ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
                      พระองค์นั้น
บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ
     ฉบับภาษาไทย   บาลีอักษรไทย   บาลีอักษรโรมัน 
อ่านหัวข้อแรกอ่านหัวข้อที่แล้วแสดงหมายเลขหน้า
ในกรณี :- 
   บรรทัดแรกของแต่ละหน้าอ่านหัวข้อถัดไปอ่านหัวข้อสุดท้าย
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๗ ขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ-ธรรมบท-อุทาน-อิติวุตตกะ-สุตตนิบาต
             [๓๖๒] 	ข้าพระองค์ขอถามพระโคดมผู้ทรงรู้ถ้อยคำ ผู้ทรงผ้ากาสายะ
                          ไม่ยึดถืออะไรเที่ยวไป ผู้ใดเป็นคฤหัสถ์ ควรแก่การขอ เป็น
                          ทานบดี มีความต้องการบุญ มุ่งบุญ ให้ข้าวน้ำ บูชาแก่
                          ชนเหล่าอื่นในโลกนี้ การบูชาของผู้บูชาอยู่อย่างนี้ จะพึง
                          บริสุทธิ์ได้อย่างไร ฯ
             พ. 	(ดูกรมาฆมาณพ) ผู้ใดเป็นคฤหัสถ์ ควรแก่การขอ เป็น
                          ทานบดี มีความต้องการบุญ มุ่งบุญ ให้ข้าวน้ำบูชาแก่ชน
                          เหล่าอื่นในโลกนี้ ผู้เช่นนั้น พึงให้ทักขิไณยบุคคลยินดีได้ ฯ
             ม. 	ผู้ใดเป็นคฤหัสถ์ ควรแก่การขอ เป็นทานบดี มีความต้อง-
                          การบุญ มุ่งบุญ ให้ข้าวน้ำบูชาแก่ชนเหล่าอื่นในโลกนี้ ข้า
                          แต่พระผู้มีพระภาค ขอพระองค์ทรงบอกทักขิไณยบุคคล
                          แก่ข้าพระองค์เถิด ฯ
             พ. 	ชนเหล่าใดแลไม่เกี่ยวข้อง หาเครื่องกังวลมิได้ สำเร็จกิจ
                          แล้ว มีจิตคุ้มครองแล้ว เที่ยวไปในโลก พราหมณ์ผู้มุ่งบุญ
                          พึงหลั่งไทยธรรม บูชาในชนเหล่านั้นตามกาล ชนเหล่าใดตัด
                          กิเลสเครื่องผูกพันคือสังโยชน์ได้ทั้งหมด ฝึกตนแล้ว เป็น
                          ผู้พ้นเด็ดขาด ไม่มีทุกข์ ไม่มีความหวัง พราหมณ์ผู้มุ่งบุญ
                          พึงหลั่งไทยธรรม บูชาในชนเหล่านั้นตามกาล ชนเหล่าใด
                          พ้นเด็ดขาดจากสังโยชน์ทั้งหมด ฝึกตนแล้ว เป็นผู้หลุดพ้น
                          แล้ว ไม่มีทุกข์ ไม่มีความหวัง พราหมณ์พึงหลั่งไทยธรรม
                          บูชาในชนเหล่านั้นตามกาล ชนเหล่าใดละราคะ โทสะ
                          และโมหะได้แล้ว มีอาสวะสิ้นแล้ว อยู่จบพรหมจรรย์
                          พราหมณ์พึงหลั่งไทยธรรมบูชาในชนเหล่านั้นตามกาล ชน
                          เหล่าใดไม่มีมายา ไม่มีความถือตัว มีอาสวะสิ้นแล้ว อยู่จบ
                          พรหมจรรย์ พราหมณ์พึงหลั่งไทยธรรมในชนเหล่านั้นตาม
                          กาล ชนเหล่าใดปราศจากความโลภ ไม่ยึดถืออะไรๆ ว่า
                          เป็นของเรา ไม่มีความหวัง มีอาสวะสิ้นแล้ว อยู่จบพรหม-
                          จรรย์ พราหมณ์พึงหลั่งไทยธรรมบูชาในชนเหล่านั้นตามกาล
                          ชนเหล่าใดแล ไม่น้อมไปในตัณหาทั้งหลาย ข้ามโอฆะได้แล้ว
                          ไม่ยึดถืออะไรๆ ว่าเป็นของเรา เที่ยวไปอยู่ พราหมณ์พึง
                          หลั่งไทยธรรมบูชาในชนเหล่านั้นตามกาล ชนเหล่าใดไม่มี
                          ตัณหาเพื่อเกิดในภพใหม่ ในโลกไหนๆ คือ ในโลกนี้
                          หรือในโลกอื่น พราหมณ์พึงหลั่งไทยธรรมบูชาในชนเหล่า
                          นั้นตามกาล ชนเหล่าใดละกามทั้งหลายได้แล้ว ไม่ยึดถือ
                          อะไรเที่ยวไป มีตนสำรวมดีแล้ว เหมือนกระสวยที่ตรงไป
                          ฉะนั้น พราหมณ์พึงหลั่งไทยธรรมบูชาในชนเหล่านั้นตามกาล
                          ชนเหล่าใดปราศจากความกำหนัด มีอินทรีย์ตั้งมั่นดีแล้ว
                          พ้นจากการจับแห่งกิเลส เปล่งปลั่งอยู่ เหมือนพระจันทร์
                          พ้นแล้วจากราหูจับ สว่างไสวอยู่ฉะนั้น พราหมณ์
                          พึงหลั่งไทยธรรมบูชาในชนเหล่านั้นตามกาล ชนเหล่าใด
                          มีกิเลสสงบแล้ว ปราศจากความกำหนัด เป็นผู้ไม่โกรธ
                          ไม่มีคติ เพราะละขันธ์อันเป็นไปในโลกนี้ได้เด็ดขาด
                          พราหมณ์พึงหลั่งไทยธรรมบูชาในชนเหล่านั้นตามกาล ชน
                          เหล่าใดละชาติและมรณะไม่มีส่วนเหลือ ล่วงพ้นความสงสัย
                          ได้ทั้งปวง พราหมณ์พึงหลั่งไทยธรรมบูชาในชนเหล่านั้น
                          ตามกาล ชนเหล่าใดมีตนเป็นที่พึ่ง ไม่มีเครื่องกังวล
                          หลุดพ้นแล้วในธรรมทั้งปวง เที่ยวไปอยู่ในโลก พราหมณ์
                          พึงหลั่งไทยธรรมบูชาในชนเหล่านั้นตามกาล ชนเหล่าใด
                          แล ย่อมรู้ในขันธ์และอายตนะเป็นต้นตามความเป็นจริงว่า
                          ชาตินี้มีในที่สุด ภพใหม่ไม่มี ดังนี้ พราหมณ์พึงหลั่งไทย
                          ธรรมบูชาในชนเหล่านั้นตามกาล ชนเหล่าใดเป็นผู้ถึง
                          เวท ยินดีในฌาน มีสติ บรรลุธรรมเครื่องตรัสรู้ดี เป็นที่
                          พึ่งของเทวดาและมนุษย์เป็นอันมาก พราหมณ์ผู้มุ่งบุญพึง
                          หลั่งไทยธรรมบูชาในชนเหล่านั้นตามกาล ฯ
             ม. 	คำถามของข้าพระองค์ไม่เปล่าประโยชน์แน่นอน ข้าแต่
                          พระผู้มีพระภาค พระองค์ตรัสบอกทักขิไณยบุคคลแก่
                          ข้าพระองค์แล้ว ก็พระองค์ย่อมทรงทราบไญยธรรมนี้ ใน
                          โลกนี้โดยถ่องแท้ จริงอย่างนั้น ธรรมนี้พระองค์ทรงทราบ
                          แจ่มแจ้งแล้ว ผู้ใดเป็นคฤหัสถ์ เป็นผู้ควรแก่การขอ เป็น
                          ทานบดี มีความต้องการบุญ มุ่งบุญ ให้ข้าวน้ำบูชาแก่ชน
                          เหล่าอื่นในโลกนี้ ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ขอพระองค์ตรัส
                          บอกถึงความพร้อมแห่งยัญแก่ข้าพระองค์ ฯ
             พ. 	ดูกรมาฆะ เมื่อท่านจะบูชาก็จงบูชาเถิด และจงทำจิตให้ผ่องใส
                          ในกาลทั้งปวง เพราะยัญย่อมเป็นอารมณ์ของบุคคลผู้บูชายัญ
                          บุคคลตั้งมั่นในยัญนี้แล้ว ย่อมละโทสะเสียได้ อนึ่ง บุคคล
                          ผู้นั้น ปราศจากความกำหนัดแล้ว พึงกำจัดโทสะ เจริญ
                          เมตตาจิตอันประมาณมิได้ ไม่ประมาทแล้วเนืองๆ ทั้งกลาง
                          คืนกลางวัน ย่อมแผ่อัปปมัญญาภาวนาไปทั่วทิศ ฯ
             ม. 	ใครย่อมบริสุทธิ์ ใครย่อมหลุดพ้น และใครยังติดอยู่ บุคคล
                          จะไปพรหมโลกได้ด้วยอะไร ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นมุนี
                          ข้าพระองค์ทูลถามแล้ว ขอพระองค์โปรดตรัสบอกแก่
                          ข้าพระองค์ผู้ไม่รู้ ก็พระผู้มีพระภาคผู้เป็นพรหม ข้าพระองค์
                          ขออ้างเป็นพยานในวันนี้ เพราะพระองค์เป็นผู้เสมอด้วย
                          พรหมของข้าพระองค์จริงๆ (ข้าแต่พระองค์ผู้มีความรุ่งเรือง)
                          บุคคลจะเข้าถึงพรหมโลกได้อย่างไร ฯ
             พ. 	(ดูกรมาฆะ) ผู้ใดย่อมบูชายัญครบทั้ง ๓ อย่าง ผู้เช่นนั้น
                          พึงให้ทักขิไณยบุคคลทั้งหลายยินดีได้ เราย่อมกล่าวผู้นั้นว่า
                          เป็นผู้ควรแก่การขอ ครั้นบูชาโดยชอบอย่างนั้นแล้ว ย่อมเข้า
                          ถึงพรหมโลก ฯ

             เนื้อความพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๕ บรรทัดที่ ๘๖๙๘-๘๗๗๖ หน้าที่ ๓๗๙-๓๘๒. https://84000.org/tipitaka/read/v.php?B=25&A=8698&Z=8776&pagebreak=0 https://84000.org/tipitaka/read/byitem.php?book=25&item=362&items=1              อ่านโดยใช้เครื่องหมาย [เลขข้อ] เป็น เกณฑ์แบ่งข้อ :- https://84000.org/tipitaka/read/byitem.php?book=25&item=362&items=1&mode=bracket              อ่านเทียบพระไตรปิฎกภาษาบาลีอักษรไทย :- https://84000.org/tipitaka/pali/pali_item.php?book=25&item=362&items=1              อ่านเทียบพระไตรปิฎกภาษาบาลีอักษรโรมัน :- https://84000.org/tipitaka/read/roman_item.php?book=25&item=362&items=1              ศึกษาอรรถกถานี้ที่ :- https://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=25&i=362              สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๕ https://84000.org/tipitaka/read/?index_25 https://84000.org/tipitaka/english/?index_25

อ่านหัวข้อแรกอ่านหัวข้อที่แล้วแสดงหมายเลขหน้า
ในกรณี :- 
   บรรทัดแรกของแต่ละหน้าอ่านหัวข้อถัดไปอ่านหัวข้อสุดท้าย

บันทึก ๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๖. บันทึกล่าสุด ๓๐ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๙. การแสดงผลนี้อ้างอิงข้อมูลจากพระไตรปิฎก ฉบับหลวง. หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]