บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ | |
ฉบับภาษาไทย บาลีอักษรไทย บาลีอักษรโรมัน |
อุปปาทนิโรธวาร [๑๑๘๒] กายสังขารย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์ใด วจีสังขารของสัตว์นั้น ย่อมดับไป หรือ? หามิได้. หรือว่า วจีสังขารของสัตว์ใด ย่อมดับไป กายสังขารย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น? หามิได้. กายสังขารย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์ใด จิตตสังขารของสัตว์นั้นย่อมดับไปหรือ? หามิได้. หรือว่า จิตตสังขารของสัตว์ใด ย่อมดับไป กายสังขารย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น? หามิได้. วจีสังขารย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์ใด จิตตสังขารของสัตว์นั้นย่อมดับไปหรือ? หามิได้. หรือว่า จิตตสังขารของสัตว์ใด ย่อมดับไป วจีสังขารย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น? หามิได้. กายสังขารย่อมเกิดขึ้นในภูมิใด วจีสังขารในภูมินั้น ย่อมดับไปหรือ? กายสังขารย่อมเกิดขึ้นในภูมินั้น คือ ในทุติยฌาน ในตติยฌาน แต่วจีสังขารในภูมินั้น ย่อมดับไป ก็หาไม่ ฯลฯ คำว่า ยตฺถ นอกจากนี้ เป็นเช่นเดียวกัน. กายสังขารย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์ใด ในภูมิใด ฯลฯ คำว่า ยสฺส ก็ดี คำว่า ยสฺส ยตฺถ ก็ดี เป็นเช่นเดียวกัน. [๑๑๘๓] กายสังขารย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ใด วจีสังขารของสัตว์นั้น ย่อมไม่ดับ ไปหรือ? กายสังขารย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภังคขณะแห่งวิตกและวิจาร แต่วจีสังขาร ของสัตว์เหล่านั้นย่อมไม่ดับไปก็หาไม่ กายสังขารย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในอุปปาท- *ขณะแห่งจิต เว้นลมอัสสาสะปัสสาสะ ในภังคขณะแห่งจิต เว้นวิตกและวิจาร ผู้เข้านิโรธ ผู้เป็นอสัญญสัตว์ และวจีสังขารก็ย่อมไม่ดับไป. หรือว่า วจีสังขารของสัตว์ใดย่อมไม่ดับไป กายสังขารย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น? วจีสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในอุปปาทขณะแห่งลมอัสสาสะปัสสาสะ ย่อมไม่ดับไป แต่ กายสังขารย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นก็หาไม่ วจีสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในอุปปาทขณะแห่ง จิตเว้นลมอัสสาสะปัสสาสะ ในภังคขณะแห่งจิต เว้นวิตกและวิจาร ผู้เข้านิโรธและผู้เป็น อสัญญสัตว์ ย่อมไม่ดับไป และกายสังขารก็ย่อมไม่เกิดขึ้น. [๑๑๘๔] กายสังขารย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ใด จิตตสังขารของสัตว์นั้น ย่อมไม่ ดับไปหรือ? กายสังขารย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นทั้งหมด ในภังคขณะแห่งจิต แต่จิตตสังขาร ของสัตว์เหล่านั้น ย่อมไม่ดับไปก็หาไม่ กายสังขารย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในอุปปาทขณะ แห่งจิตเว้นลมอัสสาสะปัสสาสะ ผู้เข้านิโรธผู้เป็นอสัญญสัตว์ และจิตตสังขารก็ย่อมไม่ดับไป. หรือว่า จิตตสังขารของสัตว์ใด ย่อมไม่ดับไป กายสังขารย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ นั้น? จิตตสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในอุปปาทขณะแห่งลมอัสสาสะปัสสาสะ ย่อมไม่ดับไป แต่กายสังขารย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นก็หาไม่ จิตตสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในอุปปาท ขณะแห่งจิต เว้นลมอัสสาสะปัสสาสะ ผู้เข้านิโรธ ผู้เป็นอสัญญสัตว์ ย่อมไม่ดับไป และ กายสังขารก็ย่อมไม่เกิดขึ้น. [๑๑๘๕] วจีสังขารย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ใด จิตตสังขารของสัตว์นั้น ย่อมไม่ดับ ไปหรือ? วจีสังขารย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นทั้งหมด ในภังคขณะแห่งจิต แต่จิตตสังขาร ของสัตว์เหล่านั้นย่อมไม่ดับไปก็หาไม่ วจีสังขารย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในอุปปาทขณะ แห่งจิต เว้นวิตกและวิจาร ผู้เข้านิโรธ ผู้เป็นอสัญญสัตว์ และจิตตสังขารก็ย่อมไม่ดับไป. หรือว่า จิตตสังขารของสัตว์ใด ย่อมไม่ดับไป วจีสังขารย่อมไม่เกิดขึ้นแก่ สัตว์นั้น? จิตตสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในอุปปาทขณะแห่งวิตกและวิจารย่อมไม่ดับไป แต่ วจีสังขารย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นก็หาไม่ จิตตสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในอุปปาทขณะ แห่งจิต เว้นวิตกและวิจาร ผู้เข้านิโรธ ผู้เป็นอสัญญสัตว์ ย่อมไม่ดับไป และวจีสังขารก็ย่อม ไม่เกิดขึ้น. [๑๑๘๖] กายสังขารย่อมไม่เกิดขึ้นในภูมิใด ฯลฯ. [๑๑๘๗] กายสังขารย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ใด ในภูมิใด ฯลฯ. ข้อว่า ยสฺส (แก่สัตว์ใด) ก็ดี ข้อว่า ยสฺส ยตฺถ (ของสัตว์ใด ในภูมิใด) ก็ดี เป็น เช่นเดียวกัน. บทว่า นิโรธสมาปนฺนานํ ย่อมไม่ได้ในข้อว่า ยสฺส ยตฺถ (ของสัตว์ใด ในภูมิใด). [๑๑๘๘] กายสังขารเคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์ใด วจีสังขารของสัตว์นั้น เคยดับไป แล้วหรือ? ถูกแล้ว. คำถามที่เป็นอดีต ในอุปปาทวาร ก็ดี ในนิโรธวาร ก็ดี ในอุปปาทนิโรธวาร ก็ดี พึงให้พิสดารเช่นเดียวกัน. [๑๑๘๙] กายสังขารจักเกิดขึ้นแก่สัตว์ใด วจีสังขารของสัตว์นั้น จักดับไปหรือ? ถูกแล้ว. หรือว่า วจีสังขารของสัตว์ใด จักดับไป กายสังขารจักเกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น? วจีสังขารของสัตว์เหล่านั้น ผู้เกิดในกามาวจรภูมิ ในอุปปาทขณะแห่งปัจฉิมจิต ผู้เกิด ในกามาวจรภูมิ ที่จักมีปัจฉิมจิตเกิดขึ้น ในลำดับแห่งจิตใด ผู้เป็นปัจฉิมภวิกสัตว์ ในรูปาวจรภูมิ ในอรูปาวจรภูมิ ผู้เข้าถึงรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ แล้วจักปรินิพพาน ที่กำลังจุติอยู่จักดับไป แต่กายสังขารจักเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นก็หาไม่ วจีสังขารของสัตว์ทั้งหลาย นอกนี้ จักดับไป และกายสังขารก็จักเกิดขึ้น. [๑๑๙๐] กายสังขารจักเกิดขึ้นแก่สัตว์ใด จิตตสังขารของสัตว์นั้น จักดับไปหรือ? ถูกแล้ว. หรือว่า จิตตสังขารของสัตว์ใด จักดับไป กายสังขารจักเกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น? จิตตสังขารของสัตว์เหล่านั้น ผู้เกิดในกามาวจรภูมิ ในอุปปาทขณะแห่งปัจฉิมจิต ผู้เกิดในกามาวจรภูมิ ที่จักมีปัจฉิมจิตเกิดขึ้น ในลำดับแห่งจิตใด ผู้เป็นปัจฉิมภวิกสัตว์ ในรูปาวจรภูมิ ในอรูปาวจรภูมิ ผู้เข้าถึงรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ แล้วจักปรินิพพาน ที่กำลังจุติ อยู่จักดับไป แต่กายสังขารจักเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นก็หาไม่ จิตตสังขารของสัตว์ทั้งหลาย นอกนี้ จักดับไป และกายสังขารก็จักเกิดขึ้น. [๑๑๙๑] วจีสังขารจักเกิดขึ้นแก่สัตว์ใด จิตตสังขารของสัตว์นั้น จักดับไปหรือ? ถูกแล้ว. หรือว่า จิตตสังขารของสัตว์ใด จักดับไป วจีสังขารจักเกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น? จิตตสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในอุปปาทขณะแห่งปัจฉิมจิต และสัตว์ที่จักมีปัจฉิมจิต อันไม่มีวิตกและไม่มีวิจารเกิดขึ้นในลำดับแห่งจิตใด จักดับไป แต่วจีสังขารจักเกิดขึ้นแก่สัตว์ เหล่านั้นก็หาไม่ จิตตสังขารของสัตว์ทั้งหลาย นอกนี้ จักดับไป และวจีสังขารก็จักเกิดขึ้น. [๑๑๙๒] กายสังขารจักเกิดขึ้น ในภูมิใด ฯลฯ. [๑๑๙๓] กายสังขารจักเกิดขึ้นแก่สัตว์ใด ในภูมิใด วจีสังขารของสัตว์นั้น ในภูมินั้น จักดับไปหรือ? กายสังขารจักเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ผู้เข้าทุติยฌาน ตติยฌาน แต่วจีสังขาร ของสัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น จักดับไปก็หาไม่ กายสังขารจักเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ผู้เข้าปฐมฌาน ผู้เกิดในกามาวจรภูมิ และวจีสังขารก็จักดับไป? หรือว่า วจีสังขารของสัตว์ใด ในภูมิใด จักดับไป กายสังขารจักเกิดขึ้นแก่ สัตว์นั้น ในภูมินั้น? วจีสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ผู้เกิดในกามาวจรภูมิ ในอุปปาทขณะแห่ง- *ปัจฉิมจิต ผู้เกิดในกามาวจรภูมิ ที่จักมีปัจฉิมจิตเกิดขึ้นในลำดับแห่งจิตใด ผู้เกิดในอรูปาวจรภูมิ จักดับไป แต่กายสังขารจักเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้นก็หาไม่ วจีสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ผู้เข้าปฐมฌาน เกิดในกามาวจรภูมิ นอกนี้ จักดับไป และกายสังขารก็จักเกิดขึ้น. [๑๑๙๔] กายสังขารจักเกิดขึ้นแก่สัตว์ใด ในภูมิใด จิตตสังขารของสัตว์นั้น ในภูมินั้น จักดับไปหรือ? ถูกแล้ว. หรือว่า จิตตสังขารของสัตว์ใด ในภูมิใด จักดับไป กายสังขารจักเกิดขึ้นแก่ สัตว์นั้น ในภูมินั้น? จิตตสังขารของสัตว์เหล่านั้น ผู้เกิดในกามาวจรภูมิ ในอุปปาทขณะแห่งปัจฉิมจิต ผู้เกิดในกามาวจรภูมิ ที่จักมีปัจฉิมจิตเกิดขึ้นในลำดับแห่งจิตใด ผู้เข้าจตุตถฌาน ผู้เกิดใน รูปาวจรภูมิ ผู้เกิดในอรูปาวจรภูมิ จักดับไป แต่กายสังขารจักเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น ก็หาไม่ จิตตสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ผู้เข้าปฐมฌาน ทุติยฌาน ตติยฌาน ผู้เกิดในกามาวจรภูมิ นอกนี้ จักดับไป และกายสังขารก็จักเกิดขึ้น. [๑๑๙๕] วจีสังขารจักเกิดขึ้นแก่สัตว์ใด ในภูมิใด จิตตสังขารของสัตว์นั้น ในภูมินั้น จักดับไปหรือ? ถูกแล้ว. หรือว่า จิตตสังขารของสัตว์ใด ในภูมิใด จักดับไป วจีสังขารจักเกิดขึ้นแก่ สัตว์นั้น ในภูมินั้น? จิตตสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ในอุปปาทขณะแห่งปัจฉิมจิต และสัตว์ที่จักมี ปัจฉิมจิต อันไม่มีวิตกและไม่มีวิจาร เกิดขึ้นในลำดับแห่งจิตใด ผู้เข้าทุติยฌาน ตติยฌาน จตุตถฌาน จักดับไป แต่วจีสังขารจักเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้นก็หาไม่ จิตตสังขาร ของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ผู้เข้าปฐมฌาน ผู้เกิดในกามาวจรภูมิ ผู้เกิดในรูปาวจรภูมิ ผู้เกิดในอรูปาวจรภูมิ นอกนี้ จักดับไป และวจีสังขารก็จักเกิดขึ้น. [๑๑๙๖] กายสังขารจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ใด วจีสังขารของสัตว์นั้น จักไม่ดับไป หรือ? กายสังขารจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ผู้เกิดในกามาวจรภูมิ ในอุปปาทขณะแห่ง ปัจฉิมจิต ผู้เกิดในกามาวจรภูมิ ที่จักมีปัจฉิมจิต เกิดขึ้นในลำดับแห่งจิตใด ผู้เป็นปัจฉิมภวิกสัตว์ ในรูปาวจรภูมิ ในอรูปาวจรภูมิ ผู้เข้าถึงรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ แล้วจักปรินิพพานที่กำลังจุติอยู่ แต่วจีสังขารของสัตว์เหล่านั้นจักไม่ดับไปก็หาไม่ กายสังขารจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ใน ภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต อันมีวิตกและมีวิจาร มีความพร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิต อันไม่มีวิตก และไม่มีวิจาร ผู้ที่จักมีปัจฉิมจิต อันไม่มีวิตกและไม่มีวิจาร เกิดขึ้นในลำดับแห่งจิตใด และ วจีสังขารก็จักไม่ดับไป. หรือว่า วจีสังขารของสัตว์ใด ฯลฯ? ถูกแล้ว. [๑๑๙๗] กายสังขารจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ใด จิตตสังขารของสัตว์นั้นจักไม่ดับไป หรือ? กายสังขารจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ผู้เกิดในกามาวจรภูมิ ในอุปปาทขณะแห่ง ปัจฉิมจิต ผู้เกิดในกามาวจรภูมิ ที่จักมีปัจฉิมจิต เกิดขึ้น ในลำดับแห่งจิตใด ผู้เป็นปัจฉิมภวิกสัตว์ ในรูปาวจรภูมิ ในอรูปาวจรภูมิ ผู้เข้าถึงรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ แล้วจักปรินิพพานที่กำลังจุติอยู่ แต่จิตตสังขารของสัตว์เหล่านั้นจักไม่ดับไปก็หาไม่ กายสังขารจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต และจิตตสังขารก็จักไม่ดับไป. หรือว่า จิตตสังขารของสัตว์ใด ฯลฯ? ถูกแล้ว. [๑๑๙๘] วจีสังขารจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ใด จิตตสังขารของสัตว์นั้น จักไม่ดับไป หรือ? วจีสังขารจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในอุปปาทขณะแห่งปัจฉิมจิต อันไม่มีวิตกและ ไม่มีวิจาร ผู้ที่จักมีปัจฉิมจิต อันไม่มีวิตกและไม่มีวิจาร เกิดขึ้นในลำดับแห่งจิตใด แต่จิตตสังขาร ของสัตว์เหล่านั้น จักไม่ดับไปก็หาไม่ วจีสังขารจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภังคขณะแห่ง ปัจฉิมจิต และจิตตสังขารก็จักไม่ดับไป. หรือว่า จิตตสังขารของสัตว์ใด ฯลฯ? ถูกแล้ว. [๑๑๙๙] กายสังขารจักไม่เกิดขึ้นในภูมิใด ฯลฯ. [๑๒๐๐] กายสังขารจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ใด ในภูมิใด วจีสังขารของสัตว์นั้น ในภูมินั้น จักไม่ดับไปหรือ? กายสังขารจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ผู้เกิดในกามาวจรภูมิ ใน อุปปาทขณะแห่งปัจฉิมจิต ผู้เกิดในกามาวจรภูมิ ที่จักมีปัจฉิมจิตเกิดขึ้นในลำดับแห่งจิตใด ผู้เกิด ในรูปาวจรภูมิ ผู้เกิดในอรูปาวจรภูมิ แต่วจีสังขารของสัตว์เหล่านั้นในภูมินั้น จักไม่ดับไปก็หาไม่ กายสังขารจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต อันมีวิตกและ มีวิจาร ผู้มีความพร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิต อันไม่มีวิตกและไม่มีวิจาร ผู้ที่จักมีปัจฉิมจิต อันไม่มีวิตกและไม่มีวิจาร เกิดขึ้นในลำดับแห่งจิตใด ผู้เข้าจตุตถฌาน ผู้เป็นอสัญญสัตว์ และวจีสังขารก็จักไม่ดับไป. หรือว่า วจีสังขารของสัตว์ใด ในภูมิใด จักไม่ดับไป กายสังขารจักไม่เกิดขึ้น แก่สัตว์นั้น ในภูมินั้น? วจีสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ผู้เข้าทุติยฌาน ตติยฌาน จักไม่ดับไป แต่ กายสังขารจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้นก็หาไม่ วจีสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต อันมีวิตกและมีวิจาร ผู้มีความพร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิต อันไม่มี วิตกและไม่มีวิจาร ผู้ที่จักมีปัจฉิมจิต อันไม่มีวิตกและไม่มีวิจาร เกิดขึ้นในลำดับแห่งจิตใด ผู้เข้าจตุตถฌาน ผู้เป็นอสัญญสัตว์ จักไม่ดับไป และกายสังขารก็จักไม่เกิดขึ้น. [๑๒๐๑] กายสังขารจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ใด ในภูมิใด จิตตสังขารของสัตว์นั้น ในภูมินั้น จักไม่ดับไปหรือ? กายสังขารจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ผู้เกิดในกามาวจรภูมิ ใน อุปปาทขณะแห่งปัจฉิมจิต ผู้เกิดในกามาวจรภูมิ ที่จักมีปัจฉิมจิตเกิดขึ้นในลำดับแห่งจิตใด ผู้เข้าจตุตถฌาน ผู้เกิดในรูปาวจรภูมิ ผู้เกิดในอรูปาวจรภูมิ และจิตตสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น จักไม่ดับไปก็หาไม่ กายสังขารจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ในภังคขณะ แห่งปัจฉิมจิต ผู้เป็นอสัญญสัตว์ และจิตตสังขารก็จักไม่ดับไป. หรือว่า จิตตสังขารของสัตว์ใด ในภูมิใด ฯลฯ? ถูกแล้ว. [๑๒๐๒] วจีสังขารจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ใด ในภูมิใด จิตตสังขารของสัตว์นั้น ในภูมินั้น จักไม่ดับไปหรือ? วจีสังขารจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ในอุปปาทขณะแห่งปัจฉิมจิต อันไม่มี วิตกและไม่มีวิจาร ผู้ที่จักมีปัจฉิมจิต อันไม่มีวิตกและไม่มีวิจาร เกิดขึ้นในลำดับแห่งจิตใด ผู้เข้าทุติยฌาน ตติยฌาน จตุตถฌาน แต่จิตตสังขารของสัตว์นั้น ในภูมินั้น จักไม่ดับไปก็หาไม่ วจีสังขารจักไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต ผู้เป็นอสัญญสัตว์ และจิตตสังขารก็จักไม่ดับไป. หรือว่า จิตตสังขารของสัตว์ใด ในภูมิใด ฯลฯ? ถูกแล้ว. [๑๒๐๓] กายสังขารย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์ใด วจีสังขารของสัตว์นั้น เคยดับไป แล้วหรือ? ถูกแล้ว. หรือว่า วจีสังขารของสัตว์ใด เคยดับไปแล้ว กายสังขารย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น? วจีสังขารของสัตว์เหล่านั้นทั้งหมด ในภังคขณะแห่งจิต ในอุปปาทขณะแห่งจิต เว้น ลมอัสสาสะปัสสาสะ ผู้เข้านิโรธ ผู้เป็นอสัญญสัตว์ เคยดับไปแล้ว แต่กายสังขารย่อมเกิดขึ้น แก่สัตว์เหล่านั้นก็หาไม่ วจีสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในอุปปาทขณะแห่งลมอัสสาสะปัสสาสะ เคยดับไปแล้ว และกายสังขารก็ย่อมเกิดขึ้น. คำถามที่เป็นอดีตกับปัจจุบัน อนุโลม ก็ดี ปัจจนียะ ก็ดี ท่านจำแนกไว้แล้วใน อุปปาทวาร ฉันใด แม้ในอุปปาทนิโรธวาร คำถามที่เป็นอดีตกับด้วยปัจจุบัน อนุโลม ก็ดี ปัจจนียะ ก็ดี พึงจำแนก ฉันนั้น. [๑๒๐๔] กายสังขารย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์ใด วจีสังขารของสัตว์นั้น จักดับไปหรือ? ถูกแล้ว. หรือว่า วจีสังขารของสัตว์ใด จักดับไป กายสังขารย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น? วจีสังขารของสัตว์เหล่านั้นทั้งหมด ในภังคขณะแห่งจิต ในอุปปาทขณะแห่งจิต เว้น ลมอัสสาสะปัสสาสะ ผู้เข้านิโรธ ผู้เป็นอสัญญสัตว์ จักดับไป แต่กายสังขารย่อมเกิดขึ้นแก่ สัตว์เหล่านั้นก็หาไม่ วจีสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในอุปปาทขณะแห่งลมอัสสาสะปัสสาสะ จักดับไป และกายสังขารก็ย่อมเกิดขึ้น. [๑๒๐๕] กายสังขารย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์ใด จิตตสังขารของสัตว์นั้น จักดับ ไปหรือ? ถูกแล้ว. หรือว่า จิตตสังขารของสัตว์ใด จักดับไป กายสังขารย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น? จิตตสังขารของสัตว์เหล่านั้นทั้งหมด ในภังคขณะแห่งจิต ในอุปปาทขณะแห่งจิต เว้นลมอัสสาสะปัสสาสะ ผู้เข้านิโรธ ผู้เป็นอสัญญสัตว์ จักดับไป แต่กายสังขารย่อมเกิดขึ้น แก่สัตว์เหล่านั้นก็หาไม่ จิตตสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในอุปปาทขณะแห่งลมอัสสาสะปัสสาสะ จักดับไป และกายสังขารก็ย่อมเกิดขึ้น. [๑๒๐๖] วจีสังขารย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์ใด จิตตสังขารของสัตว์นั้น จักดับไปหรือ? ถูกแล้ว. หรือว่า จิตตสังขารของสัตว์ใด จักดับไป วจีสังขารย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น? จิตตสังขารของสัตว์เหล่านั้นทั้งหมด ในภังคขณะแห่งจิต ในอุปปาทขณะแห่งจิต เว้นวิตกและวิจาร ผู้เข้านิโรธ ผู้เป็นอสัญญสัตว์ จักดับไป แต่วจีสังขารย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์ เหล่านั้นก็หาไม่ จิตตสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในอุปปาทขณะแห่งวิตกและวิจาร จักดับไป และ วจีสังขารก็ย่อมเกิดขึ้น. [๑๒๐๗] กายสังขารย่อมเกิดขึ้นในภูมิใด ฯลฯ. [๑๒๐๘] กายสังขารย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์ใด ในภูมิใด วจีสังขารของสัตว์นั้น ในภูมินั้น จักดับไปหรือ? กายสังขารย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ผู้เข้าทุติยฌาน ตติยฌาน ใน อุปปาทขณะแห่งลมอัสสาสะปัสสาสะ แต่วจีสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น จักดับไปก็หาไม่ กายสังขารย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ผู้เข้าปฐมฌาน ผู้เกิดในกามาวจรภูมิ ใน อุปปาทขณะแห่งลมอัสสาสะปัสสาสะ และวจีสังขารก็จักดับไป. หรือว่า วจีสังขารของสัตว์ใด ในภูมิใด จักดับไป กายสังขารย่อมเกิดขึ้นแก่ สัตว์นั้น ในภูมินั้น? วจีสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ผู้เข้าปฐมฌาน ผู้เกิดในกามาวจรภูมิ ใน ภังคขณะแห่งลมอัสสาสะปัสสาสะ ในอุปปาทขณะแห่งจิต เว้นลมอัสสาสะปัสสาสะของ สัตว์เหล่านั้นนั่นแหละ ผู้เกิดในรูปาวจรภูมิ จักดับไป แต่กายสังขารย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้นก็หาไม่ วจีสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ผู้เข้าปฐมฌาน ผู้เกิดในกามาวจรภูมิ ในอุปปาทขณะแห่งลมอัสสาสะปัสสาสะ จักดับไป และกายสังขารก็ย่อมเกิดขึ้น. [๑๒๐๙] กายสังขารย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์ใด ในภูมิใด จิตตสังขารของสัตว์นั้น ในภูมินั้น จักดับไปหรือ? ถูกแล้ว. หรือว่า จิตตสังขารของสัตว์ใด ในภูมิใด จักดับไป กายสังขารย่อมเกิดขึ้นแก่ สัตว์นั้น ในภูมินั้น? จิตตสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้นทั้งหมด ในภังคขณะแห่งจิต ในอุปปาทขณะ แห่งจิต เว้นลมอัสสาสะปัสสาสะ จักดับไป แต่กายสังขารย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ใน ภูมินั้นก็หาไม่ จิตตสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ในอุปปาทขณะแห่งลมอัสสาสะ- *ปัสสาสะ จักดับไป และกายสังขารก็ย่อมเกิดขึ้น. [๑๒๑๐] วจีสังขารย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์ใด ในภูมิใด จิตตสังขารของสัตว์นั้น ใน ภูมินั้น จักดับไปหรือ? ถูกแล้ว. หรือว่า จิตตสังขารของสัตว์ใด ในภูมิใด จักดับไป วจีสังขารย่อมเกิดขึ้นแก่ สัตว์นั้นในภูมินั้น? จิตตสังขารของสัตว์เหล่านั้นทั้งหมด ในภูมินั้น ในภังคขณะแห่งจิต ในอุปปาทขณะ แห่งจิต เว้นวิตกและวิจาร จักดับไป แต่วจีสังขารย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ก็หาไม่ จิตตสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ในอุปปาทขณะแห่งวิตกและวิจารจักดับไป และวจีสังขารก็ย่อมเกิดขึ้น. [๑๒๑๑] กายสังขารย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ใด วจีสังขารของสัตว์นั้น จักไม่ดับ ไปหรือ? กายสังขารย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภังคขณะแห่งจิต ในอุปปาทขณะแห่งจิต เว้นลมอัสสาสะปัสสาสะ ผู้เข้านิโรธ ผู้เป็นอสัญญสัตว์ แต่วจีสังขารของสัตว์เหล่านั้น จักไม่ดับไปก็หาไม่ กายสังขารย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต อันมี วิตกและมีวิจาร ผู้มีความพร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิต อันไม่มีวิตกและไม่มีวิจาร ผู้ที่จักมีปัจฉิมจิต อันไม่มีวิตกและไม่มีวิจาร เกิดขึ้นในลำดับแห่งจิตใด และวจีสังขารก็จักไม่ดับไป. หรือว่า วจีสังขารของสัตว์ใด จักไม่ดับไป กายสังขารย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น? ถูกแล้ว. [๑๒๑๒] กายสังขารย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ใด จิตตสังขารของสัตว์นั้น จักไม่ดับ ไปหรือ? กายสังขารย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นทั้งหมด ในภังคขณะแห่งจิต ในอุปปาทขณะ- *แห่งจิต เว้นลมอัสสาสะปัสสาสะ ผู้เข้านิโรธ ผู้เป็นอสัญญสัตว์ แต่จิตตสังขารของสัตว์ เหล่านั้น จักไม่ดับไปก็หาไม่ กายสังขารย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภังคขณะแห่ง ปัจฉิมจิต และจิตตสังขารก็จักไม่ดับไป. หรือว่า จิตตสังขารของสัตว์ใด จักไม่ดับไป กายสังขารย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์นั้น? ถูกแล้ว. [๑๒๑๓] วจีสังขารย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ใด จิตตสังขารของสัตว์นั้น จักไม่ ดับไปหรือ? วจีสังขารย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นทั้งหมด ในภังคขณะแห่งจิต ในอุปปาทขณะ แห่งจิต เว้นวิตกและวิจาร ผู้เข้านิโรธ ผู้เป็นอสัญญสัตว์ แต่จิตตสังขารของสัตว์เหล่านั้น จักไม่ดับไปก็หาไม่ วจีสังขารย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต และ จิตตสังขารก็จักไม่ดับไป. หรือว่า จิตตสังขารของสัตว์ใด จักไม่ดับไป วจีสังขารย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ นั้น? ถูกแล้ว. [๑๒๑๔] กายสังขารย่อมไม่เกิดขึ้นในภูมิใด ฯลฯ. [๑๒๑๕] กายสังขารย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ใด ในภูมิใด วจีสังขารของสัตว์นั้น ในภูมินั้น จักไม่ดับไปหรือ? กายสังขารย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ผู้เข้าปฐมฌาน ผู้เกิดในกามา- *วจรภูมิ ในภังคขณะแห่งลมอัสสาสะปัสสาสะในอุปปาทขณะแห่งจิต เว้นลมอัสสาสะ- *ปัสสาสะของสัตว์เหล่านั้นนั่นแหละ ผู้เกิดในรูปาวจรภูมิ ผู้เกิดในอรูปาวจรภูมิ แต่วจีสังขาร ของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น จักไม่ดับไปก็หาไม่ กายสังขารย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต อันมีวิตกและมีวิจาร ผู้มีความพร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิต อันไม่มีวิตกและไม่มีวิจาร ผู้ที่จักมีปัจฉิมจิต อันไม่มีวิตกและไม่มีวิจาร เกิดขึ้นในลำดับแห่งจิตใด ผู้เข้าทุติยฌาน ตติยฌาน ในภังคขณะแห่งลมอัสสาสะปัสสาสะ ในอุปปาทขณะแห่งจิต เว้น ลมอัสสาสะปัสสาสะของสัตว์เหล่านั้นนั่นแหละ ผู้เข้าจตุตฌาน ผู้เป็นอสัญญสัตว์ และ วจีสังขารก็จักไม่ดับไป. หรือว่า วจีสังขารของสัตว์ใด ในภูมิใด จักดับไป กายสังขารย่อมไม่เกิดขึ้นแก่ สัตว์นั้น ในภูมินั้น? วจีสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ผู้เข้าทุติยฌาน ตติยฌาน ในอุปปาทขณะแห่ง ลมอัสสาสะปัสสาสะ จักไม่ดับไป แต่กายสังขารย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ก็หาไม่ วจีสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต อันมีวิตกและมีวิจาร ผู้มีความพร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิต อันไม่มีวิตกและไม่มีวิจาร ผู้ที่จักมีปัจฉิมจิต อันไม่มีวิตก และไม่มีวิจาร เกิดขึ้นในลำดับแห่งจิตใด ผู้เข้าทุติยฌาน ตติยฌาน ในภังคขณะแห่งลมอัสสาสะ- *ปัสสาสะ ในอุปปาทขณะแห่งจิต เว้นลมอัสสาสะปัสสาสะของสัตว์เหล่านั้นนั่นแหละ ผู้เข้า จตุตถฌาน ผู้เป็นอสัญญสัตว์ จักไม่ดับไป และกายสังขารก็ย่อมไม่เกิดขึ้น. [๑๒๑๖] กายสังขารย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ใด ในภูมิใด จิตตสังขารของสัตว์นั้น ในภูมินั้น จักไม่ดับไปหรือ? กายสังขารย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นทั้งหมด ในภูมินั้น ในภังคขณะแห่งจิต ใน อุปปาทขณะแห่งจิต เว้นลมอัสสาสะปัสสาสะ แต่จิตตสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น จักไม่ดับไปก็หาไม่ กายสังขารย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ในภังคขณะแห่ง ปัจฉิมจิต ผู้เป็นอสัญญสัตว์ และจิตตสังขารก็จักไม่ดับไป. หรือว่า จิตตสังขารของสัตว์ใด ในภูมิใด จักไม่ดับไป กายสังขารย่อมไม่เกิดขึ้น แก่สัตว์นั้น ในภูมินั้น? ถูกแล้ว. [๑๒๑๗] วจีสังขารย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์ใด ในภูมิใด จิตตสังขารของสัตว์นั้น ในภูมินั้น จักไม่ดับไปหรือ? วจีสังขารย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้นทั้งหมด ในภูมินั้น ในภังคขณะแห่งจิต ใน อุปปาทขณะแห่งจิต เว้นวิตกและวิจาร แต่จิตตสังขารของสัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น จักไม่ดับไป ก็หาไม่ วจีสังขารย่อมไม่เกิดขึ้นแก่สัตว์เหล่านั้น ในภูมินั้น ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต ผู้เป็น อสัญญสัตว์ และจิตตสังขารก็จักไม่ดับไป. หรือว่า จิตตสังขารของสัตว์ใด ในภูมิใด จักไม่ดับไป วจีสังขารย่อมไม่เกิดขึ้น แก่สัตว์นั้น ในภูมินั้น? ถูกแล้ว. [๑๒๑๘] กายสังขารเคยเกิดขึ้นแก่สัตว์ใด วจีสังขารของสัตว์นั้น จักดับไป หรือ? กายสังขารเคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์เหล่านั้น ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต อันมีวิตกและ มีวิจาร ผู้มีความพร้อมเพรียงด้วยปัจฉิมจิต อันไม่มีวิตกและไม่มีวิจาร ผู้ที่จักมีปัจฉิมจิต อัน ไม่มีวิตกและไม่มีวิจาร เกิดขึ้นในลำดับแห่งจิตใด แต่วจีสังขารของสัตว์เหล่านั้น จักดับไป ก็หาไม่ กายสังขารเคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์ทั้งหลาย นอกนี้ และวจีสังขารก็จักดับไป. หรือว่า วจีสังขารของสัตว์ใด จักดับไป กายสังขารเคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์นั้น? ถูกแล้ว. [๑๒๑๙] กายสังขารเคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์ใด จิตตสังขารของสัตว์นั้น จักดับไป หรือ? กายสังขารเคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์เหล่านั้น ในภังคขณะแห่งปัจฉิมจิต แต่จิตตสังขาร ของสัตว์เหล่านั้น จักดับไปก็หาไม่ กายสังขารเคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์ทั้งหลาย นอกนี้ และ จิตตสังขารก็จักดับไป. หรือว่า จิตตสังขารของสัตว์ใด จักดับไป กายสังขารเคยเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์ นั้น? ถูกแล้ว ฯลฯ. คำถามที่เป็นอนาคตกับด้วยอดีต อนุโลมก็ดี ปัจจนียะก็ดี ท่านจำแนกไว้แล้วใน นิโรธวาร ฉันใด คำถามที่เป็นอนาคตกับด้วยอดีต อนุโลมก็ดี ปัจจนียะก็ดี แม้ในอุปปาท- *นิโรธวารผู้มีปัญญาพึงจำแนก ฉันนั้น. ในนิโรธวารก็เหมือนกัน ไม่มีเหตุที่จะทำให้ต่างๆ กัน.อุปปาทนิโรธวาร จบ. ปวัตติวาร จบ. ปริญญาวาร [๑๒๒๐] บุคคลใดย่อมกำหนดรู้กายสังขาร บุคคลนั้น ย่อมกำหนดรู้วจีสังขาร หรือ? ถูกแล้ว. หรือว่า บุคคลใดย่อมกำหนดรู้วจีสังขาร บุคคลนั้น ย่อมกำหนดรู้กายสังขาร? ถูกแล้ว. ปริญญาวาร ท่านจำแนกไว้แล้วในขันธยมก ฉันใด ปริญญาวารแม้ในสังขารยมกก็พึง จำแนก ฉันนั้น.ปริญญาวาร จบ. สังขารยมก จบ. อนุสยยมก อนุสัย ๗ อนุสัย ๗ คือ ๑. กามราคานุสัย ๒. ปฏิฆานุสัย ๓. มานานุสัย ๔. ทิฏฐานุสัย ๕. วิจิกิจฉานุสัย ๖. ภวราคานุสัย ๗. อวิชชานุสัย [๑๒๒๑] กามราคานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่ไหน? กามราคานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่นี้ คือ ในเวทนา ๒ ในกามธาตุ. ปฏิฆานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่ไหน? ปฏิฆานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่นี้ คือ ในทุกขเวทนา. มานานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่ไหน? มานานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่นี้ คือ ในเวทนา ๒ ในกามธาตุ ในรูปธาตุ ใน อรูปธาตุ. ทิฏฐานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่ไหน? ทิฏฐานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่นี้ คือ ในธรรมที่นับเนื่องในกายของตนทั้งหมด วิจิกิจฉานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่ไหน? วิจิกิจฉานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่นี้ คือ ในธรรมที่นับเนื่องในกายของตนทั้งหมด. ภวราคานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่ไหน? ภวราคานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่นี้ คือ ในรูปธาตุ ในอรูปธาตุ. อวิชชานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่ไหน? อวิชชานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่นี้ คือ ในธรรมที่นับเนื่องในกายของตนทั้งหมด.อนุสัยวาร [๑๒๒๒] กามราคานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคลใด ปฏิฆานุสัย ย่อมนอนเนื่อง แก่บุคคลนั้นหรือ? ถูกแล้ว. หรือว่า ปฏิฆานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคลใด กามราคานุสัย ย่อมนอนเนื่อง แก่บุคคลนั้น? ถูกแล้ว. กามราคานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคลใด มานานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคลนั้น หรือ? ถูกแล้ว. หรือว่า มานานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคลใด กามราคานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่ บุคคลนั้น? มานานุสัยย่อมนอนเนื่องแก่พระอนาคามี แต่กามราคานุสัยจะนอนเนื่องแก่พระอนาคามี นั้น ก็หาไม่ มานานุสัย ย่อมนอนเนื่องและกามราคานุสัยก็ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคล ๓ จำพวก กามราคานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคลใด ทิฏฐานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคลนั้น หรือ? กามราคานุสัยย่อมนอนเนื่องแก่บุคคล ๒ จำพวก แต่ทิฏฐานุสัยจะไม่นอนเนื่องอยู่แก่ บุคคล ๒ จำพวกเหล่านั้นก็หาไม่ กามราคานุสัยย่อมนอนเนื่องและทิฏฐานุสัยย่อมนอนเนื่องแก่ ปุถุชน. หรือว่า ทิฏฐานุสัยย่อมนอนเนื่องแก่บุคคลใด กามราคานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่ บุคคลนั้น? ถูกแล้ว. กามราคานุสัยย่อมนอนเนื่องแก่บุคคลใด วิจิกิจฉานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคลนั้น หรือ? กามราคานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคล ๒ จำพวก แต่วิจิกิจฉานุสัย จะนอนเนื่องแก่ บุคคลเหล่านั้นก็หาไม่ กามราคานุสัยย่อมนอนเนื่อง และวิจิกิจฉานุสัยย่อมนอนเนื่องแก่ปุถุชน. หรือว่า วิจิกิจฉานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคลใด กามราคานุสัย ย่อมนอนเนื่อง แก่บุคคลนั้น? ถูกแล้ว. กามราคานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคลใด ภวราคานุสัยย่อมนอนเนื่องแก่บุคคล นั้น? ถูกแล้ว. หรือว่า ภวราคานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคลใด กามราคานุสัย ย่อมนอน เนื่องแก่บุคคลนั้น? ภวราคานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่พระอนาคามี แต่กามราคานุสัยจะนอนเนื่องแก่พระ- *อนาคามีก็หาไม่ ภวราคานุสัยย่อมนอนเนื่องและกามราคานุสัยก็ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคล ๓ จำพวก. กามราคานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคลใด อวิชชานุสัยย่อมนอนเนื่องแก่บุคคลนั้น หรือ? ถูกแล้ว. หรือว่า อวิชชานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคลใด กามราคานุสัย ย่อมนอนเนื่อง แก่บุคคลนั้น? อวิชชานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่พระอนาคามี แต่กามราคานุสัยจะนอนเนื่องแก่พระ อนาคามี ก็หาไม่ อวิชชานุสัยและกามราคานุสัยก็ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคล ๓ จำพวก. [๑๒๒๓] ปฏิฆานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคลใด มานานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่ บุคคลนั้นหรือ? ถูกแล้ว. หรือว่า มานานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคลใด ปฏิฆานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่ บุคคลนั้น? มานานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่พระอนาคามี แต่ปฏิฆานุสัย จะนอนเนื่องอยู่แก่พระ- *อนาคามีนั้นก็หาไม่ มานานุสัยย่อมนอนเนื่องและปฏิฆานุสัย ก็ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคล ๓ จำพวก. ปฏิฆานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคลใด ทิฏฐานุสัย ฯลฯ วิจิกิจฉานุสัย ย่อมนอน เนื่องแก่บุคคลนั้น? ปฏิฆานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคล ๒ จำพวก แต่วิจิกิจฉานุสัยจะนอนเนื่องแก่บุคคล ๒ จำพวกเหล่านั้น ก็หาไม่ ปฏิฆานุสัยย่อมนอนเนื่องและวิจิกิจฉานุสัย ก็ย่อมนอนเนื่องแก่ ปุถุชน. หรือว่า วิจิกิจฉานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคลใด ปฏิฆานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่ บุคคลนั้น? ถูกแล้ว. ปฏิฆานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคลใด ภวราคานุสัย ฯลฯ อวิชชานุสัย ย่อมนอน เนื่องแก่บุคคลนั้น? ถูกแล้ว. ปฏิฆานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคลใด ภวราคานุสัย ฯลฯ อวิชชานุสัย ย่อมนอน เนื่องแก่บุคคลนั้นหรือ? ถูกแล้ว. หรือว่า อวิชชานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคลใด ปฏิฆานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่ บุคคลนั้น? อวิชชานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่พระอนาคามี แต่ปฏิฆานุสัย จะนอนเนื่องแก่พระ อนาคามี ก็หาไม่ อวิชชานุสัยและปฏิฆานุสัย ก็ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคล ๓ จำพวก. [๑๒๒๔] มานานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคลใด ทิฏฐานุสัย ฯลฯ วิจิกิจฉานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคลนั้นหรือ? มานานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคล ๓ จำพวก แต่วิจิกิจฉานุสัยจะนอนเนื่องแก่บุคคล ๓ จำพวกเหล่านั้น ก็หาไม่ มานานุสัยย่อมนอนเนื่องและวิจิกิจฉานุสัยก็ย่อมนอนเนื่องแก่ปุถุชน. หรือว่า วิจิกิจฉานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคลใด มานานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่ บุคคลนั้น? ถูกแล้ว. มานานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคลใด ภวราคานุสัย ฯลฯ อวิชชานุสัย ย่อมนอน เนื่องแก่บุคคลนั้น? ถูกแล้ว. หรือว่า อวิชชานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคลใด มานานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่ บุคคลนั้น? ถูกแล้ว. [๑๒๒๕] ทิฏฐานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคลใด วิจิกิจฉานุสัยย่อมนอนเนื่องแก่ บุคคลนั้นหรือ? ถูกแล้ว. หรือว่า วิจิกิจฉานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคลใด ทิฏฐานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่ บุคคลนั้น? ถูกแล้ว. ทิฏฐานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคลใด ภวราคานุสัย ฯลฯ อวิชชานุสัย ย่อม นอนเนื่องแก่บุคคลนั้นหรือ? ถูกแล้ว. หรือว่า อวิชชานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคลใด ทิฏฐานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่ บุคคลนั้น? อวิชชานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคล ๓ จำพวก แต่ทิฏฐานุสัยจะนอนเนื่องแก่บุคคล ๓ จำพวกเหล่านั้นก็หาไม่ อวิชชานุสัย ย่อมนอนเนื่อง และทิฏฐานุสัยก็ย่อมนอนเนื่องแก่ ปุถุชน. [๑๒๒๖] วิจิกิจฉานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคลใด ภวราคานุสัย ฯลฯ อวิชชา- *นุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคลนั้นหรือ? ถูกแล้ว. หรือว่า อวิชชานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคลใด วิจิกิจฉานุสัย ย่อมนอนเนื่อง แก่บุคคลนั้น? อวิชชานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคล ๓ จำพวก แต่วิจิกิจฉานุสัย จะนอนเนื่องแก่ บุคคล ๓ จำพวกเหล่านั้นก็หาไม่ อวิชชานุสัยย่อมนอนเนื่องและวิจิกิจฉานุสัย ก็ย่อมนอนเนื่อง แก่ปุถุชน [๑๒๒๗] ภวราคานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคลใด อวิชชานุสัย ย่อมนอนเนื่อง แก่บุคคลนั้นหรือ? ถูกแล้ว. หรือว่า อวิชชานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคลใด ภวราคานุสัย ย่อมนอนเนื่อง แก่บุคคลนั้นหรือ? ถูกแล้ว. [๑๒๒๘] กามราคานุสัย และปฏิฆานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคลใด มานานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคลนั้นหรือ? ถูกแล้ว. หรือว่า มานานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคลใด กามราคานุสัย และปฏิฆานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคลนั้น? มานานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่พระอนาคามี แต่กามราคานุสัยและปฏิฆานุสัย จะนอน เนื่องแก่พระอนาคามีนั้นก็หาไม่ มานานุสัยย่อมนอนเนื่องกามราคานุสัยและปฏิฆานุสัย ก็ย่อม นอนเนื่องแก่บุคคล ๓ จำพวก. กามราคานุสัยและปฏิฆานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคลใด ทิฏฐานุสัย ฯลฯ วิจิกิจฉานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคลนั้นหรือ? กามราคานุสัยและปฏิฆานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคล ๒ จำพวก แต่วิจิกิจฉานุสัย จะนอนเนื่องแก่บุคคล ๒ จำพวกเหล่านั้นก็หาไม่ กามราคานุสัย ปฏิฆานุสัย และวิจิกิจฉานุสัย ก็ย่อมนอนเนื่องแก่ปุถุชน. หรือว่า วิจิกิจฉานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคลใด กามราคานุสัยและปฏิฆานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคลนั้น? ถูกแล้ว. กามราคานุสัยและปฏิฆานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคลใด ภวราคานุสัย ฯลฯ อวิชชานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคลนั้นหรือ? ถูกแล้ว. หรือว่า อวิชชานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคลใด กามราคานุสัยและปฏิฆานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคลนั้น? อวิชชานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่พระอนาคามี แต่กามราคานุสัยและปฏิฆานุสัย จะนอน เนื่องแก่พระอนาคามีนั้นก็หาไม่ อวิชชานุสัย กามราคานุสัย และปฏิฆานุสัย ก็ย่อมนอนเนื่อง แก่บุคคล ๓ จำพวก [๑๒๒๙] กามราคานุสัย ปฏิฆานุสัย และมานานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคลใด ทิฏฐานุสัย ฯลฯ วิจิกิจฉานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคลนั้นหรือ? กามราคานุสัย ปฏิฆานุสัย และมานานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคล ๒ จำพวก แต่ วิจิกิจฉานุสัย จะนอนเนื่องแก่บุคคล ๒ จำพวก เหล่านั้นก็หาไม่ กามราคานุสัย ปฏิฆานุสัย มานานุสัย และวิจิกิจฉานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่ปุถุชน. หรือว่า วิจิกิจฉานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคลใด กามราคานุสัย ปฏิฆานุสัย และมานานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคลนั้น? ถูกแล้ว. กามราคานุสัย ปฏิฆานุสัย และมานานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคลใด ภวราคา นุสัย ฯลฯ อวิชชานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคลนั้นหรือ? ถูกแล้ว. หรือว่า อวิชชานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคลใด กามราคานุสัย ปฏิฆานุสัย และมานานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคลนั้น? อวิชชานุสัย และมานานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่พระอนาคามี แต่กามราคานุสัย และ ปฏิฆานุสัย จะนอนเนื่องแก่พระอนาคามีนั้นก็หาไม่ อวิชชานุสัย กามราคานุสัย ปฏิฆานุสัย และมานานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคล ๓ จำพวก [๑๒๓๐] กามราคานุสัย ปฏิฆานุสัย มานานุสัย และทิฏฐานุสัย ย่อมนอนเนื่อง แก่บุคคลใด วิจิกิจฉานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคลนั้นหรือ? ถูกแล้ว. หรือว่า วิจิกิจฉานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคลใด กามราคานุสัย ปฏิฆานุสัย มานานุสัย และทิฏฐานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคลนั้น? ถูกแล้ว. กามราคานุสัย ปฏิฆานุสัย มานานุสัย และทิฏฐานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคลใด ภวราคานุสัย ฯลฯ อวิชชานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคลนั้นหรือ? ถูกแล้ว. หรือว่า อวิชชานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคลใด กามราคานุสัย ปฏิฆานุสัย มานานุสัย และทิฏฐานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคลนั้น? อวิชชานุสัย และมานานุสัยย่อมนอนเนื่องแก่พระอนาคามี แต่กามราคานุสัย ปฏิฆานุสัย และทิฏฐานุสัย จะนอนเนื่องแก่พระอนาคามีนั้นก็หาไม่ อวิชชานุสัย กามราคานุสัย ปฏิฆานุสัย และมานานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคล ๒ จำพวก แต่ทิฏฐานุสัย จะนอนเนื่องแก่บุคคล ๒ จำพวกเหล่านั้นก็หาไม่ อวิชชานุสัย กามราคานุสัย ปฏิฆานุสัย มานานุสัย และทิฏฐานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่ปุถุชน. [๑๒๓๑] กามราคานุสัย ปฏิฆานุสัย มานานุสัย ทิฏฐานุสัย และวิจิกิจฉานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคลใด ภวราคานุสัย ฯลฯ อวิชชานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคลนั้นหรือ? ถูกแล้ว. หรือว่า อวิชชานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคลใด กามราคานุสัย ปฏิฆานุสัย มานานุสัย ทิฏฐานุสัย และวิจิกิจฉานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคลนั้น? อวิชชานุสัย และมานานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่พระอนาคามี แต่กามราคานุสัย ปฏิฆานุสัย ทิฏฐานุสัย และวิจิกิจฉานุสัย จะนอนเนื่องแก่พระอนาคามีนั้นก็หาไม่ อวิชชานุสัย กามราคานุสัย ปฏิฆานุสัย และมานานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคล ๒ จำพวก แต่ทิฏฐานุสัย และวิจิกิจฉานุสัย จะนอนเนื่องแก่บุคคล ๒ จำพวกเหล่านั้นก็หาไม่ อวิชชานุสัย กามราคานุสัย ปฏิฆานุสัย มานานุสัย และวิจิกิจฉานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่ปุถุชน. [๑๒๓๒] กามราคานุสัย ปฏิฆานุสัย มานานุสัย ทิฏฐานุสัย วิจิกิจฉานุสัย และภวราคานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคลใด อวิชชานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคลนั้นหรือ? ถูกแล้ว. หรือว่า อวิชชานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคลใด กามราคานุสัย ปฏิฆานุสัย มานานุสัย ทิฏฐานุสัย วิจิกิจฉานุสัย และภวราคานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคลนั้น? อวิชชานุสัย มานานุสัย ภวราคานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่พระอนาคามี แต่กามราคานุสัย ปฏิฆานุสัย ทิฏฐานุสัย และวิจิกิจฉานุสัย จะนอนเนื่องแก่พระอนาคามีนั้นก็หาไม่ อวิชชานุสัย กามราคานุสัย ปฏิฆานุสัย มานานุสัย และภวราคานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคล ๒ จำพวก แต่ทิฏฐานุสัย และวิจิกิจฉานุสัยจะนอนเนื่องแก่บุคคล ๒ จำพวกเหล่านั้นก็หาไม่ อวิชชานุสัย กามราคานุสัย ปฏิฆานุสัย มานานุสัย ทิฏฐานุสัย วิจิกิจฉานุสัย และภวราคานุสัย ย่อมนอน เนื่องแก่ปุถุชน. [๑๒๓๓] กามราคานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่ใด ปฏิฆานุสัย ย่อมนอนเนื่องใน ที่นั้นหรือ? หามิได้. หรือว่า ปฏิฆานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่ใด กามราคานุสัย ย่อมนอนเนื่องใน ที่นั้น? หามิได้. กามราคานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่ใด มานานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่นั้นหรือ? ถูกแล้ว. หรือว่า มานานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่ใด กามราคานุสัย ย่อมนอนเนื่องใน ที่นั้น? มานานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่นี้ คือ ในรูปธาตุ ในอรูปธาตุ แต่กามราคานุสัย จะนอนเนื่องในที่นั้นก็หาไม่ มานานุสัย ย่อมนอนเนื่อง และกามราคานุสัย ก็ย่อมนอนเนื่อง ในที่นี้ คือ ในเวทนา ๒ ในกามธาตุ. กามราคานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่ใด ทิฏฐานุสัย ฯลฯ วิจิกิจฉานุสัย ย่อม นอนเนื่องในที่นั้นหรือ? ถูกแล้ว. หรือว่า วิจิกิจฉานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่ใด กามราคานุสัย ย่อมนอนเนื่อง ในที่นั้น? วิจิกิจฉานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่นี้ คือ ในทุกขเวทนา ในรูปธาตุ ในอรูปธาตุ แต่กามราคานุสัย จะนอนเนื่องในที่นั้นก็หาไม่ วิจิกิจฉานุสัย และกามราคานุสัย ย่อมนอนเนื่อง ในที่นี้ คือ ในเวทนา ๒ ในกามธาตุ. กามราคานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่ใด ภวราคานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่นั้นหรือ? หามิได้. หรือว่า ภวราคานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่ใด กามราคานุสัย ย่อมนอนเนื่องใน ที่นั้น? หามิได้. กามราคานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่ใด อวิชชานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่นั้นหรือ? ถูกแล้ว. หรือว่า อวิชชานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่ใด กามราคานุสัย ย่อมนอนเนื่อง ในที่นั้น? อวิชชานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่นี้ คือ ในทุกขเวทนา ในรูปธาตุ ในอรูปธาตุ แต่กามราคานุสัย จะนอนเนื่องอยู่ในที่นั้นก็หาไม่ อวิชชานุสัย และกามราคานุสัย ย่อม นอนเนื่องอยู่ในที่นี้ คือ ในเวทนา ๒ ในกามธาตุ. [๑๒๓๔] ปฏิฆานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่ใด มานานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่นั้น หรือ? หามิได้. หรือว่า มานานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่ใด ปฏิฆานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่นั้น? หามิได้. ปฏิฆานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่ใด ทิฏฐานุสัย ฯลฯ วิจิกิจฉานุสัย ย่อมนอนเนื่อง ในที่นั้นหรือ? ถูกแล้ว. หรือว่า วิจิกิจฉานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่ใด ปฏิฆานุสัย ย่อมนอนเนื่อง ในที่นั้น? วิจิกิจฉานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่นี้ คือในเวทนา ๒ ในกามธาตุ ในรูปธาตุ ในอรูปธาตุ แต่ปฏิฆานุสัย จะนอนเนื่องอยู่ในที่นั้นก็หาไม่ วิจิกิจฉานุสัย และปฏิฆานุสัย ย่อมนอนเนื่อง ในที่นี้ คือ ในทุกขเวทนา. ปฏิฆานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่ใด ภวราคานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่นั้นหรือ? หามิได้. หรือว่า ภวราคานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่ใด ปฏิฆานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่นั้น? หามิได้. ปฏิฆานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่ใด อวิชชานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่นั้นหรือ? ถูกแล้ว. หรือว่า อวิชชานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่ใด ปฏิฆานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่นั้น? อวิชชานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่นี้ คือ ในเวทนา ๒ ในกามธาตุ ในรูปธาตุ ในอรูปธาตุ แต่ปฏิฆานุสัย จะนอนเนื่องอยู่ในที่นั้นก็หาไม่ อวิชชานุสัยและปฏิฆานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่นี้ คือในทุกขเวทนา. [๑๒๓๕] มานานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่ใด ทิฏฐานุสัย ฯลฯ วิจิกิจฉานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่นั้นหรือ? ถูกแล้ว. หรือว่า วิจิกิจฉานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่ใด มานานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่นั้น? วิจิกิจฉานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่นี้ คือ ในทุกขเวทนา แต่มานานุสัยจะนอนเนื่อง ในนั้นก็หาไม่ วิจิกิจฉานุสัย และมานานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่นี้ คือ ในเวทนา ๒ ในกามธาตุ ในรูปธาตุ ในอรูปธาตุ. มานานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่ใด ภวราคานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่นั้นหรือ? มานานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่นี้ คือ ในเวทนา ๒ ในกามธาตุ แต่ภวราคานุสัย จะนอนเนื่องในที่นั้นก็หาไม่ มานานุสัย และภวราคานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่นี้ คือ ในรูปธาตุ ในอรูปธาตุ. หรือว่า ภวราคานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่ใด มานานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่นั้น? ถูกแล้ว. มานานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่ใด อวิชชานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่นั้นหรือ? ถูกแล้ว. หรือว่า อวิชชานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่ใด มานานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่นั้น? อวิชชานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่นี้ คือ ในทุกขเวทนา แต่มานานุสัยจะนอนเนื่อง ในที่นั้นก็หาไม่ อวิชชานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่นี้ คือ ในเวทนา ๒ ในกามธาตุ ในรูปธาตุ ในอรูปธาตุ. [๑๒๓๖] ทิฏฐานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่ใด วิจิกิจฉานุสัย ย่อมนอนเนื่อง ในที่นั้นหรือ? ถูกแล้ว. หรือว่า วิจิกิจฉานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่ใด ทิฏฐานุสัย ย่อมนอนเนื่อง ในที่นั้น? ถูกแล้ว. ทิฏฐานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่ใด ภวราคานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่นั้นหรือ? ทิฏฐานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่นี้ คือ ในเวทนา ๓ ในกามธาตุ แต่ภวราคานุสัย จะนอนเนื่องในที่นั้นก็หาไม่ ทิฏฐานุสัย และภวราคานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่นี้ คือในรูปธาตุ ในอรูปธาตุ. หรือว่า ภวราคานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่ใด ทิฏฐานุสัย ย่อมนอนเนื่อง ในที่นั้น? ถูกแล้ว. ทิฏฐานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่ใด อวิชชานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่นั้นหรือ? ถูกแล้ว. หรือว่า อวิชชานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่ใด ทิฏฐานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่นั้น? ถูกแล้ว. [๑๒๓๗] วิจิกิจฉานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่ใด ภวราคานุสัย ย่อมนอนเนื่อง ในที่นั้นหรือ? วิจิกิจฉานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่นี้ คือ ในเวทนา ๓ ในกามธาตุ แต่ภวราคานุสัย จะนอนเนื่องในที่นั้นก็หาไม่ วิจิกิจฉานุสัย และภวราคานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่นี้ คือ ในรูปธาตุ ในอรูปธาตุ. หรือว่า ภวราคานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่ใด วิจิกิจฉานุสัย ย่อมนอนเนื่อง ในที่นั้น. ถูกแล้ว. วิจิกิจฉานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่ใด อวิชชานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่นั้นหรือ? ถูกแล้ว. หรือว่า อวิชชานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่ใด วิจิกิจฉานุสัย ย่อมนอนเนื่อง ในที่นั้น? ถูกแล้ว. [๑๒๓๘] ภวราคานุสัย ย่อมนอนเนื่องอยู่ในที่ใด อวิชชานุสัย ย่อมนอนเนื่องอยู่ ในที่นั้นหรือ? ถูกแล้ว. หรือว่า อวิชชานุสัย ย่อมนอนเนื่องอยู่ในที่ใด ภวราคานุสัย ย่อมนอนเนื่อง ในที่นั้น? อวิชชานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่นี้ คือ ในเวทนา ๓ ในกามธาตุ แต่ภวราคานุสัย จะนอนเนื่องในที่นั้นก็หาไม่ อวิชชานุสัย และภวราคานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่นี้ คือ ในรูปธาตุ ในอรูปธาตุ. [๑๒๓๙] กามราคานุสัย และปฏิฆานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่ใด มานานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่นั้นหรือ? ไม่มี. หรือว่า มานานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่ใด กามราคานุสัย และปฏิฆานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่นั้น. มานานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่นี้ คือ ในรูปธาตุ ในอรูปธาตุ แต่กามานุสัย และ ปฏิฆานุสัย จะนอนเนื่องในที่นั้นก็หาไม่ มานานุสัย และกามราคานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่นี้ คือ ในเวทนา ๒ ในกามธาตุ แต่ปฏิฆานุสัย จะนอนเนื่องในที่นั้นก็หาไม่ ปฏิฆานุสัย ย่อม นอนเนื่องในที่นี้ คือ ในทุกขเวทนา แต่กามราคานุสัย และมานานุสัย จะนอนเนื่องในที่นั้น ก็หาไม่. กามราคานุสัย และปฏิฆานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่ใด ทิฏฐานุสัย ฯลฯ วิจิกิจฉานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่นั้นหรือ? ไม่มี. หรือว่า วิจิกิจฉานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่ใด กามราคานุสัย และปฏิฆานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่นั้น? วิจิกิจฉานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่นี้ คือ ในรูปธาตุ ในอรูปธาตุ แต่กามราคานุสัย และปฏิฆานุสัย จะนอนเนื่องในที่นั้นก็หาไม่ วิจิกิจฉานุสัย และกามราคานุสัย ย่อมนอนเนื่อง ในที่นี้ คือ ในเวทนา ๒ ในกามธาตุ แต่ปฏิฆานุสัย จะนอนเนื่องในที่นั้นก็หาไม่ วิจิกิจฉานุสัย และปฏิฆานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่นี้ คือ ในทุกขเวทนา แต่กามราคานุสัย จะนอนเนื่องใน ที่นั้นก็หาไม่. กามราคานุสัย และปฏิฆานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่ใด ภวราคานุสัย ย่อมนอน เนื่องในนั้นหรือ? ไม่มี. หรือว่า ภวราคานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่ใด กามราคานุสัย และปฏิฆานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่นั้น? หามิได้. กามราคานุสัย และปฏิฆานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่ใด อวิชชานุสัย ย่อมนอนเนื่อง ในที่นั้นหรือ? ไม่มี. หรือว่า อวิชชานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่ใด กามราคานุสัย และปฏิฆานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่นั้น? อวิชชานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่นี้ คือ ในรูปธาตุ ในอรูปธาตุ แต่กามราคานุสัย และ ปฏิฆานุสัย จะนอนเนื่องในที่นั้นก็หาไม่ อวิชชานุสัย และกามราคานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่นี้ คือ ในทุกขเวทนา ๒ ในกามธาตุ แต่ปฏิฆานุสัย จะนอนเนื่องในที่นั้นก็หาไม่ อวิชชานุสัย และปฏิฆานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่นี้ คือ ในทุกขเวทนา แต่กามราคานุสัย จะนอนเนื่องใน ที่นั้นก็หาไม่. [๑๒๔๐] กามราคานุสัย ปฏิฆานุสัย และมานานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่ใด ทิฏฐานุสัย ฯลฯ วิจิกิจฉานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่นั้นหรือ? ไม่มี. หรือว่า วิจิกิจฉานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่ใด กามราคานุสัย ปฏิฆานุสัย และ มานานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่นั้นหรือ? วิจิกิจฉานุสัย และมานานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่นี้ คือ ในรูปธาตุ ในอรูปธาตุ แต่ กามราคานุสัย และปฏิฆานุสัย จะนอนเนื่องในที่นั้นก็หาไม่ วิจิกิจฉานุสัย กามราคานุสัย และ มานานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่นี้ คือ ในเวทนา ๒ ในกามธาตุ แต่ปฏิฆานุสัย จะนอนเนื่อง ในที่นั้นก็หาไม่ วิจิกิจฉานุสัย และปฏิฆานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่นี้ คือ ในทุกขเวทนา แต่ กามราคานุสัย และมานานุสัย จะนอนเนื่องในที่นั้นก็หาไม่. กามราคานุสัย ปฏิฆานุสัย และมานานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่ใด ภวราคานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่นั้นหรือ? ไม่มี. หรือว่า ภวราคานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่ใด กามราคานุสัย ปฏิฆานุสัย และ มานานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่นั้น? ภวราคานุสัย และมานานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่นี้ คือ ในรูปธาตุ ในอรูปธาตุ แต่ กามราคานุสัย และปฏิฆานุสัย จะนอนเนื่องในที่นั้นก็หาไม่ กามราคานุสัย และมานานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่นี้ คือ ในเวทนา ๒ ในกามธาตุ แต่ภวราคานุสัย และปฏิฆานุสัย จะ นอนเนื่องในที่นั้นก็หาไม่ ปฏิฆานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่นี้ คือ ในทุกขเวทนา แต่ภวราคานุสัย กามราคานุสัย และมานานุสัย จะนอนเนื่องในที่นั้นก็หาไม่. กามราคานุสัย ปฏิฆานุสัย และมานานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่ใด อวิชชานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่นั้นหรือ? ไม่มี. หรือว่า อวิชชานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่ใด กามราคานุสัย ปฏิฆานุสัย และ มานานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่นั้น? อวิชชานุสัย และมานานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่นี้ คือ ในรูปธาตุ ในอรูปธาตุ แต่ กามราคานุสัย และปฏิฆานุสัย จะนอนเนื่องในที่นั้นก็หาไม่ อวิชชานุสัย กามราคานุสัย และ มานานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่นี้ คือ ในเวทนา ๒ ในกามธาตุ แต่ปฏิฆานุสัย จะนอนเนื่อง ในที่นั้นก็หาไม่ อวิชชานุสัย และปฏิฆานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่นี้ คือ ในทุกขเวทนา แต่ กามราคานุสัย จะนอนเนื่องในที่นั้นก็หาไม่. [๑๒๔๑] กามราคานุสัย ปฏิฆานุสัย มานานุสัย และทิฏฐานุสัย ย่อมนอนเนื่อง ในที่ใด วิจิกิจฉานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่นั้นหรือ? ไม่มี. หรือว่า วิจิกิจฉานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่ใด กามราคานุสัย ปฏิฆานุสัย มานานุสัย และทิฏฐานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่นั้น? วิจิกิจฉานุสัย มานานุสัย และทิฏฐานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่นี้ คือ ในรูปธาตุ ใน อรูปธาตุ แต่กามราคานุสัย และปฏิฆานุสัย จะนอนเนื่องในที่นั้นก็หาไม่ วิจิกิจฉานุสัย กามราคานุสัย มานานุสัย และทิฏฐานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่นี้ คือ ในเวทนา ๒ ในกามธาตุ แต่ปฏิฆานุสัย จะนอนเนื่องในที่นั้นก็หาไม่ วิจิกิจฉานุสัย ปฏิฆานุสัย และทิฏฐานุสัย ย่อม นอนเนื่องในที่นี้ คือ ในทุกขเวทนา แต่กามราคานุสัย และมานานุสัย จะนอนเนื่องในที่นั้น ก็หาไม่. กามราคานุสัย ปฏิฆานุสัย มานานุสัย และทิฏฐานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่ใด ภวราคานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่นั้นหรือ? ไม่มี. หรือว่า ภวราคานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่ใด กามราคานุสัย ปฏิฆานุสัย มานานุสัย และทิฏฐานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่นั้น? ภวราคานุสัย มานานุสัย และทิฏฐานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่นี้ คือ ในรูปธาตุ ใน อรูปธาตุ แต่กามราคานุสัย และปฏิฆานุสัย จะนอนเนื่องในที่นั้นก็หาไม่ กามราคานุสัย มานานุสัย และทิฏฐานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่นี้ คือ ในเวทนา ๒ ในกามธาตุ แต่ภวราคานุสัย และปฏิฆานุสัย จะนอนเนื่องในที่นั้นก็หาไม่ ปฏิฆานุสัย และทิฏฐานุสัย ย่อมนอนเนื่องใน ที่นี้ คือ ในทุกขเวทนา แต่ภวราคานุสัย กามราคานุสัย และมานานุสัย จะนอนเนื่องในที่นั้น ก็หาไม่. กามราคานุสัย ปฏิฆานุสัย มานานุสัย และทิฏฐานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่ใด อวิชชานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่นั้นหรือ? ไม่มี. หรือว่า อวิชชานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่ใด กามราคานุสัย ปฏิฆานุสัย มานานุสัย และทิฏฐานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่นั้น? อวิชชานุสัย มานานุสัย และทิฏฐานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่นี้ คือ ในรูปธาตุ ใน อรูปธาตุ แต่กามราคานุสัย และปฏิฆานุสัย จะนอนเนื่องในที่นั้นก็หาไม่ อวิชชานุสัย กามราคานุสัย มานานุสัย และทิฏฐานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่นี้ คือ ในเวทนา ๒ ในกามธาตุ แต่ปฏิฆานุสัย จะนอนเนื่องในที่นั้นก็หาไม่ อวิชชานุสัย ปฏิฆานุสัย และทิฏฐานุสัย ย่อม นอนเนื่องในที่นี้ คือ ในทุกขเวทนา แต่กามราคานุสัย และมานานุสัย จะนอนเนื่องในที่นั้น ก็หาไม่. [๑๒๔๒] กามราคานุสัย ปฏิฆานุสัย มานานุสัย ทิฏฐานุสัย และวิจิกิจฉานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่ใด ภวราคานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่นั้นหรือ? ไม่มี. หรือว่า ภวราคานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่ใด กามราคานุสัย ปฏิฆานุสัย มานานุสัย ทิฏฐานุสัย และวิจิกิจฉานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่นั้น? ภวราคานุสัย มานานุสัย ทิฏฐานุสัย และวิจิกิจฉานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่นี้ คือ ในรูปธาตุ ในอรูปธาตุ แต่กามราคานุสัย และปฏิฆานุสัย จะนอนเนื่องในที่นั้น ก็หาไม่ กามราคานุสัย มานานุสัย ทิฏฐานุสัย และวิจิกิจฉานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่นี้ คือ ในเวทนา ๒ ในกามธาตุ แต่ภวราคานุสัย และปฏิฆานุสัย จะนอนเนื่องในที่นั้นก็หาไม่ ปฏิฆานุสัย ทิฏฐา- *นุสัย และวิจิกิจฉานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่นี้ คือ ในทุกขเวทนา แต่ภวราคานุสัย กามราคานุสัย และมานานุสัย จะนอนเนื่องในที่นั้นก็หาไม่. กามราคานุสัย ปฏิฆานุสัย มานานุสัย ทิฏฐานุสัย และวิจิกิจฉานุสัย ย่อมนอน เนื่องในที่ใด อวิชชานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่นั้นหรือ? ไม่มี. หรือว่า อวิชชานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่ใด กามราคานุสัย ปฏิฆานุสัย มานานุสัย ทิฏฐานุสัย และวิจิกิจฉานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่นั้น? อวิชชานุสัย มานานุสัย ทิฏฐานุสัย และวิจิกิจฉานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่นี้ คือ ในรูปธาตุ ในอรูปธาตุ แต่กามราคานุสัย และปฏิฆานุสัย จะนอนเนื่องในที่นั้นก็หาไม่ อวิชชานุสัย กามราคานุสัย มานานุสัย ทิฏฐานุสัย และวิจิกิจฉานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่นี้ คือ ในเวทนา ๒ ในกามธาตุ แต่ปฏิฆานุสัย จะนอนเนื่องในที่นั้นก็หาไม่ อวิชชานุสัย ปฏิฆานุสัย ทิฏฐานุสัย และวิจิกิจฉานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่นี้ คือ ในทุกขเวทนา แต่ กามราคานุสัย และมานานุสัย จะนอนเนื่องในที่นั้นก็หาไม่. [๑๒๔๓] กามราคานุสัย ปฏิฆานุสัย มานานุสัย ทิฏฐานุสัย วิจิกิจฉานุสัย และ ภวราคานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่ใด อวิชชานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่นั้นหรือ? ไม่มี. หรือว่า อวิชชานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่ใด กามราคานุสัย ปฏิฆานุสัย มานานุสัย ทิฏฐานุสัย วิจิกิจฉานุสัย และภวราคานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่นั้นหรือ? อวิชชานุสัย มานานุสัย ทิฏฐานุสัย วิจิกิจฉานุสัย และภวราคานุสัย ย่อมนอนเนื่อง ในที่นี้ คือ ในรูปธาตุ ในอรูปธาตุ แต่กามราคานุสัย และปฏิฆานุสัย จะนอนเนื่องในที่นั้น ก็หาไม่ อวิชชานุสัย กามราคานุสัย มานานุสัย ทิฏฐานุสัย และวิจิกิจฉานุสัย ย่อมนอนเนื่อง ในที่นี้ คือ ในเวทนา ๒ ในกามธาตุ แต่ปฏิฆานุสัย และภวราคานุสัย จะนอนเนื่องในที่นั้น ก็หาไม่ อวิชชานุสัย ปฏิฆานุสัย ทิฏฐานุสัย และวิจิกิจฉานุสัย ย่อมนอนเนื่องในที่นี้ คือ ในทุกขเวทนา แต่กามราคานุสัย มานานุสัย และภวราคานุสัย จะนอนเนื่องในที่นั้นก็หาไม่. [๑๒๔๔] กามราคานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคลใด ในที่ใด ปฏิฆานุสัย ย่อม นอนเนื่องแก่บุคคลนั้น ในที่นั้นหรือ? หรือว่า ปฏิฆานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคลใด ในที่ใด กามราคานุสัย ย่อมนอน เนื่องแก่บุคคลนั้นในที่นั้น? หามิได้. กามราคานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคลใด ในที่ใด มานานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่ บุคคลนั้น ในที่นั้นหรือ? ถูกแล้ว. หรือว่า มานานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคลใด ในที่ใด กามราคานุสัย ย่อมนอน เนื่องแก่บุคคลนั้นในที่นั้น? มานานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคลนั้น ในที่นั้น คือ แก่ผู้เป็นพระอนาคามี ใน เวทนา ๒ ในกามธาตุ ในรูปธาตุ ในอรูปธาตุ แต่กามราคานุสัย จะนอนเนื่องแก่บุคคลนั้น ในที่นั้น ก็หาไม่ มานานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคลเหล่านั้น ในที่นั้น คือ บุคคล ๓ จำพวก ในรูปธาตุ ในอรูปธาตุ แต่กามราคานุสัย จะนอนเนื่องแก่บุคคลเหล่านั้น ในที่นั้นก็หาไม่ มานานุสัย และกามราคานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคลเหล่านั้น ในที่นั้น คือ บุคคล ๒ จำพวก นั่นแหละ ในเวทนา ๒ ในกามธาตุ. กามราคานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคลใด ในที่ใด ทิฏฐานุสัย ฯลฯ วิจิกิจฉานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคลนั้น ในที่นั้นหรือ? กามราคานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคลเหล่านั้น ในที่นั้น คือ แก่บุคคล ๒ จำพวก ในเวทนา ๒ ในกามธาตุ แต่วิจิกิจฉานุสัย จะนอนเนื่องแก่บุคคลเหล่านั้น ในที่นั้นก็หาไม่ กามราคานุสัย และวิจิกิจฉานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคลนั้น ในที่นั้น คือ แก่บุคคลผู้เป็นปุถุชน ในเวทนา ๒ ในกามธาตุ. หรือว่า วิจิกิจฉานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคลใด ในที่ใด กามราคานุสัย ย่อม นอนเนื่องแก่บุคคลนั้น ในนั้นที่นั้น? วิจิกิจฉานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคลนั้น ในที่นั้น คือ แก่บุคคลผู้เป็นปุถุชน ใน ทุกขเวทนา ในรูปธาตุ ในอรูปธาตุ แต่กามราคานุสัย จะนอนเนื่องแก่บุคคลนั้น ในที่นั้น ก็หาไม่ วิจิกิจฉานุสัย และกามราคานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคลนั้น ในที่นั้น คือ แก่บุคคล ผู้เป็นปุถุชนนั่นแหละ ในเวทนา ๒ ในกามธาตุ. กามราคานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคลใด ในที่ใด ภวราคานุสัย ย่อมนอนเนื่อง แก่บุคคลนั้น ในที่นั้นหรือ? หามิได้. หรือว่า ภวราคานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคลใด ในที่ใด กามราคานุสัย ย่อม นอนเนื่องแก่บุคคลนั้น ในที่นั้น? หามิได้. กามราคานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคลใด ในที่ใด อวิชชานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่ บุคคลนั้น ในที่นั้นหรือ? ถูกแล้ว. หรือว่า อวิชชานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคลใด ในที่ใด กามราคานุสัย ย่อม นอนเนื่องแก่บุคคลนั้น ในที่นั้น? อวิชชานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคลนั้น ในที่นั้น คือ แก่ผู้เป็นพระอนาคามี ใน เวทนา ๒ ในกามธาตุ ในรูปธาตุ ในอรูปธาตุ แต่กามราคานุสัย จะนอนเนื่องแก่บุคคลนั้น ในที่นั้นก็หาไม่ อวิชชานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคลเหล่านั้น ในที่นั้น คือบุคคล ๓ จำพวก ในทุกขเวทนา ในรูปธาตุ ในอรูปธาตุ แต่กามราคานุสัย จะนอนเนื่องแก่บุคคลเหล่านั้น ในที่นั้นก็หาไม่ อวิชชานุสัย และกามราคานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคลเหล่านั้น ในที่นั้น คือ แก่บุคคล ๓ จำพวกนั่นแหละ ในเวทนา ๒ ในกามธาตุ. [๑๒๔๕] ปฏิฆานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคลใด ในที่ใด มานานุสัย ย่อมนอน เนื่องแก่บุคคลนั้นในที่นั้น หรือ? หามิได้. หรือว่า มานานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคลใด ในที่ใด ปฏิฆานุสัย ย่อมนอนเนื่อง แก่บุคคลนั้นในที่นั้น? หามิได้. ปฏิฆานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคลใด ในที่ใด ทิฏฐานุสัย ฯลฯ วิจิกิจฉานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคลนั้น ในที่นั้นหรือ? ปฏิฆานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคลเหล่านั้น ในที่นั้น คือบุคคล ๒ จำพวก ใน ทุกขเวทนา แต่วิจิกิจฉานุสัย จะนอนเนื่องแก่บุคคลเหล่านั้น ในที่นั้นก็หาไม่ ปฏิฆานุสัย และ วิจิกิจฉานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคลนั้น ในที่นั้น คือ แก่ปุถุชน ในทุกขเวทนา. หรือว่า วิจิกิจฉานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคลใด ในที่ใด ปฏิฆานุสัย ย่อมนอน เนื่องแก่บุคคลนั้น ในที่นั้น? วิจิกิจฉานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคลนั้น ในที่นั้น คือ แก่ปุถุชน ในเวทนา ๒ ในกามธาตุ ในรูปธาตุ ในอรูปธาตุ แต่ปฏิฆานุสัย จะนอนเนื่องแก่บุคคลนั้น ในที่นั้นก็หาไม่ วิจิกิจฉานุสัย ย่อมนอนเนื่อง และปฏิฆานุสัยก็ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคลนั้น ในที่นั้น คือ แก่บุคคลนั้นนั่นแหละ ในทุกขเวทนา. ปฏิฆานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคลใด ในที่ใด ภวราคานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่ บุคคลนั้น ในที่นั้นหรือ? หามิได้. หรือว่า ภวราคานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคลใด ในที่ใด ปฏิฆานุสัย ย่อมนอน เนื่องแก่บุคคลนั้น ในที่นั้น? หามิได้. ปฏิฆานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคลใด ในที่ใด อวิชชานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่ บุคคลนั้น ในที่นั้นหรือ? ถูกแล้ว. หรือว่า อวิชชานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคลใด ในที่ใด ปฏิฆานุสัย ย่อมนอน เนื่องแก่บุคคลนั้น ในที่นั้น? อวิชชานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคลนั้น ในที่นั้น คือ แก่พระอนาคามี ในเวทนา ๓ ในกามธาตุ ในรูปธาตุ ในอรูปธาตุ แต่ปฏิฆานุสัยจะนอนเนื่องแก่บุคคลนั้น ในที่นั้นก็หาไม่ อวิชชานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคลเหล่านั้น ในที่นั้น คือบุคคล ๓ จำพวก ในเวทนา ๒ ใน กามธาตุ ในรูปธาตุ ในอรูปธาตุ แต่ปฏิฆานุสัย จะนอนเนื่องแก่บุคคลเหล่านั้น ในที่นั้นก็ หาไม่ อวิชชานุสัย และปฏิฆานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคลเหล่านั้น ในที่นั้น คือแก่บุคคล ๓ จำพวกเหล่านั้นนั่นแหละ ในทุกขเวทนา. [๑๒๔๖] มานานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคลใด ในที่ใด ทิฏฐานุสัย ฯลฯ วิจิกิจฉานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคลนั้น ในที่นั้นหรือ? มานานุสัยย่อมนอนเนื่องแก่บุคคลเหล่านั้น ในที่นั้น คือ บุคคล ๓ จำพวก ในเวทนา ๒ ในกามธาตุ ในรูปธาตุ ในอรูปธาตุ แต่วิจิกิจฉานุสัยจะนอนเนื่องแก่บุคคลเหล่านั้น ในที่นั้น ก็หาไม่ มานานุสัยและวิจิกิจฉานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคลเหล่านั้น ในที่นั้น คือ แก่ปุถุชน ในกามธาตุ ในรูปธาตุ ในอรูปธาตุ ในเวทนา ๒. หรือว่า วิจิกิจฉานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคลใด ในที่ใด มานานุสัย ย่อมนอน เนื่องแก่บุคคลนั้น ในที่นั้น? วิจิกิจฉานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคลนั้น ในที่นั้น คือ แก่ปุถุชน ในทุกขเวทนา แต่มานานุสัยจะนอนเนื่องแก่บุคคลนั้น ในที่นั้นก็หาไม่ วิจิกิจฉานุสัย และมานานุสัยย่อมนอน เนื่องแก่บุคคลนั้น ในที่นั้น คือแก่บุคคลนั้นนั่นแหละ ในเวทนา ๒ ในกามธาตุ ในรูปธาตุ ในอรูปธาตุ. มานานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคลใด ในที่ใด ภวราคานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่ บุคคลนั้น ในที่นั้นหรือ? มานานุสัยย่อมนอนเนื่องแก่บุคคลเหล่านั้น ในที่นั้น คือ แก่บุคคล ๔ จำพวก ใน เวทนา ๒ ในกามธาตุ แต่ภวราคานุสัย จะนอนเนื่องแก่บุคคลเหล่านั้น ในที่นั้นก็หาไม่ มานานุสัย และภวราคานุสัยย่อมนอนเนื่องแก่บุคคลเหล่านั้น ในที่นั้น คือ แก่บุคคลเหล่านั้น นั่นแหละ ในรูปธาตุ ในอรูปธาตุ. หรือว่า ภวราคานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคลใด ในที่ใด มานานุสัย ย่อมนอน เนื่องแก่บุคคลนั้น ในที่นั้น? ถูกแล้ว. มานานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคลใด ในที่ใด อวิชชานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่ แก่บุคคลนั้น ในที่นั้นหรือ? ถูกแล้ว. หรือว่า อวิชชานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคลใด ในที่ใด มานานุสัย ย่อมนอน เนื่องแก่บุคคลนั้น ในที่นั้น? อวิชชานุสัยย่อมนอนเนื่องแก่บุคคลเหล่านั้น ในที่นั้น คือ แก่บุคคล ๔ จำพวก ใน ทุกขเวทนา แต่มานานุสัย จะนอนเนื่องแต่บุคคลเหล่านั้น ในที่นั้นก็หาไม่ อวิชชานุสัย และ มานานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคลเหล่านั้น ในที่นั้น คือ แก่บุคคลเหล่านั้นนั่นแหละ ใน เวทนา ๒ ในกามธาตุ ในรูปธาตุ ในอรูปธาตุ. [๑๒๔๗] ทิฏฐานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคลใด ในที่ใด วิจิกิจฉานุสัย ย่อม นอนเนื่องแก่บุคคลนั้น ในที่นั้นหรือ? ถูกแล้ว. หรือว่า วิจิกิจฉานุสัย ย่อมนอนเนื่องแก่บุคคลใด ในที่ใด ทิฏฐานุสัย ย่อม นอนเนื่องแก่บุคคลนั้น ในที่นั้น? ถูกแล้ว ฯลฯ.เนื้อความพระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๘ บรรทัดที่ ๑๐๕๐๕-๑๑๔๑๖ หน้าที่ ๔๑๙-๔๕๔. https://84000.org/tipitaka/read/v.php?B=38&A=10505&Z=11416&pagebreak=0 https://84000.org/tipitaka/read/byitem.php?book=38&item=1182&items=66 อ่านโดยใช้เครื่องหมาย [เลขข้อ] เป็น เกณฑ์แบ่งข้อ :- https://84000.org/tipitaka/read/byitem.php?book=38&item=1182&items=66&mode=bracket อ่านเทียบพระไตรปิฎกภาษาบาลีอักษรไทย :- https://84000.org/tipitaka/pali/pali_item.php?book=38&item=1182&items=66 อ่านเทียบพระไตรปิฎกภาษาบาลีอักษรโรมัน :- https://84000.org/tipitaka/read/roman_item.php?book=38&item=1182&items=66 ศึกษาอรรถกถานี้ที่ :- https://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=38&i=1182 สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๘ https://84000.org/tipitaka/read/?index_38 https://84000.org/tipitaka/english/?index_38
บันทึก ๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๖. บันทึกล่าสุด ๓๐ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๙. การแสดงผลนี้อ้างอิงข้อมูลจากพระไตรปิฎก ฉบับหลวง. หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]