ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
                      พระองค์นั้น
บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ
     ฉบับภาษาไทย   บาลีอักษรไทย   บาลีอักษรโรมัน 
อ่านหัวข้อแรกอ่านหัวข้อที่แล้วแสดงหมายเลขหน้า
ในกรณี :- 
   บรรทัดแรกของแต่ละหน้าอ่านหัวข้อถัดไปอ่านหัวข้อสุดท้าย
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๑ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๓ ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค
             [๕๓๓] สัมมาทิฐิเป็นความผ่องใสแห่งการเห็น มิจฉาทิฐิเป็นกาก
อรรถรส ธรรมรส วิมุติรส ในสัมมาทิฐินั้น เป็นธรรมที่ควรดื่ม สัมมา-
*สังกัปปะเป็นความผ่องใสแห่งความดำริ มิจฉาสังกัปปะเป็นกาก อรรถรส
ธรรมรส วิมุติรส ในสัมมาสังกัปปะนั้น เป็นธรรมที่ควรดื่ม สัมมาวาจา
เป็นความผ่องใสแห่งความกำหนด มิจฉาวาจาเป็นกาก อรรถรส ธรรมรส
วิมุติรส ในสัมมาวาจานั้น เป็นธรรมที่ควรดื่ม สัมมากัมมันตะเป็นความผ่องใส
แห่งสมุฏฐาน อรรถรส ธรรมรส วิมุติรส ในสัมมากัมมันตะนั้น เป็นธรรม
ที่ควรดื่ม สัมมาวาชีวะเป็นความผ่องใสแห่งความผ่องแผ้ว มิจฉาอาชีวะเป็น
กาก อรรถรส ธรรมรส วิมุติรส ในสัมมาวาชีวะนั้น เป็นธรรมที่ควร
ดื่ม สัมมาวายามะเป็นความผ่องใสแห่งการประคองไว้ มิจฉาวายามะเป็น
กาก อรรถรส ธรรมรส วิมุติรส ในสัมมาวายามะนั้น เป็นธรรมที่ควร
ดื่ม สัมมาสติเป็นความผ่องใสแห่งการตั้งมั่น มิจฉาสตินั้นเป็นกาก อรรถรส
ธรรมรส วิมุติรส ในสัมมาสตินั้น เป็นธรรมที่ควรดื่ม สัมมาสมาธิเป็น
ความผ่องใสแห่งความไม่ฟุ้งซ่าน มิจฉาสมาธิเป็นกาก อรรถรส ธรรมรส
วิมุติรส ในสัมมาสมาธินั้น เป็นธรรมที่ควรดื่ม สัมมาทิฐิเป็นความผ่องใส
แห่งการเห็น สัมมาสังกัปปะเป็นความผ่องใสแห่งความดำริ สัมมาวาจาเป็น
ความผ่องใสแห่งการกำหนด สัมมากัมมันตะเป็นความผ่องใสแห่งสมุฏฐาน
สัมมาอาชีวะเป็นความผ่องใสแห่งความผ่องแผ้ว สัมมาวายามะเป็นความผ่องใส
แห่งความประคองไว้ สัมมาสติเป็นความผ่องใสแห่งความตั้งมั่น สัมมาสมาธิ
เป็นความผ่องใสแห่งความไม่ฟุ้งซ่าน สติสัมโพชฌงค์เป็นความผ่องใสแห่ง
ความตั้งมั่น ธรรมวิจยสัมโพชฌงค์เป็นความผ่องใสแห่งความประคองไว้ ปีติ-
*สัมโพชฌงค์เป็นความผ่องใสแห่งความแผ่ซ่าน ปัสสัทธิสัมโพชฌงค์เป็นความ
ผ่องใสแห่งความสงบ สมาธิสัมโพชฌงค์เป็นความผ่องใสแห่งความไม่ฟุ้งซ่าน
อุเบกขาสัมโพชฌงค์เป็นความผ่องใสแห่งการพิจารณาหาทาง สัทธาพละเป็น
ความผ่องใสแห่งความไม่หวั่นไหวไปในความเป็นผู้ไม่มีศรัทธา วิริยพละเป็น
ความผ่องใสแห่งความไม่หวั่นไหวไปในความเกียจคร้าน สติพละเป็นความผ่อง
ใสแห่งความไม่หวั่นไหวไปในความประมาท สมาธิพละเป็นความผ่องใสแห่ง
ความไม่หวั่นไหวไปในอุทธัจจะ ปัญญาพละเป็นความผ่องใสแห่งความไม่หวั่น-
*ไหวไปในอวิชชา สัทธินทรีย์เป็นความผ่องใสแห่งความน้อมใจเชื่อ วิริยินทรีย์
เป็นความผ่องใสแห่งความประคองไว้ สตินทรีย์เป็นความผ่องใสแห่งการตั้งมั่น
สมาธินทรีย์เป็นความผ่องใสแห่งความไม่ฟุ้งซ่าน ปัญญินทรีย์เป็นความผ่องใส
แห่งการเห็น อินทรีย์เป็นความผ่องใสเพราะอรรถว่าเป็นใหญ่ พละเป็น
ความผ่องใสเพราะอรรถว่าไม่หวั่นไหว โพชฌงค์เป็นความผ่องใสเพราะอรรถ
ว่านำออก มรรคเป็นความผ่องใสเพราะอรรถว่าเป็นเหตุ สติปัฏฐานเป็นความ
ผ่องใสเพราะอรรถว่าตั้งมั่น สัมมัปปธานเป็นความผ่องใสเพราะอรรถว่าเริ่มตั้ง
ไว้ อิทธิบาทเป็นความผ่องใสเพราะอรรถว่าให้สำเร็จ สมถะเป็นความผ่อง
ใสเพราะอรรถว่าไม่ฟุ้งซ่าน วิปัสสนาเป็นความผ่องใสเพราะอรรถว่าพิจารณาเห็น
สมถะและวิปัสสนาเป็นความผ่องใสเพราะอรรถว่ามีกิจเป็นอันเดียวกัน ธรรมที่
เป็นคู่กันเป็นความผ่องใสเพราะอรรถว่าไม่ล่วงเกินกัน สีลวิสุทธิเป็นความผ่อง
ใสเพราะอรรถว่าสำรวม จิตตวิสุทธิเป็นความผ่องใสเพราะอรรถว่าไม่ฟุ้งซ่าน
ทิฐิวิสุทธิเป็นความผ่องใสเพราะอรรถว่าเห็น วิโมกข์เป็นความผ่องใสเพราะ
อรรถว่าหลุดพ้น วิชชาเป็นความผ่องใสเพราะอรรถว่าแทงตลอด วิมุตติเป็น
ความผ่องใสเพราะอรรถว่าปล่อยวาง ขยญาณเป็นความผ่องใสเพราะอรรถว่า
ตัดขาด ญาณในความไม่เกิดขึ้นเป็นความผ่องใสเพราะอรรถว่าสงบระงับ ฉันทะ
เป็นความผ่องใสเพราะอรรถว่าเป็นมูล มนสิการเป็นความผ่องใสเพราะอรรถว่า
เป็นสมุฏฐาน ผัสสะเป็นความผ่องใสเพราะอรรถว่าเป็นที่ประชุม เวทนา
เป็นความผ่องใสเพราะอรรถว่าเป็นที่รวม สมาธิเป็นความผ่องใสเพราะอรรถว่า
เป็นประธาน สติเป็นความผ่องใสเพราะอรรถว่าเป็นใหญ่ ปัญญาเป็นความ
ผ่องใสเพราะอรรถว่าเป็นธรรมยิ่งกว่าธรรมนั้น วิมุตติเป็นความผ่องใสเพราะ
อรรถว่าเป็นสาระ นิพพานอันหยั่งลงสู่อมตะเป็นความผ่องใสเพราะอรรถว่า
เป็นที่สุด  ฉะนี้แล ฯ
จบมัณฑเปยยกถา ฯ
จบภาณวาร ฯ
จบมหาวรรคที่ ๑ ฯ
-----------------------------------------------------
รวมกถาที่มีในวรรคนี้ คือ
๑. ญาณกถา ๒. ทิฐิกถา ๓. อานาปานกถา ๔. อินทริยกถา ๕. วิโมกขกถา ๖. คติกถา ๗. กรรมกถา ๘. วิปัลลาสกถา ๙. มรรคกถา ๑๐. มัณฑเปยยกถา ฯ นิกายอันประเสริฐนี้ เป็นวรมรรคอันประเสริฐที่ ๑ ไม่มีวรรคอื่นเสมอ ท่านตั้งไว้แล้ว ฉะนี้แล ฯ
-----------------------------------------------------

             เนื้อความพระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๑ บรรทัดที่ ๗๕๐๒-๗๕๖๓ หน้าที่ ๓๑๐-๓๑๒. https://84000.org/tipitaka/read/v.php?B=31&A=7502&Z=7563&pagebreak=0 https://84000.org/tipitaka/read/byitem.php?book=31&item=533&items=1              อ่านโดยใช้เครื่องหมาย [เลขข้อ] เป็น เกณฑ์แบ่งข้อ :- https://84000.org/tipitaka/read/byitem.php?book=31&item=533&items=1&mode=bracket              อ่านเทียบพระไตรปิฎกภาษาบาลีอักษรไทย :- https://84000.org/tipitaka/pali/pali_item.php?book=31&item=533&items=1              อ่านเทียบพระไตรปิฎกภาษาบาลีอักษรโรมัน :- https://84000.org/tipitaka/read/roman_item.php?book=31&item=533&items=1              ศึกษาอรรถกถานี้ที่ :- https://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=31&i=533              สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๑ https://84000.org/tipitaka/read/?index_31 https://84000.org/tipitaka/english/?index_31

อ่านหัวข้อแรกอ่านหัวข้อที่แล้วแสดงหมายเลขหน้า
ในกรณี :- 
   บรรทัดแรกของแต่ละหน้าอ่านหัวข้อถัดไปอ่านหัวข้อสุดท้าย

บันทึก ๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๖. บันทึกล่าสุด ๓๐ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๙. การแสดงผลนี้อ้างอิงข้อมูลจากพระไตรปิฎก ฉบับหลวง. หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]