ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
                      พระองค์นั้น
บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ
     ฉบับภาษาไทย   บาลีอักษรไทย   บาลีอักษรโรมัน 
อ่านหัวข้อแรกอ่านหัวข้อที่แล้วแสดงหมายเลขหน้า
ในกรณี :- 
   บรรทัดแรกของแต่ละหน้าอ่านหัวข้อถัดไปอ่านหัวข้อสุดท้าย
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๕ พระอภิธรรมปิฎกเล่มที่ ๒ วิภังคปกรณ์
             [๒๔๒] อินทรีย์ ๒๒ คือ
                          ๑. จักขุนทรีย์
                          ๒. โสตินทรีย์
                          ๓. ฆานินทรีย์
                          ๔. ชิวหินทรีย์
                          ๕. กายินทรีย์
                          ๖. มนินทรีย์
                          ๗.  อิตถินทรีย์
                          ๘. ปุริสินทรีย์
                          ๙. ชีวิตินทรีย์
                          ๑๐. สุขินทรีย์
                          ๑๑. ทุกขินทรีย์
                          ๑๒. โสมนัสสินทรีย์
                          ๑๓. โทมนัสสินทรีย์
                          ๑๔. อุเปกขินทรีย์
                          ๑๕. สัทธินทรีย์
                          ๑๖. วิริยินทรีย์
                          ๑๗. สตินทรีย์
                          ๑๘. สมาธินทรีย์
                          ๑๙. ปัญญินทรีย์
                          ๒๐. อนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์
                          ๒๑. อัญญินทรีย์
                          ๒๒. อัญญาตาวินทรีย์
ติกมาติกาปุจฉา ทุกมาติกาปุจฉา
บรรดาอินทรีย์ ๒๒ อินทรีย์ไหนเป็นกุศล อินทรีย์ไหนเป็นอกุศล อินทรีย์ไหนเป็นอัพยากฤต ฯลฯ อินทรีย์ไหนเป็นสรณะ อินทรีย์ไหนเป็นอรณะ
ติกมาติกาวิสัชนา
[๒๔๓] อินทรีย์ ๑๐ เป็นอัพยากฤต โทมนัสสินทรีย์ เป็นอกุศล อนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ เป็นกุศล อินทรีย์ ๔ เป็นกุศลก็มี เป็นอัพยากฤต ก็มี อินทรีย์ ๖ เป็นกุศลก็มี เป็นอกุศลก็มี เป็นอัพยากฤตก็มี อินทรีย์ ๑๒ กล่าวไม่ได้ว่า แม้เป็นสุขเวทนาสัมปยุต แม้เป็นทุกขเวทนาสัมปยุต แม้เป็น อทุกขมสุขเวทนาสัมปยุต อินทรีย์ ๖ เป็นสุขเวทนาสัมปยุตก็มี เป็นอทุกขม- *สุขเวทนาสัมปยุตก็มี อินทรีย์ ๓ เป็นสุขเวทนาสัมปยุตก็มี เป็นทุกขเวทนาสัมปยุต ก็มี เป็นอทุกขมสุขเวทนาสัมปยุตก็มี ชีวิตินทรีย์ เป็นสุขเวทนาสัมปยุตก็มี เป็น ทุกขเวทนาสัมปยุตก็มี เป็นอทุกขมสุขเวทนาสัมปยุตก็มี กล่าวไม่ได้ว่า แม้เป็น สุขเวทนาสัมปยุต แม้เป็นทุกขเวทนาสัมปยุต แม้เป็นอทุกขมสุขเวทนาสัมปยุต ก็มี อินทรีย์ ๗ เป็นเนววิปากธัมมธรรม อินทรีย์ ๓ เป็นวิบาก อินทรีย์ ๒ เป็นวิปากธัมมธรรม อัญญินทรีย์ เป็นวิบากก็มี เป็นวิปากธัมมธรรมก็มี อินทรีย์ ๙ เป็นวิบากก็มี เป็นวิปากธัมมธรรมก็มี เป็นเนววิปากนวิปากธัมมธรรมก็มี อินทรีย์ ๙ เป็นอุปาทินนุปาทานิยะ โทมนัสสินทรีย์ เป็นอนุปาทินนุปาทานิยะ อินทรีย์ ๓ เป็นอนุปาทินนานุปาทานิยะ อินทรีย์ ๙ เป็นอุปาทินนุปาทานิยะก็มี เป็นอนุปาทิน- *นุปาทานิยะก็มี เป็นอนุปาทินนานุปาทานิยะก็มี อินทรีย์ ๙ เป็นอสังกิลิฏฐสังกิเล- *สิกะ โทมนัสสินสินทรีย์ เป็นสังกิลิฏฐสังกิเลสิกะ อินทรีย์ ๓ เป็นอสังกิลิฏฐาสัง- *กิเลสิกะ อินทรีย์ ๓ เป็นอสังกิลิฏฐสังกิเลสิกะก็มี เป็นอสังกิลิฏฐาสังกิเลสิกะ ก็มี อินทรีย์ ๖ เป็นสังกิลิฏฐสังกิเลสิกะก็มี เป็นอสังกิลิฏฐสังกิเลสิกะก็มี เป็น อสังกิลิฏฐาสังกิเลสิกะก็มี อินทรีย์ ๙ เป็นอวิตักกาวิจาระ โทมนัสสินทรีย์ เป็น สวิตักกสวิจาระ อุเปกขินทรีย์ เป็นสวิตักกสวิจาระก็มี เป็นอวิตักกาวิจาระก็มี อินทรีย์ ๑๑ เป็นสวิตักกสวิจาระก็มี เป็นอวิตักกวิจารมัตตะก็มี เป็นอวิตักกาวิจาระ ก็มี อินทรีย์ ๑๑ กล่าวไม่ได้ว่า แม้เป็นปีติสหคตะ แม้เป็นสุขสหคตะ แม้เป็น อุเปกขาสหคตะ โสมนัสสินทรีย์ เป็นปีติสหคตะ เป็นนสุขสหคตะ เป็น นอุเปกขาสหคตะก็มี กล่าวไม่ได้ว่า เป็นปีติสหคตะก็มี อินทรีย์ ๖ เป็นปีติสหคตะ ก็มี เป็นสุขสหคตะก็มี เป็นอุเปกขาสหคตะก็มี อินทรีย์ ๔ เป็นปีติสหคตะก็มี เป็นสุขสหคตะก็มี เป็นอุเปกขาสหคตะก็มี กล่าวไม่ได้ว่า แม้เป็นปีติสหคตะ แม้เป็นสุขสหคตะ แม้เป็นอุเปกขาสหคตะก็มี อินทรีย์ ๑๕ เป็นเนวทัสสน- *นภาวนาปหาตัพพะ โทมนัสสินทรีย์ เป็นทัสสนปหาตัพพะก็มี เป็นภาวนา- *ปหาตัพพะก็มี อินทรีย์ ๖ เป็นทัสสนปหาตัพพะก็มี เป็นภาวนาปหาตัพพะก็มี เป็นเนวทัสสนนภาวนาปหาตัพพะก็มี อินทรีย์ ๑๕ เป็นเนวทัสสนนภาวนาปหา- *ตัพพเหตุกะ โทมนัสสินทรีย์ เป็นทัสสนปหาตัพพเหตุกะก็มี เป็นภาวนาปหา- *ตัพพเหตุกะก็มี อินทรีย์ ๖ เป็นทัสสนปหาตัพพเหตุกะก็มี เป็นภาวนาปหาตัพพ- *เหตุกะก็มี เป็นเนวทัสสนนภาวนาปหาตัพพเหตุกะก็มี อินทรีย์ ๑๐ เป็น เนวาจยคามินาปจยคามี โทมนัสสินทรีย์ เป็นอาจยคามี อนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ เป็นอปจยคามี อัญญินทรีย์ เป็นอปจยคามีก็มี เป็นเนวาจยคามินาปจยคามีก็มี อินทรีย์ ๙ เป็นอาจยคามีก็มี เป็นอปจยคามีก็มี เป็นเนวาจยคามินาปาจยคามีก็มี อินทรีย์ ๑๐ เป็นเนวเสกขนาเสกขะ อินทรีย์ ๒ เป็นเสกขะ อัญญาตาวินทรีย์ เป็นอเสกขะ อินทรีย์ ๙ เป็นเสกขะก็มี เป็นอเสกขะก็มี เป็นเนวเสกขนาเสกขะ ก็มี อินทรีย์ ๑๐ เป็นปริตตะ อินทรีย์ ๓ เป็นอัปปมาณะ อินทรีย์ ๙ เป็น ปริตตะก็มี เป็นมหัคคตะก็มี เป็นอัปปมาณะก็มี อินทรีย์ ๗ เป็นอนารัมมณะ อินทรีย์ ๒ เป็นปริตตารัมมณะ อินทรีย์ ๓ เป็นอัปปมาณารัมมณะ โทมนัส- *สินทรีย์ เป็นปริตตารัมมณะก็มี เป็นมหัคคตารัมมณะก็มี ไม่เป็นอัปปมาณา- *รัมมณะก็มี กล่าวไม่ได้ว่า แม้เป็นปริตตารัมมณะ แม้เป็นมหัคคตารัมมณะก็มี อินทรีย์ ๙ เป็นปริตตารัมมณะก็มี เป็นมหัคคตารัมมณะก็มี เป็นอัปปมาณารัมมณะ ก็มี กล่าวไม่ได้ว่า แม้เป็นปริตตารัมมณะ แม้เป็นมหัคคตารัมมณะ แม้เป็น อัปปมาณารัมมณะก็มี อินทรีย์ ๙ เป็นมัชฌิมะ โทมนัสสินทรีย์ เป็นหีนะ อินทรีย์ ๓ เป็นปณีตะ อินทรีย์ ๓ เป็นมัชฌิมะก็มี เป็นปณีตะก็มี อินทรีย์ ๖ เป็นหีนะก็มี เป็นมัชฌิมะก็มี เป็นปณีตะก็มี อินทรีย์ ๑๐ เป็นอนิยตะ อนัญญา- *ตัญญัสสามิตินทรีย์ เป็นสัมมัตตนิยตะ อินทรีย์ ๔ เป็นสัมมัตตนิยตะก็มี เป็น อนิยตะก็มี โทมนัสสินทรีย์ เป็นมิจฉัตตนิยตะก็มี เป็นอนิยตะก็มี อินทรีย์ ๖ เป็นมิจฉัตตนิยตะก็มี เป็นสัมมัตตนิยตะก็มี เป็นอนิยตะก็มี อินทรีย์ ๗ เป็น อนารัมมณะ อินทรีย์ ๔ กล่าวไม่ได้ว่า แม้เป็นมัคคารัมมณะ แม้เป็นมัคคเหตุกะ แม้เป็นมัคคาธิปติ อนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ ไม่เป็นมัคคารัมมณะ เป็นมัคค- *เหตุกะก็มี เป็นมัคคาธิปติก็มี กล่าวไม่ได้ว่า แม้เป็นมัคคเหตุกะ แม้เป็น มัคคาธิปติก็มี อัญญินทรีย์ ไม่เป็นมัคคารัมมณะ เป็นมัคคเหตุกะก็มี เป็น มัคคาธิปติก็มี กล่าวไม่ได้ว่า แม้เป็นมัคคเหตุกะ แม้เป็นมัคคาธิปติก็มี อินทรีย์ ๙ เป็นมัคคารัมมณะก็มี เป็นมัคคเหตุกะก็มี เป็นมัคคาธิปติก็มี กล่าว ไม่ได้ว่า แม้เป็นมัคคารัมมณะ แม้เป็นมัคคเหตุกะ แม้เป็นมัคคาธิปติก็มี อินทรีย์ ๑๐ เป็นอุปปันนะก็มี เป็นอุปปาทีก็มี กล่าวไม่ได้ว่า เป็นอนุปปันนะ อินทรีย์ ๒ เป็นอุปปันนะก็มี เป็นอนุปปันนะก็มี กล่าวไม่ได้ว่า เป็นอุปปาที อินทรีย์ ๑๐ เป็นอุปปันนะก็มี เป็นอนุปปันนะก็มี เป็นอุปปาทีก็มี อินทรีย์ ๒๒ เป็นอดีตก็มี เป็นอนาคตก็มี เป็นปัจจุบันก็มี อินทรีย์ ๗ เป็นอนารัมมณะ อินทรีย์ ๒ เป็นปัจจุปปันนารัมมณะ อินทรีย์ ๓ กล่าวไม่ได้ว่า แม้เป็นอตีตา- *รัมมณะ แม้เป็นอนาคตารัมมณะ แม้เป็นปัจจุปปันนารัมมณะ อินทรีย์ ๑๐ เป็น อตีตารัมมณะก็มี เป็นอนาคตารัมมณะก็มี เป็นปัจจุปปันนารัมมณะก็มี กล่าว ไม่ได้ว่า แม้เป็นอตีตารัมมณะ แม้เป็นอนาคตารัมมณะ แม้เป็นปัจจุปปันนา- *รัมมณะก็มี อินทรีย์ ๒๒ เป็นอัชฌัตตะก็มี เป็นพหิทธาก็มี เป็นอัชฌัตตพหิทธา ก็มี อินทรีย์ ๗ เป็นอนารัมมณะ อินทรีย์ ๓ เป็นพหิทธารัมมณะ อินทรีย์ ๔ เป็นอัชฌัตตารัมมณะก็มี เป็นพหิทธารัมมณะก็มี เป็นอัชฌัตตพหิทธารัมมณะก็มี อินทรีย์ ๘ เป็นอัชฌัตตารัมมณะก็มี เป็นพหิทธารัมมณะก็มี เป็นอัชฌัตตพหิทธา- *รัมมณะก็มี กล่าวไม่ได้ว่า แม้เป็นอัชฌัตตารัมมณะ แม้เป็นพหิทธารัมมณะ แม้เป็นอัชฌัตตพหิทธารัมมณะก็มี อินทรีย์ ๕ เป็นอนิทัสสนสัปปฏิฆะ อินทรีย์ ๑๗ เป็นอนิทัสสนอัปปฏิฆะ
ทุกมาติกาวิสัชนา
๑. เหตุโคจฉกวิสัชนา
[๒๔๔] อินทรีย์ ๔ เป็นเหตุ อินทรีย์ ๑๘ เป็นนเหตุ อินทรีย์ ๗ เป็น สเหตุกะ อินทรีย์ ๙ เป็นอเหตุกะ อินทรีย์ ๖ เป็นสเหตุกะก็มี เป็นอเหตุกะก็มี อินทรีย์ ๗ เป็นเหตุสัมปยุต อินทรีย์ ๙ เป็นเหตุวิปปยุต อินทรีย์ ๖ เป็นเหตุ- *สัมปยุตก็มี เป็นเหตุวิปปยุตก็มี อินทรีย์ ๔ เป็นเหตุสเหตุกะ อินทรีย์ ๙ กล่าวไม่ได้ว่า แม้เป็นเหตุสเหตุกะ แม้เป็นสเหตุกนเหตุ อินทรีย์ ๓ กล่าว ไม่ได้ว่า เป็นเหตุสเหตุกะ เป็นสเหตุกนเหตุ อินทรีย์ ๖ กล่าวไม่ได้ว่า เป็นเหตุ- *สเหตุกะ เป็นสเหตุกนเหตุก็มี กล่าวไม่ได้ว่า เป็นสเหตุกนเหตุก็มี อินทรีย์ ๔ เป็นเหตุเหตุสัมปยุต อินทรีย์ ๙ กล่าวไม่ได้ว่า แม้เป็นเหตุเหตุสัมปยุต แม้เป็น เหตุสัมปยุตตนเหตุ อินทรีย์ ๓ กล่าวไม่ได้ว่า เป็นเหตุเหตุสัมปยุต เป็นเหตุ- *สัมปยุตตนเหตุ อินทรีย์ ๖ กล่าวไม่ได้ว่า เป็นเหตุเหตุสัมปยุต เป็นเหตุสัมป- *ยุตตนเหตุก็มี กล่าวไม่ได้ว่า เป็นเหตุสัมปยุตตนเหตุก็มี อินทรีย์ ๙ เป็นนเหตุ- *อเหตุกะ อินทรีย์ ๓ เป็นนเหตุสเหตุกะ อินทรีย์ ๔ กล่าวไม่ได้ว่า แม้เป็นนเหตุ- *สเหตุกะ แม้เป็นนเหตุอเหตุกะ อินทรีย์ ๖ เป็นนเหตุสเหตุกะก็มี เป็นนเหตุ- *อเหตุกะก็มี
๒. จูฬันตรทุกวิสัชนา
[๒๔๕] อินทรีย์ ๒๒ เป็นสัปปัจจยะ เป็นสังขตะ เป็นอนิทัสสนะ อินทรีย์ ๕ เป็นสัปปฏิฆะ อินทรีย์ ๑๗ เป็นอัปปฏิฆะ อินทรีย์ ๗ เป็นรูป อินทรีย์ ๑๔ เป็นอรูป ชีวิตินทรีย์ เป็นรูปก็มี เป็นอรูปก็มี อินทรีย์ ๑๐ เป็น โลกิยะ อินทรีย์ ๓ เป็นโลกุตตระ อินทรีย์ ๙ เป็นโลกิยะก็มี เป็นโลกุตตระก็มี อินทรีย์ ๒๒ เป็นเกนจิวิญเญยยะ เป็นเกนจินวิญเญยยะ
๓. อาสวโคจฉกวิสัชนา
[๒๔๖] อินทรีย์ ๒๒ เป็นโนอาสวะ อินทรีย์ ๑๐ เป็นสาสวะ อินทรีย์ ๓ เป็นอนาสวะ อินทรีย์ ๙ เป็นสาสวะก็มี เป็นอนาสวะก็มี อินทรีย์ ๑๕ เป็นอาสว- *วิปปยุต โทมนัสสินทรีย์ เป็นอาสวสัมปยุต อินทรีย์ ๖ เป็นอาสวสัมปยุตก็มี เป็นอาสววิปปยุตก็มี อินทรีย์ ๑๐ กล่าวไม่ได้ว่า เป็นอาสวสาสวะ เป็นสาสว- *โนอาสวะ อินทรีย์ ๓ กล่าวไม่ได้ว่า แม้เป็นอาสวสาสวะ แม้เป็นสาสวโนอาสวะ อินทรีย์ ๙ กล่าวไม่ได้ว่า เป็นอาสวสาสวะ เป็นสาสวโนอาสวะก็มี กล่าวไม่ได้ว่า เป็นสาสวโนอาสวะก็มี อินทรีย์ ๑๕ กล่าวไม่ได้ว่า แม้เป็นอาสวอาสวสัมปยุต แม้เป็นอาสวสัมปยุตตโนอาสวะ โทมนัสสินทรีย์ กล่าวไม่ได้ว่า เป็นอาสวอาสว- *สัมปยุต เป็นอาสวสัมปยุตตโนอาสวะ อินทรีย์ ๖ กล่าวไม่ได้ว่า เป็นอาสวอาสว- *สัมปยุต เป็นอาสวสัมปยุตตโนอาสวะก็มี กล่าวไม่ได้ว่า เป็นอาสวสัมปยุตตโน- *อาสวะก็มี อินทรีย์ ๙ เป็นอาสววิปปยุตตสาสวะ อินทรีย์ ๓ เป็นอาสววิปปยุตต- *อนาสวะ โทมนัสสินทรีย์ กล่าวไม่ได้ว่า แม้เป็นอาสววิปปยุตตสาสวะ แม้เป็น อาสววิปปยุตตอนาสวะ อินทรีย์ ๓ เป็นอาสววิปปยุตตสาสวะก็มี เป็นอาสว- *วิปปยุตตอนาสวะก็มี อินทรีย์ ๖ เป็นอาสววิปปยุตตสาสวะก็มี เป็นอาสว- *วิปปยุตตอนาสวะก็มี กล่าวไม่ได้ว่า แม้เป็นอาสววิปปยุตตสาสวะ แม้เป็น อาสววิปปยุตตอนาสวะก็มี
๔. สัญโญชนโคจฉกวิสัชนา
[๒๔๗] อินทรีย์ ๒๒ เป็นโนสัญโญชนะ อินทรีย์ ๑๐ เป็นสัญโญชนิยะ อินทรีย์ ๓ เป็นอสัญโญชนิยะ อินทรีย์ ๙ เป็นสัญโญชนิยะก็มี เป็นอสัญโญ- *ชนิยะก็มี อินทรีย์ ๑๕ เป็นสัญโญชนวิปปยุต โทมนัสสินทรีย์ เป็นสัญโญชน- *สัมปยุต อินทรีย์ ๖ เป็นสัญโญชนสัมปยุตก็มี เป็นสัญโญชนวิปปยุตก็มี อินทรีย์ ๑๐ กล่าวไม่ได้ว่า เป็นสัญโญชนสัญโญชนิยะ เป็นสัญโญชนิยโนสัญ- *โญชนะ อินทรีย์ ๓ กล่าวไม่ได้ว่า แม้เป็นสัญโญชนสัญโญชนิยะ แม้เป็นสัญโญ- *ชนิยโนสัญโญชนะ อินทรีย์ ๙ กล่าวไม่ได้ว่า เป็นสัญโญชนสัญโญชนิยะ เป็น สัญโญชนิยโนสัญโญชนะก็มี กล่าวไม่ได้ว่า เป็นสัญโญชนิยโนสัญโญชนะก็มี อินทรีย์ ๑๕ กล่าวไม่ได้ว่า แม้เป็นสัญโญชนสัญโญชนสัมปยุต แม้เป็นสัญโญ- *ชนสัมปยุตตโนสัญโญชนะ โทมนัสสินทรีย์ กล่าวไม่ได้ว่า เป็นสัญโญชนสัญโญ- *ชนสัมปยุต เป็นสัญโญชนสัมปยุตตโนสัญโญชนะ อินทรีย์ ๖ กล่าวไม่ได้ว่า เป็นสัญโญชนสัญโญชนสัมปยุต เป็นสัญโญชนสัมปยุตตโนสัญโญชนะก็มี กล่าว ไม่ได้ว่า เป็นสัญโญชนสัมปยุตตโนสัญโญชนะก็มี อินทรีย์ ๙ เป็นสัญโญชน- *วิปปยุตตสัญโญชนิยะ อินทรีย์ ๓ เป็นสัญโญชนวิปปยุตตอสัญโญชนิยะ โทมนัส- *สินทรีย์ กล่าวไม่ได้ว่า แม้เป็นสัญโญชนวิปปยุตตสัญโญชนิยะ แม้เป็นสัญโญ- *ชนวิปปยุตตอสัญโญชนิยะ อินทรีย์ ๓ เป็นสัญโญชนวิปปยุตตสัญโญชนิยะก็มี เป็นสัญโญชนวิปปยุตตอสัญโญชนิยะก็มี อินทรีย์ ๖ เป็นสัญโญชนวิปปยุตต- *สัญโญชนิยะก็มี เป็นสัญโญชนวิปปยุตตอสัญโญชนิยะก็มี กล่าวไม่ได้ว่า แม้เป็น สัญโญชนวิปปยุตตสัญโญชนิยะ แม้เป็นสัญโญชนวิปปยุตตอสัญโญชนิยะก็มี
๕. คันถโคจฉกวิสัชนา
[๒๔๘] อินทรีย์ ๒๒ เป็นโนคันถะ อินทรีย์ ๑๐ เป็นคันถนิยะ อินทรีย์ ๓ เป็นอคันถนิยะ อินทรีย์ ๙ เป็นคันถนิยะก็มี เป็นอคันถนิยะก็มี อินทรีย์ ๑๕ เป็นคันถวิปปยุต โทมนัสสินทรีย์ เป็นคันถสัมปยุต อินทรีย์ ๖ เป็นคันถสัมปยุตก็มี เป็นคันถวิปปยุตก็มี อินทรีย์ ๑๐ กล่าวไม่ได้ว่า เป็นคันถ- *คันถนิยะ เป็นคันถนิยโนคันถะ อินทรีย์ ๓ กล่าวไม่ได้ว่า แม้เป็นคันถคันถนิยะ แม้เป็นคันถนิยโนคันถะ อินทรีย์ ๙ กล่าวไม่ได้ว่า เป็นคันถคันถนิยะ เป็น คันถนิยโนคันถะก็มี กล่าวไม่ได้ว่า เป็นคันถนิยโนคันถะก็มี อินทรีย์ ๑๕ กล่าวไม่ได้ว่า แม้เป็นคันถคันถสัมปยุต แม้เป็นคันถสัมปยุตตโนคันถะ โทมนัส- *สินทรีย์ กล่าวไม่ได้ว่า เป็นคันถคันถสัมปยุต เป็นคันถสัมปยุตตโนคันถะ อินทรีย์ ๖ กล่าวไม่ได้ว่า เป็นคันถคันถสัมปยุต เป็นคันถสัมปยุตตโนคันถะก็มี กล่าวไม่ได้ว่า เป็นคันถสัมปยุตตโนคันถะก็มี อินทรีย์ ๙ เป็นคันถวิปปยุตตคันถ- *นิยะ อินทรีย์ ๓ เป็นคันถวิปปยุตตอคันถนิยะ โทมนัสสินทรีย์ กล่าวไม่ได้ว่า แม้เป็นคันถวิปปยุตตคันถนิยะ แม้เป็นคันถวิปปยุตตอคันถนิยะ อินทรีย์ ๓ เป็นคันถวิปปยุตตคันถนิยะก็มี เป็นคันถวิปปยุตตอคันถนิยะก็มี อินทรีย์ ๖ เป็นคันถวิปปยุตตคันถนิยะก็มี เป็นคันถวิปปยุตตอคันถนิยะก็มี กล่าวไม่ได้ว่า แม้เป็นคันถวิปปยุตตคันถนิยะ แม้เป็นคันถวิปปยุตตอคันถนิยะก็มี
๖, ๗, ๘. โอฆโคจฉกาทิวิสัชนา
[๒๔๙] อินทรีย์ ๒๒ เป็นโนโอฆะ ฯลฯ อินทรีย์ ๒๒ เป็นโนโยคะ ฯลฯ อินทรีย์ ๒๒ เป็นโนนีวรณะ อินทรีย์ ๑๐ เป็นนีวรณิยะ อินทรีย์ ๓ เป็น อนีวรณิยะ อินทรีย์ ๙ เป็นนีวรณิยะก็มี เป็นอนีวรณิยะก็มี อินทรีย์ ๑๕ เป็น นีวรณวิปปยุต โทมนัสสินทรีย์ เป็นนีวรณสัมปยุต อินทรีย์ ๖ เป็นนีวรณ- *สัมปยุตก็มี เป็นนีวรณวิปปยุตก็มี อินทรีย์ ๑๐ กล่าวไม่ได้ว่า เป็นนีวรณ นีวรณิยะ เป็นนีวรณิยโนนีวรณะ อินทรีย์ ๓ กล่าวไม่ได้ว่า แม้เป็น นีวรณนีวรณียะ แม้เป็นนีวรณิยโนนีวรณะ อินทรีย์ ๙ กล่าวไม่ได้ว่า เป็นนีวรณ- *นีวรณิยะ เป็นนีวรณิยโนนีวรณะก็มี กล่าวไม่ได้ว่า เป็นนีวรณิยโนนีวรณะก็มี อินทรีย์ ๑๕ กล่าวไม่ได้ว่า แม้เป็นนีวรณนีวรณสัมปยุต แม้เป็นนีวรณสัมปยุตตโน- *นีวรณะ โทมนัสสินทรีย์ กล่าวไม่ได้ว่า แม้เป็นนีวรณนีวรณสัมปยุต แม้เป็น นีวรณสัมปยุตตโนนีวรณะ อินทรีย์ ๖ กล่าวไม่ได้ว่า เป็นนีวรณนีวรณสัมปยุต เป็นนีวรณสัมปยุตตโนนีวรณะก็มี กล่าวไม่ได้ว่า เป็นนีวรณสัมปยุตตโนนีวรณะก็มี อินทรีย์ ๙ เป็นนีวรณวิปปยุตตนีวรณิยะ อินทรีย์ ๓ เป็นนีวรณวิปปยุตตอนีวรณิยะ โทมนัสสินทรีย์ กล่าวไม่ได้ว่า แม้เป็นนีวรณวิปปยุตตนีวรณิยะ แม้เป็นนีวรณ- *วิปปยุตตอนีวรณิยะ อินทรีย์ ๓ เป็นนีวรณวิปปยุตตนีวรณิยะก็มี เป็นนีวรณวิปป- *ยุตตอนีวรณิยะก็มี อินทรีย์ ๖ เป็นนีวรณวิปปยุตตนีวรณิยะก็มี เป็นนีวรณวิปป- *ยุตตอนีวรณิยะก็มี กล่าวไม่ได้ว่า แม้เป็นนีวรณวิปปยุตตนีวรณิยะ แม้เป็น นีวรณวิปปยุตตอนีวรณิยะก็มี
๙. ปรามาสโคจฉกวิสัชนา
[๒๕๐] อินทรีย์ ๒๒ เป็นโนปรามาสะ อินทรีย์ ๑๐ เป็นปรามัฏฐะ อินทรีย์ ๓ เป็นอปรามัฏฐะ อินทรีย์ ๙ เป็นปรามัฏฐะก็มี เป็นอปรามัฏฐะก็มี อินทรีย์ ๑๖ เป็นปรามาสวิปปยุต อินทรีย์ ๖ เป็นปรามาสสัมปยุตก็มี เป็น ปรามาสวิปปยุตก็มี อินทรีย์ ๑๐ กล่าวไม่ได้ว่า เป็นปรามาสปรามัฏฐะ เป็น ปรามัฏฐโนปรามาสะ อินทรีย์ ๓ กล่าวไม่ได้ว่า แม้เป็นปรามาสปรามัฏฐะ แม้ เป็นปรามัฏฐโนปรามาสะ อินทรีย์ ๙ กล่าวไม่ได้ว่า เป็นปรามาสปรามัฏฐะ เป็น ปรามัฏฐโนปรามาสะก็มี กล่าวไม่ได้ว่า เป็นปรามัฏฐโนปรามาสะก็มี อินทรีย์ ๑๐ เป็นปรามาสวิปปยุตตปรามัฏฐะ อินทรีย์ ๓ เป็นปรามาสวิปปยุตตอปรามัฏฐะ อินทรีย์ ๓ เป็นปรามาสวิปปยุตตปรามัฏฐะก็มี เป็นปรามาสวิปปยุตตอปรามัฏฐะ ก็มี อินทรีย์ ๖ เป็นปรามาสวิปปยุตตปรามัฏฐะก็มี เป็นปรามาสวิปปยุตตอปรา- *มัฏฐะก็มี กล่าวไม่ได้ว่า แม้เป็นปรามาสวิปปยุตตปรามัฏฐะ แม้เป็นปรามาส- *วิปปยุตตอปรามัฏฐะก็มี
๑๐. มหันตรทุกวิสัชนา
[๒๕๑] อินทรีย์ ๗ เป็นอนารัมมณะ อินทรีย์ ๑๔ เป็นสารัมมณะ ชีวิตินทรีย์ เป็นสารัมมณะก็มี เป็นอนารัมมณะก็มี อินทรีย์ ๒๑ เป็นโนจิตตะ มนินทรีย์เป็นจิตตะ อินทรีย์ ๑๓ เป็นเจตสิกะ อินทรีย์ ๘ เป็นอเจตสิกะ ชีวิ- *ตินทรีย์ เป็นเจตสิกะก็มี เป็นอเจตสิกะก็มี อินทรีย์ ๑๓ เป็นจิตตสัมปยุต อินทรีย์ ๗ เป็นจิตตวิปปยุต ชีวิตินทรีย์ เป็นจิตตสัมปยุตก็มี เป็นจิตตวิปปยุตก็มี มนินทรีย์ กล่าวไม่ได้ว่าแม้เป็นจิตตสัมปยุต แม้เป็นจิตตวิปปยุต อินทรีย์ ๑๓ เป็นจิตตสังสัฏฐะ อินทรีย์ ๗ เป็นจิตตวิสังสัฏฐะ ชีวิตินทรีย์ เป็นจิตตสังสัฏฐะก็มี เป็นจิตตวิสังสัฏฐะก็มี มนินทรีย์ กล่าวไม่ได้ว่า แม้เป็นจิตตสังสัฏฐะ แม้เป็น จิตตวิสังสัฏฐะ อินทรีย์ ๑๓ เป็นจิตตสมุฏฐานะ อินทรีย์ ๘ เป็นโนจิตตสมุฏฐานะ ชีวิตินทรีย์ เป็นจิตตสมุฏฐานะก็มี เป็นโนจิตตสมุฏฐานะก็มี อินทรีย์ ๑๓ เป็น จิตตสหภู อินทรีย์ ๘ เป็นโนจิตตสหภู ชีวิตินทรีย์ เป็นจิตตสหภูก็มี เป็นโน- *จิตตสหภูก็มี อินทรีย์ ๑๓ เป็นจิตตานุปริวัตติ อินทรีย์ ๘ เป็นโนจิตตานุปริวัตติ ชีวิตินทรีย์ เป็นจิตตานุปริวัตติก็มี เป็นโนจิตตานุปริวัตติก็มี อินทรีย์ ๑๓ เป็น จิตตสังสัฏฐสมุฏฐานะ อินทรีย์ ๘ เป็นโนจิตตสังสัฏฐสมุฏฐานะ ชีวิตินทรีย์เป็น จิตตสังสัฏฐสมุฏฐานะก็มี เป็นโนจิตตสังสัฏฐสมุฏฐานะก็มี อินทรีย์ ๑๓ เป็น จิตตสังสัฏฐสมุฏฐานสหภู อินทรีย์ ๘ เป็นโนจิตตสังสัฏฐสมุฏฐานสหภู ชีวิ- *ตินทรีย์ เป็นจิตตสังสัฏฐสมุฏฐานสหภูก็มี เป็นโนจิตตสังสัฏฐสมุฏฐานสหภูก็มี อินทรีย์ ๑๓ เป็นจิตตสังสัฏฐสมุฏฐานานุปริวัตติ อินทรีย์ ๘ เป็นโนจิตตสังสัฏฐ- *สมุฏฐานานุปริวัตติ ชีวิตินทรีย์ เป็นจิตตสังสัฏฐสมุฏฐานานุปริวัตติก็มี เป็น โนจิตตสังสัฏฐสมุฏฐานานุปริวัตติก็มี อินทรีย์ ๖ เป็นอัชฌัตติกะ อินทรีย์ ๑๖ เป็นพาหิระ อินทรีย์ ๗ เป็นอุปาทา อินทรีย์ ๑๔ เป็นนอุปาทา ชีวิตินทรีย์ เป็น อุปาทาก็มี เป็นนอุปาทาก็มี อินทรีย์ ๙ เป็นอุปาทินนะ อินทรีย์ ๔ เป็นอนุปา- *ทินนะ อินทรีย์ ๙ เป็นอุปาทินนะก็มี เป็นอนุปาทินนะก็มี
๑๑. อุปาทานโคจฉกวิสัชนา
[๒๕๒] อินทรีย์ ๒๒ เป็นนอุปาทานะ อินทรีย์ ๑๐ เป็นอุปาทานิยะ อินทรีย์ ๓ เป็นอนุปาทานิยะ อินทรีย์ ๙ เป็นอุปาทานิยะก็มี เป็นอนุปาทานิยะก็มี อินทรีย์ ๑๖ เป็นอุปาทานวิปปยุต อินทรีย์ ๖ เป็นอุปาทานสัมปยุตก็มี เป็นอุปาทาน- *วิปปยุตก็มี อินทรีย์ ๑๐ กล่าวไม่ได้ว่า เป็นอุปาทานอุปาทานิยะ เป็นอุปาทานิยโน- *อุปาทานะ อินทรีย์ ๓ กล่าวไม่ได้ว่า แม้เป็นอุปาทานอุปาทานิยะ แม้เป็นอุปาทา- *นิยะโนอุปาทานะ อินทรีย์ ๙ กล่าวไม่ได้ว่า เป็นอุปาทานอุปาทานิยะ เป็นอุปาทา- *นิยโนอุปาทานะก็มี กล่าวไม่ได้ว่า เป็นอุปาทานิยโนอุปาทานะก็มี อินทรีย์ ๑๖ กล่าวไม่ได้ว่า แม้เป็นอุปาทานอุปาทานสัมปยุต แม้เป็นอุปาทานสัมปยุตตโน- *อุปาทานะ อินทรีย์ ๖ กล่าวไม่ได้ว่า เป็นอุปาทานอุปาทานสัมปยุต เป็นอุปาทาน- *สัมปยุตตโนอุปาทานะก็มี กล่าวไม่ได้ว่า เป็นอุปาทานสัมปยุตตโนอุปาทานะก็มี อินทรีย์ ๑๐ เป็นอุปาทานวิปปยุตตอุปาทานิยะ อินทรีย์ ๓ เป็นอุปาทานวิปปยุตต- *อนุปาทานิยะ อินทรีย์ ๓ เป็นอุปาทานวิปปยุตตอุปาทานิยะก็มี เป็นอุปาทาน- *วิปปยุตตอนุปาทานิยะก็มี อินทรีย์ ๖ เป็นอุปาทานวิปปยุตตอุปาทานิยะก็มี เป็น อุปาทานวิปปยุตตอนุปาทานิยะก็มี กล่าวไม่ได้ว่า แม้เป็นอุปาทานวิปปยุตต- *อุปาทานิยะแม้เป็นอุปาทานวิปปยุตตอนุปาทานิยะก็มี
๑๒. กิเลสโคจฉกวิสัชนา
[๒๕๓] อินทรีย์ ๒๒ เป็นโนกิเลสะ อินทรีย์ ๑๐ เป็นสังกิเลสิกะ อินทรีย์ ๓ เป็นอสังกิเลสิกะ อินทรีย์ ๙ เป็นสังกิเลสิกะก็มี เป็นอสังกิเลสิกะ- *ก็มี อินทรีย์ ๑๕ เป็นอสังกิลิฏฐะ โทมนัสสินทรีย์ เป็นสังกิลิฏฐะ อินทรีย์ ๖ เป็นสังกิลิฏฐะก็มี เป็นอสังกิลิฏฐะก็มี อินทรีย์ ๑๕ เป็นกิเลสวิปปยุต โทมนัส- *สินทรีย์ เป็นกิเลสสัมปยุต อินทรีย์ ๖ เป็นกิเลสสัมปยุตก็มี เป็นกิเลสวิปปยุต ก็มี อินทรีย์ ๑๐ กล่าวไม่ได้ว่า เป็นกิเลสสังกิเลสิกะ เป็นสังกิเลสิกโนกิเลสะ อินทรีย์ ๓ กล่าวไม่ได้ว่า แม้เป็นกิเลสสังกิเลสิกะ แม้เป็นสังกิเลสิกโนกิเลสะ อินทรีย์ ๙ กล่าวไม่ได้ว่า เป็นกิเลสสังกิเลสิกะ เป็นสังกิเลสิกโนกิเลสะก็มี กล่าวไม่ได้ว่า เป็นสังกิเลสิกโนกิเลสะก็มี อินทรีย์ ๑๕ กล่าวไม่ได้ว่า แม้เป็น กิเลสสังกิลิฏฐะ แม้เป็นสังกิลิฏฐโนกิเลสะ โทมนัสสินทรีย์ กล่าวไม่ได้ว่า เป็นกิเลสสังกิลิฏฐะ เป็นสังกิลิฏฐโนกิเลสะ อินทรีย์ ๖ กล่าวไม่ได้ว่า เป็น กิเลสสังกิลิฏฐะ เป็นสังกิลิฏฐโนกิเลสะก็มี กล่าวไม่ได้ว่า เป็นสังกิลิฏฐ- *โนกิเลสะก็มี อินทรีย์ ๑๕ กล่าวไม่ได้ว่า แม้เป็นกิเลสกิเลสสัมปยุต แม้เป็น กิเลสสัมปยุตตโนกิเลสะ โทมนัสสินทรีย์ กล่าวไม่ได้ว่า เป็นกิเลสกิเลสสัมปยุต เป็นกิเลสสัมปยุตตโนกิเลสะ อินทรีย์ ๖ กล่าวไม่ได้ว่า เป็นกิเลสกิเลสสัมปยุต เป็นกิเลสสัมปยุตตโนกิเลสะก็มี กล่าวไม่ได้ว่า เป็นกิเลสสัมปยุตตโนกิเลสะก็มี อินทรีย์ ๙ เป็นกิเลสวิปปยุตตสังกิเลสิกะ อินทรีย์ ๓ เป็นกิเลสวิปปยุตต- อสังกิเลสิกะ โทมนัสสินทรีย์ กล่าวไม่ได้ว่า แม้เป็นกิเลสวิปปยุตตสังกิเลสิกะ แม้เป็นกิเลสวิปปยุตตอสังกิเลสิกะ อินทรีย์ ๓ เป็นกิเลสวิปปยุตตสังกิเลสิกะก็มี เป็นกิเลสวิปปยุตตอสังกิเลสิกะก็มี อินทรีย์ ๖ เป็นกิเลสวิปปยุตตสังกิเลสิกะก็มี เป็นกิเลสวิปปยุตตอสังกิเลสิกะก็มี กล่าวไม่ได้ว่า แม้เป็นกิเลสวิปปยุตตสังกิเลสิกะ แม้เป็นกิเลสวิปปยุตตอสังกิเลสิกะก็มี
๑๓. ปิฏฐิทุกวิสัชนา
[๒๕๔] อินทรีย์ ๑๕ เป็นนทัสสนปหาตัพพะ อินทรีย์ ๗ เป็นทัสสน- ปหาตัพพะก็มี เป็นนทัสสนปหาตัพพะก็มี อินทรีย์ ๑๕ เป็นนภาวนาปหาตัพพะ อินทรีย์ ๗ เป็นภาวนาปหาตัพพะก็มี เป็นนภาวนาปหาตัพพะก็มี อินทรีย์ ๑๕ เป็น นทัสสนปหาตัพพเหตุกะ อินทรีย์ ๗ เป็นทัสสนปหาตัพพเหตุกะก็มี เป็น นทัสสนปหาตัพพเหตุกะก็มี อินทรีย์ ๑๕ เป็นนภาวนาปหาตัพพเหตุกะ อินทรีย์ ๗ เป็นภาวนาปหาตัพพเหตุกะก็มี เป็นนภาวนาปหาตัพพเหตุกะก็มี อินทรีย์ ๙ เป็น อวิตักกะ โทมนัสสินทรีย์ เป็นสวิตักกะ อินทรีย์ ๑๒ เป็นสวิตักกะก็มี เป็นอวิตักกะก็มี อินทรีย์ ๙ เป็นอวิจาระ โทมนัสสินทรีย์ เป็นสวิจาระ อินทรีย์ ๑๒ เป็นสวิจาระก็มี เป็นอวิจาระก็มี อินทรีย์ ๑๑ เป็นอัปปีติกะ อินทรีย์ ๑๑ เป็นสัปปีติกะก็มี เป็นอัปปีติกะก็มี อินทรีย์ ๑๑ เป็นนปีติสหคตะ อินทรีย์ ๑๑ เป็นปีติสหคตะก็มี เป็นนปีติสหคตะก็มี อินทรีย์ ๑๒ เป็นนสุขสหคตะ อินทรีย์ ๑๐ เป็นสุขสหคตะก็มี เป็นนสุขสหคตะก็มี อินทรีย์ ๑๒ เป็นนอุเปกขาสหคตะ อินทรีย์ ๑๐ เป็นอุเปกขาสหคตะก็มี เป็นนอุเปกขาสหคตะก็มี อินทรีย์ ๑๐ เป็น กามาวจร อินทรีย์ ๓ เป็นนกามาวจร อินทรีย์ ๙ เป็นกามาวจรก็มี เป็น นกามาวจรก็มี อินทรีย์ ๑๓ เป็นนรูปาวจร อินทรีย์ ๙ เป็นรูปาวจรก็มี เป็น นรูปาวจรก็มี อินทรีย์ ๑๔ เป็นนอรูปาวจร อินทรีย์ ๘ เป็นอรูปาวจรก็มี เป็นนอรูปาวจรก็มี อินทรีย์ ๑๐ เป็นปริยาปันนะ อินทรีย์ ๓ เป็นอปริยาปันนะ อินทรีย์ ๙ เป็นปริยาปันนะก็มี เป็นอปริยาปันนะก็มี อินทรีย์ ๑๑ เป็นอนิยยานิกะ อนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ เป็นนิยยานิกะ อินทรีย์ ๑๐ เป็นนิยยานิกะก็มี เป็น อนิยยานิกะก็มี อินทรีย์ ๑๐ เป็นอนิยตะ อนัญญาตัญญัสสามีตินทรีย์ เป็น นิยตะ อินทรีย์ ๑๑ เป็นนิยตะก็มี เป็นอนิยตะก็มี อินทรีย์ ๑๐ เป็นสอุตตระ อินทรีย์ ๓ เป็นอนุตตระ อินทรีย์ ๙ เป็นสอุตตระก็มี เป็นอนุตตระก็มี อินทรีย์ ๑๕ เป็นอรณะ โทมนัสสินทรีย์ เป็นสรณะ อินทรีย์ ๖ เป็นสรณะก็มี เป็นอรณะก็มี ฉะนี้แล
ปัญหาปุจฉกะ จบ
อินทริยวิภังค์ จบบริบูรณ์
๖. ปัจจยาการวิภังค์
สุตตันตภาชนีย์

             เนื้อความพระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๕ บรรทัดที่ ๓๔๓๔-๓๗๓๓ หน้าที่ ๑๔๗-๑๖๑. https://84000.org/tipitaka/read/v.php?B=35&A=3434&Z=3733&pagebreak=0 https://84000.org/tipitaka/read/byitem.php?book=35&item=242&items=13&mode=bracket              อ่านโดยใช้เนื้อความเป็น เกณฑ์แบ่งข้อ :- https://84000.org/tipitaka/read/byitem.php?book=35&item=242&items=13              อ่านเทียบพระไตรปิฎกภาษาบาลีอักษรไทย :- https://84000.org/tipitaka/pali/pali_item.php?book=35&item=242&items=13&mode=bracket              อ่านเทียบพระไตรปิฎกภาษาบาลีอักษรโรมัน :- https://84000.org/tipitaka/read/roman_item.php?book=35&item=242&items=13&mode=bracket              ศึกษาอรรถกถานี้ที่ :- https://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=35&i=242              สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๕ https://84000.org/tipitaka/read/?index_35 https://84000.org/tipitaka/english/?index_35

อ่านหัวข้อแรกอ่านหัวข้อที่แล้วแสดงหมายเลขหน้า
ในกรณี :- 
   บรรทัดแรกของแต่ละหน้าอ่านหัวข้อถัดไปอ่านหัวข้อสุดท้าย

บันทึก ๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๖. บันทึกล่าสุด ๓๐ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๙. การแสดงผลนี้อ้างอิงข้อมูลจากพระไตรปิฎก ฉบับหลวง. หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]