ประทับ แล้วกราบทูลว่า
ขอเดชะล้อคู่ใหม่ของพระองค์นี้สำเร็จแล้ว
             พระเจ้าปเจตนะรับสั่งถามว่า ดูกรนายช่างรถผู้สหาย ล้อของท่านข้างที่
เสร็จโดย ๖ เดือนหย่อน ๖ ราตรี กับอีกข้างหนึ่งเสร็จโดย ๖ วันนี้ เหตุอะไร
เป็นเครื่องทำให้แตกต่างกัน ฉันจะเห็นความแตกต่างของมันได้อย่างไร ฯ
             นายช่างรถกราบทูลว่า ขอเดชะ ความแตกต่างของมันมีอยู่ ขอพระองค์
จงทรงทอดพระเนตรความแตกต่างกันของมัน ฯ
             ดูกรภิกษุทั้งหลาย ลำดับนั้นแล นายช่างรถยังล้อข้างที่เสร็จโดย ๖ วัน
ให้หมุนไป ล้อนั้นเมื่อนายช่างรถหมุนไป ก็หมุนไปได้เท่าที่นายช่างรถหมุนไป
แล้วหมุนเวียนล้มลงบนพื้นดิน นายช่างรถได้ยังล้อข้างที่เสร็จโดย ๖ เดือนหย่อน
อยู่ ๖ ราตรีให้หมุนไป ล้อนั้น เมื่อนายช่างรถหมุนไป ก็หมุนไปได้เท่าที่นายช่าง
รถหมุนไป แล้วตั้งอยู่เหมือนอยู่ในเพลา ฉะนั้น ฯ
             พระเจ้าปเจตนะตรัสถามว่า ดูกรนายช่างรถผู้สหาย อะไรหนอเป็นเหตุ เป็น
ปัจจัย ล้อข้างที่เสร็จโดย ๖ วันนี้ เมื่อถูกท่านหมุนไปแล้ว จึงหมุนไปเพียงเท่า
ท่านหมุนไปได้ แล้วหมุนเวียนล้มลงบนพื้นดิน ก็อะไรหนอเป็นเหตุ เป็นปัจจัย
ล้อข้างที่เสร็จโดย ๖ เดือนหย่อนอยู่ ๖ ราตรีนี้ เมื่อท่านหมุนไป จึงหมุนไปเท่าที่
ท่านหมุนไปได้ แล้วได้ตั้งอยู่เหมือนกับอยู่ในเพลา ฉะนั้น ฯ
             นายช่างรถกราบทูลว่า ขอเดชะ กงก็ดี กำก็ดี ดุมก็ดี ของล้อข้างที่
เสร็จแล้วโดย ๖ วันนี้ มันคดโค้ง มีโทษ มีรสฝาด เพราะกงก็ดี กำก็ดี ดุม
ก็ดี คดโค้ง มีโทษ มีรสฝาด ฉะนั้นเมื่อข้าพระองค์หมุนไป จึงหมุนไป
เท่าที่ข้าพระองค์หมุนไป แล้วหมุนเวียนล้มบนพื้นดิน ขอเดชะ ส่วนกงก็ดี
กำก็ดี ดุมก็ดี ของล้อข้างที่เสร็จโดย ๖ เดือนหย่อนอยู่อีก ๖ ราตรีนี้ ไม่คดโค้ง
หมดโทษ ไม่มีรสฝาด ฉะนั้น เมื่อข้าพระองค์หมุนไป จึงหมุนไปได้เท่าที่
ข้าพระองค์หมุนไป แล้วได้ตั้งอยู่เหมือนกับอยู่ในเพลา ฉะนั้น ฯ
             ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ท่านทั้งหลายจะพึงคิดอย่างนี้ว่า สมัยนั้น คนอื่นได้
เป็นนายช่างรถ แต่ข้อนี้ไม่ควรเห็นดังนั้น สมัยนั้น เราได้เป็นนายช่างรถ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย คราวนั้น เราเป็นคนฉลาดในความคดโค้งแห่งไม้ ในโทษ
แห่งไม้ ในรสฝาดแห่งไม้ แต่บัดนี้เราเป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ฉลาดใน
ความคดโกงแห่งกาย ในโทษแห่งกาย ในรสฝาดแห่งกาย ฉลาดในความคดโกง
แห่งวาจา ในโทษแห่งวาจา ในรสฝาดแห่งวาจา ฉลาดในความคดโกงแห่งใจ
ในโทษแห่งใจ ในรสฝาดแห่งใจ ฯ
             ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุหรือภิกษุณีรูปใดรูปหนึ่ง ไม่ละความคดโกง
แห่งกาย โทษแห่งกาย รสฝาดแห่งกาย ไม่ละความคดโกงแห่งวาจา โทษแห่ง
วาจา รสฝาดแห่งวาจา ไม่ละความคดโกงแห่งใจ โทษแห่งใจ รสฝาดแห่งใจ
เขาได้พลัดตกไปจากธรรมวินัยนี้ เหมือนกับล้อข้างที่เสร็จโดย ๖ วัน ฉะนั้น ฯ
             ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุหรือภิกษุณีรูปใดรูปหนึ่ง ละความคดโกงแห่งกาย
โทษแห่งกาย รสฝาดแห่งกาย ละความคดโกงแห่งวาจา โทษแห่งวาจา
รสฝาดแห่งวาจา ละความคดโกงแห่งใจ โทษแห่งใจ รสฝาดแห่งใจ
ได้ เขาดำรงมั่นอยู่ในธรรมวินัยนี้ เหมือนกับล้อข้างที่เสร็จโดย ๖ เดือนหย่อน
อยู่ ๖ ราตรี ฉะนั้น ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพราะเหตุนั้นแล เธอทั้งหลายพึงศึกษา
อย่างนี้ว่า เราทั้งหลายจักละความคดโกงแห่งกาย โทษแห่งกาย รสฝาดแห่งกาย
จักละความคดโกงแห่งวาจา โทษแห่งวาจา รสฝาดแห่งวาจา จักละความ
คดโกงแห่งใจ โทษแห่งใจ รสฝาดแห่งใจ ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลาย
พึงศึกษาอย่างนี้แล ฯ
อปัณณกสูตร

             เนื้อความพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๐ บรรทัดที่ ๒๙๒๐-๒๙๘๒ หน้าที่ ๑๒๖-๑๒๙. https://84000.org/tipitaka/read/v.php?B=20&A=2920&Z=2982&pagebreak=0 https://84000.org/tipitaka/read/byitem.php?book=20&item=454&items=1&mode=bracket              อ่านโดยใช้เนื้อความเป็น เกณฑ์แบ่งข้อ :- https://84000.org/tipitaka/read/byitem.php?book=20&item=454&items=1              อ่านเทียบพระไตรปิฎกภาษาบาลีอักษรไทย :- https://84000.org/tipitaka/pali/pali_item.php?book=20&item=454&items=1&mode=bracket              อ่านเทียบพระไตรปิฎกภาษาบาลีอักษรโรมัน :- https://84000.org/tipitaka/read/roman_item.php?book=20&item=454&items=1&mode=bracket              ศึกษาอรรถกถานี้ที่ :- https://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=20&i=454              สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๐ https://84000.org/tipitaka/read/?index_20 https://84000.org/tipitaka/english/?index_20

อ่านหัวข้อแรกอ่านหัวข้อที่แล้วแสดงหมายเลขหน้า
ในกรณี :- 
   บรรทัดแรกของแต่ละหน้าอ่านหัวข้อถัดไปอ่านหัวข้อสุดท้าย

บันทึก ๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๖. บันทึกล่าสุด ๓๐ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๙. การแสดงผลนี้อ้างอิงข้อมูลจากพระไตรปิฎก ฉบับหลวง. หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]