บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ | |
ฉบับภาษาไทย บาลีอักษรไทย บาลีอักษรโรมัน |
กังขาเรวตเถราปทานที่ ๒ ว่าด้วยบุพจริยาของพระกังขาเรวตเถระ [๑๓๒] ในกัปที่แสนแต่ภัทรกัปนี้ พระพิชิตมารพระนามว่าปทุมุตระ ผู้มี พระจักษุในธรรมทั้งปวงเป็นพระผู้นำ มีพระหนุเหมือนราชสีห์ พระดำรัสเหมือนพรหม พระสุรเสียงคล้ายหงส์และกลองใหญ่ เสด็จดำเนินดุจช้าง มีพระรัศมีประหนึ่งรัศมีของจันทเทพบุตรเป็น ต้น มีพระปรีชาใหญ่ มีความเพียรมาก มีความเพ่งพินิจมาก มี คติใหญ่ ประกอบด้วยพระมหากรุณาเป็นที่พึ่งสัตว์ กำจัดความมืด ใหญ่ ได้เสด็จอุบัติขึ้นแล้วคราวหนึ่ง พระสัมพุทธเจ้าผู้เลิศกว่า ไตรโลก เป็นมุนี ทรงรู้จักวาระจิตของสัตว์ พระองค์นั้น ทรงแนะนำ เวไนยสัตว์เป็นอันมาก ทรงแสดงพระธรรมเทศนาอยู่ พระพิชิต มารตรัสสรรเสริญภิกษุผู้มีปกติเพ่งพินิจ ยินดีในฌาน มีความเพียร สงบระงับ ไม่ขุ่นมัวในท่ามกลางบริษัท ทรงทำให้ประชาชนยินดี ครั้งนั้น เราเป็นพราหมณ์เรียนจบไตรเพท อยู่ในพระนครหงสวดี ได้สดับพระธรรมเทศนาก็ชอบใจ จึงปรารถนาฐานันดรนั้น ครั้งนั้น พระพิชิตมารผู้เป็นพระผู้นำชั้นพิเศษ ได้ตรัสพยากรณ์ในท่ามกลาง สงฆ์ว่าจงดีใจเถิดพราหมณ์ ท่านจักได้ฐานันดรนี้สมดังมโนรถความ ปรารถนาในกัปที่แสนแต่กัปนี้ พระศาสดามีพระนามชื่อว่าโคดม ซึ่งสมภพในวงศ์พระเจ้าโอกกากราช จักเสด็จอุบัติขึ้นในโลก ท่าน จักได้เป็นธรรมทายาทของพระศาสดาพระองค์นั้น เป็นโอรสอันธรรม เนรมิตเป็นสาวกของพระศาสดา มีนามชื่อว่าเรวตะ เพราะกรรมที่ทำ ไว้ดีและเพราะการตั้งเจตน์จำนงไว้ เราละร่างมนุษย์แล้ว ได้ไปยัง สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ในภพสุดท้ายในบัดนี้ เราเกิดในสกุลกษัตริย์อัน มั่งคั่งสมบูรณ์ มีทรัพย์มากมาย ในโกลิยนคร ในคราวที่พระพุทธเจ้า ทรงแสดงพระธรรมเทศนาในพระนครกบิลพัสดุ์ เราเลื่อมใสใน พระสุคตเจ้า จึงออกบวชเป็นบรรพชิต ความสงสัยของเราในสิ่งที่ เป็นกัปปิยะและอกัปปิยะนั้นๆ มีมากมาย พระพุทธเจ้าได้ทรง แสดงธรรมอันอุดม แนะนำข้อสงสัยทั้งปวงนั้น ต่อแต่นั้นเราก็ ข้ามพ้นสงสารได้ เป็นผู้ยินดีด้วยความสุขในฌานอยู่ ในครั้งนั้น พระพุทธเจ้าทอดพระเนตรเห็นเรา จึงได้ตรัสพระพุทธภาษิตว่า ความสงสัยในโลกนี้หรือโลกอื่น ในความรู้ของตนหรือใน ความรู้ของผู้อื่นอย่างใดอย่างหนึ่งนั้น อันบุคคลผู้มีปกติ เพ่งพินิจ มีความเพียรเผากิเลส ประพฤติพรหมจรรย์ ย่อม ละได้ทั้งสิ้น กรรมที่ทำไว้ในกัปที่แสน ได้แสดงผลแก่เราแล้วในอัตภาพนี้ เรา พ้นกิเลสแล้วเหมือนลูกศรพ้นจากแล่ง ได้เผากิเลสของเราเสียแล้ว ลำดับนั้น พระมุนีผู้มีปรีชาใหญ่ เสด็จถึงที่สุดของโลก ทรงเห็น ว่าเรายินดีในฌาน จึงทรงแต่งตั้งว่าเป็นเลิศกว่าภิกษุทั้งหลายฝ่ายที่ ได้ฌาน เราเผากิเลสทั้งหลายแล้ว ... พระพุทธศาสนาเราได้ทำเสร็จ แล้ว ดังนี้. ทราบว่า ท่านพระกังขาเรวตเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้แล.จบ กังขาเรวตเถราปทาน. เนื้อความพระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๓ บรรทัดที่ ๓๔๙๘-๓๕๓๙ หน้าที่ ๑๕๑-๑๕๓. https://84000.org/tipitaka/read/v.php?B=33&A=3498&Z=3539&pagebreak=0 https://84000.org/tipitaka/read/byitem.php?book=33.1&item=132&items=1 อ่านโดยใช้เครื่องหมาย [เลขข้อ] เป็น เกณฑ์แบ่งข้อ :- https://84000.org/tipitaka/read/byitem.php?book=33.1&item=132&items=1&mode=bracket อ่านเทียบพระไตรปิฎกภาษาบาลีอักษรไทย :- https://84000.org/tipitaka/pali/pali_item.php?book=33.1&item=132&items=1 อ่านเทียบพระไตรปิฎกภาษาบาลีอักษรโรมัน :- https://84000.org/tipitaka/read/roman_item.php?book=33.1&item=132&items=1 ศึกษาอรรถกถานี้ที่ :- https://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=33.1&i=132 สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๓ https://84000.org/tipitaka/read/?index_33 https://84000.org/tipitaka/english/?index_33
บันทึก ๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๖. บันทึกล่าสุด ๓๐ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๙. การแสดงผลนี้อ้างอิงข้อมูลจากพระไตรปิฎก ฉบับหลวง. หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]