[๗๒๓] ปัญญา ในความไม่ปรากฏแห่งธรรม ทั้งปวงในสัมมา สมุจเฉท
และในนิโรธ เป็นญาณในความว่าสมธรรมและสีสธรรม ฯ
คำว่า ธรรมทั้งปวง คือ ขันธ์ ๕ อายตนะ ๑๒ ธาตุ ๑๘ กุศลธรรม
อกุศลธรรม อัพยากตธรรม กามาวจรธรรม รูปาวจรธรรม อรูปาวจรธรรม
โลกุตรธรรม ฯ
คำว่า สัมมาสมุจเฉท ความว่า เนกขัมมะเป็นเครื่องตัดกามฉันทะได้
ขาดดี อัพยาบาทเป็นเครื่องตัดพยาบาทได้ขาดดี อาโลกสัญญาเป็นเครื่องตัด
ถีนมิทธะได้ขาดดี อวิกเขปะเป็นเครื่องตัดอุทธัจจะได้ขาดดี ธรรมววัตถานเป็น
เครื่องตัดวิจิกิจฉาได้ขาดดี ญาณเป็นเครื่องตัดอวิชชาได้ขาดดี ความปราโมทย์
เป็นเครื่องตัดอรติได้ขาดดี ปฐมฌานเป็นเครื่องตัดนิวรณ์ได้ขาดดี ฯลฯ อรหัต-
*มรรคเป็นเครื่องตัดกิเลสทั้งปวงได้ขาดดี ฯ
[๗๒๔] คำว่า นิโรธ ความว่า เนกขัมมะเป็นเครื่องดับกามฉันทะ
อัพยาบาทเป็นเครื่องดับพยาบาท ... ความปราโมทย์เป็นเครื่องดับอรติ ปฐมฌาน
เป็นเครื่องดับนิวรณ์ ฯลฯ อรหัตมรรคเป็นเครื่องดับกิเลสทั้งปวง ฯ
คำว่า ความไม่ปรากฏ ความว่า เมื่อพระโยคาวจรได้เนกขัมมะ กาม-
*ฉันทะย่อมไม่ปรากฏ เมื่อได้อัพยาบาท พยาบาทย่อมไม่ปรากฏ เมื่อได้อาโลก
สัญญา ถีนมิทธะย่อมไม่ปรากฏ เมื่อได้อวิกเขปะ อุทธัจจะย่อมไม่ปรากฏ
เมื่อได้ธรรมววัตถาน วิจิกิจฉาย่อมไม่ปรากฏ เมื่อได้ฌาน อวิชชาย่อมไม่ปรากฏ
เมื่อได้ความปราโมทย์ อรติย่อมไม่ปรากฏ เมื่อได้ปฐมฌาน นิวรณ์ย่อมไม่ปรากฏ
ฯลฯ เมื่อได้อรหัตมรรค กิเลสทั้งปวงย่อมไม่ปรากฏ ฯ
[๗๒๕] คำว่า สมธรรม (ธรรมสงบ) ความว่า เพราะท่านละกามฉันทะ
ได้แล้ว เนกขัมมะจึงเป็นสมธรรม เพราะท่านละพยาบาทได้แล้ว อัพยาบาทจึง
เป็นสมธรรม เพราะท่านละถีนมิทธะได้แล้ว อาโลกสัญญาจึงเป็นสมธรรม
เพราะท่านละอุทธัจจะได้แล้ว อวิกเขปะจึงเป็นสมธรรม เพราะท่านละวิจิกิจฉาได้
แล้ว ธรรมววัตถานจึงเป็นสมธรรม เพราะท่านละอวิชชาได้แล้ว ฌานจึงเป็น
สมธรรม เพราะท่านละอรติได้แล้ว ความปราโมทย์จึงเป็นสมธรรม เพราะท่าน
ละนิวรณ์ได้แล้ว ปฐมฌานจึงเป็นสมธรรม ฯลฯ เพราะท่านละกิเลสทั้งปวงได้
แล้ว อรหัตมรรคจึงเป็นสมธรรม ฯ
สีสธรรม ในคำว่า สีสํ มี ๑๓ คือ ตัณหามีความกังวลเป็นประธาน ๑
มานะมีความพัวพันเป็นประธาน ๑ ทิฐิมีความถือผิดเป็นประธาน ๑ อุทธัจจะมี
ความฟุ้งซ่านเป็นประธาน ๑ อวิชชามีกิเลสเป็นประธาน ๑ ศรัทธามีความน้อมใจ
เชื่อเป็นประธาน ๑ วิริยะมีความประคองไว้เป็นประธาน ๑ สติมีความตั้งมั่นเป็น
ประธาน ๑ สมาธิมีความไม่ฟุ้งซ่านเป็นประธาน ๑ ปัญญามีความเห็นเป็นประธาน
๑ ชีวิตินทรีย์มีความเป็นไปเป็นประธาน ๑ วิโมกข์มีโคจรเป็นประธาน ๑
นิโรธมีสังขารเป็นประธาน ๑ ฯ
จบสมสีสกถา ฯ
-----------------------------------------------------
ปัญญาวรรค สติปัฏฐานกถา
สาวัตถีนิทานบริบูรณ์
เนื้อความพระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๑ บรรทัดที่ ๑๐๖๗๓-๑๐๗๑๑ หน้าที่ ๔๔๖-๔๔๘.
https://84000.org/tipitaka/read/v.php?B=31&A=10673&Z=10711&pagebreak=0
https://84000.org/tipitaka/read/byitem.php?book=31&item=723&items=3&mode=bracket
อ่านโดยใช้เนื้อความเป็น เกณฑ์แบ่งข้อ :-
https://84000.org/tipitaka/read/byitem.php?book=31&item=723&items=3
อ่านเทียบพระไตรปิฎกภาษาบาลีอักษรไทย :-
https://84000.org/tipitaka/pali/pali_item.php?book=31&item=723&items=3&mode=bracket
อ่านเทียบพระไตรปิฎกภาษาบาลีอักษรโรมัน :-
https://84000.org/tipitaka/read/roman_item.php?book=31&item=723&items=3&mode=bracket
ศึกษาอรรถกถานี้ที่ :-
https://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=31&i=723
สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๑
https://84000.org/tipitaka/read/?index_31
https://84000.org/tipitaka/english/?index_31
บันทึก ๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๖.
บันทึกล่าสุด ๓๐ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๙.
การแสดงผลนี้อ้างอิงข้อมูลจากพระไตรปิฎก ฉบับหลวง.
หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]