ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
                      พระองค์นั้น
บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ
     ฉบับภาษาไทย   บาลีอักษรไทย   บาลีอักษรโรมัน 
อ่านหัวข้อแรกอ่านหัวข้อที่แล้วแสดงหมายเลขหน้า
ในกรณี :- 
   บรรทัดแรกของแต่ละหน้าอ่านหัวข้อถัดไปอ่านหัวข้อสุดท้าย
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๘ พระวินัยปิฎกเล่มที่ ๘ ปริวาร
             [๖๑๒] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์
นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุณีผู้ยังสามเณรีผู้เป็นเด็กหญิงมีอายุหย่อน ๒๐ ปี ให้บวช
ณ ที่ไหน?
             ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
             ถ. ทรงปรารภใคร?
             ต. ทรงปรารภภิกษุณีหลายรูป.
             ถ. เพราะเรื่องอะไร?
             ต. เพราะเรื่องที่ภิกษุณีหลายรูป ยังสามเณรีผู้เป็นเด็กหญิงมีอายุหย่อน ๒๐ ปีให้บวช.
             มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓.
             [๖๑๓] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์
นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุณีผู้ยังสามเณรีผู้เป็นเด็กหญิงมีอายุ ๒๐ ปีบริบูรณ์แล้ว แต่ยัง
ไม่ได้ศึกษาสิกขาในธรรม ๖ ประการ ตลอด ๒ กาลฝน ให้บวช ณ ที่ไหน?
             ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
             ถ. ทรงปรารภใคร?
             ต. ทรงปรารภภิกษุณีหลายรูป.
             ถ. เพราะเรื่องอะไร?
             ต. เพราะเรื่องที่ภิกษุณีหลายรูป ยังสามเณรีผู้เป็นเด็กหญิงมีอายุ ๒๐ ปีบริบูรณ์แล้ว
แต่ยังไม่ได้ศึกษาสิกขาในธรรม ๖ ประการ ตลอด ๒ กาลฝน ให้บวช.
             มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓.
             [๖๑๔] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์
นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุณีผู้ยังสามเณรีผู้เป็นเด็กหญิงมีอายุ ๒๐ ปีบริบูรณ์ ได้ศึกษา
สิกขาในธรรม ๖ ประการ ตลอด ๒ กาลฝนแล้ว แต่สงฆ์ยังมิได้สมมติ ให้บวช ณ ที่ไหน?
             ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
             ถ. ทรงปรารภใคร?
             ต. ทรงปรารภภิกษุณีหลายรูป.
             ถ. เพราะเรื่องอะไร?
             ต. เพราะเรื่องที่ภิกษุณีหลายรูป ยังสามเณรีผู้เป็นเด็กหญิงมีอายุ ๒๐ ปีบริบูรณ์ ได้
ศึกษาสิกขาในธรรม ๖ ประการ ตลอด ๒ กาลฝนแล้ว แต่สงฆ์ยังมิได้สมมติให้บวช.
             มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓.
             [๖๑๕] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
พระองค์นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุณีผู้มีพรรษาหย่อน ๑๒ ให้บวช ณ ที่ไหน?
             ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
             ถ. ทรงปรารภใคร?
             ต. ทรงปรารภภิกษุณีหลายรูป.
             ถ. เพราะเรื่องอะไร?
             ต. เพราะเรื่องที่ภิกษุณีหลายรูป มีพรรษาหย่อน ๑๒ ให้บวช.
             มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓.
             [๖๑๖] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์
นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุณีผู้มีพรรษาครบ ๑๒ แล้ว แต่สงฆ์ยังไม่ได้สมมติ ให้บวช
ณ ที่ไหน?
             ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
             ถ. ทรงปรารภใคร?
             ต. ทรงปรารภภิกษุณีหลายรูป.
             ถ. เพราะเรื่องอะไร?
             ต. เพราะเรื่องที่ภิกษุณีหลายรูปมีพรรษาครบ ๑๒ แล้ว แต่สงฆ์ยังไม่ได้สมมติให้บวช.
             มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓.
             [๖๑๗] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์
นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุณีอันภิกษุณีสงฆ์กล่าวอยู่ว่า ดูกรแม่เจ้า ท่านยังไม่ควรให้บวช
ก่อน รับคำว่า ชอบแล้ว ภายหลังถึงธรรมคือบ่นว่า ณ ที่ไหน?
             ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
             ถ. ทรงปรารภใคร?
             ต. ทรงปรารภภิกษุณีจัณฑกาลี.
             ถ. เพราะเรื่องอะไร?
             ต. เพราะเรื่องที่ภิกษุณีจัณฑกาลี อันภิกษุณีสงฆ์กล่าวอยู่ว่า ดูกรแม่เจ้า ท่านยังไม่
ควรให้บวชก่อน รับคำว่า ชอบแล้ว ภายหลังถึงธรรมคือบ่นว่า.
             มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓
             [๖๑๘] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์
นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุณีผู้กล่าวกะสิกขมานาว่า ดูกรแม่เจ้า ถ้าท่านจักให้จีวรแก่เรา
เราจักยังท่านให้อุปสมบทตามปรารถนา ภิกษุณีนั้นไม่มีอันตราย ภายหลังไม่ให้อุปสมบท ไม่ทำ
การขวนขวายเพื่อให้อุปสมบท ณ ที่ไหน?
             ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
             ถ. ทรงปรารภใคร?
             ต. ทรงปรารภภิกษุณีถุลลนันทา.
             ถ. เพราะเรื่องอะไร?
             ต. เพราะเรื่องที่ภิกษุณีถุลลนันทากล่าวกะสิกขมานาว่า ดูกรแม่เจ้า ถ้าท่านจักให้จีวร
แก่เรา เราจักยังท่านให้อุปสมบทตามปรารถนา แล้วไม่ให้อุปสมบท ไม่ทำการขวนขวายเพื่อให้
อุปสมบท.
             มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐานอันหนึ่ง
(เหมือนธุรนิกเขปสิกขาบท).
             [๖๑๙] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์
นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุณีผู้กล่าวกะสิกขมานาว่า ดูกรแม่เจ้า ถ้าท่านจักติดตามเราไป
ตลอด ๒ ปี เราจักยังท่านให้อุปสมบทตามปรารถนา แล้วไม่ให้อุปสมบท ไม่ทำการขวนขวาย
เพื่อให้อุปสมบท ณ ที่ไหน?
             ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
             ถ. ทรงปรารภใคร?
             ต. ทรงปรารภภิกษุณีถุลลนันทา.
             ถ. เพราะเรื่องอะไร?
             ต. เพราะเรื่องที่ภิกษุณีถุลลนันทากล่าวกะสิกขมานาว่า ดูกรแม่เจ้า ถ้าท่านจักติดตาม
เราไปตลอด ๒ ปี เราจักยังท่านให้อุปสมบทตามปรารถนา แล้วไม่ให้อุปสมบท ไม่ทำการ
ขวนขวายเพื่อให้อุปสมบท.
             มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐานอันหนึ่ง
(เหมือนธุรนิกเขปสิกขาบท).
             [๖๒๐] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์
นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุณีผู้ยังสิกขมานาผู้เกี่ยวข้องด้วยบุรุษ ผู้คลุกคลีกับเด็กหนุ่ม
ผู้ดุร้าย ผู้ยังชายให้ระทมโศก ให้บวช ณ ที่ไหน?
             ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
             ถ. ทรงปรารภใคร?
             ต. ทรงปรารภภิกษุณีถุลลนันทา.
             ถ. เพราะเรื่องอะไร?
             ต. เพราะเรื่องที่ภิกษุณีถุลลนันทา ยังสิกขมานาผู้เกี่ยวข้องด้วยบุรุษ ผู้คลุกคลีกับเด็ก
หนุ่ม ผู้ดุร้าย ผู้ยังชายให้ระทมโศก ให้บวช.
             มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓.
             [๖๒๑] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์
นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุณีผู้ยังสิกขมานาอันมารดาบิดาหรือสามียังไม่อนุญาต ให้บวช
ณ ที่ไหน?
             ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
             ถ. ทรงปรารภใคร?
             ต. ทรงปรารภภิกษุณีถุลลนันทา.
             ถ. เพราะเรื่องอะไร?
             ต. เพราะเรื่องที่ภิกษุณีถุลลนันทา ยังสิกขมานาอันมารดาบิดาหรือสามียังไม่อนุญาต
ให้บวช.
             มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐาน ๔ คือ
บางทีเกิดแต่วาจา ไม่ใช่กาย ไม่ใช่จิต ๑ บางทีเกิดแต่กายกับวาจา ไม่ใช่จิต ๑ บางทีเกิดแต่
วาจากับจิต ไม่ใช่กาย ๑ บางทีเกิดแต่กายกับวาจา และจิต ๑.
             [๖๒๒] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์
นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุณีผู้ยังสิกขมานาให้บวชด้วยให้ฉันทะค้างคราว ณ ที่ไหน?
             ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครราชคฤห์.
             ถ. ทรงปรารภใคร?
             ต. ทรงปรารภภิกษุณีถุลลนันทา.
             ถ. เพราะเรื่องอะไร?
             ต. เพราะเรื่องที่ภิกษุณีถุลลนันทายังสิกขมานาให้บวช ด้วยให้ฉันทะค้างคราว.
             มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓.
             [๖๒๓] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์
นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุณีผู้ยังสิกขมานาให้บวชทุกกาลฝน ณ ที่ไหน?
             ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
             ถ. ทรงปรารภใคร?
             ต. ทรงปรารภภิกษุณีหลายรูป.
             ถ. เพราะเรื่องอะไร?
             ต. เพราะเรื่องที่ภิกษุณีหลายรูป ยังสิกขมานาให้บวชทุกกาลฝน.
             มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓.
             [๖๒๔] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์
นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุณีผู้ยังสิกขมานาให้บวชปีละ ๒ รูป ณ ที่ไหน?
             ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
             ถ. ทรงปรารภใคร?
             ต. ทรงปรารภภิกษุณีหลายรูป.
             ถ. เพราะเรื่องอะไร?
             ต. เพราะเรื่องที่ภิกษุณีหลายรูปยังสิกขมานาให้บวชปีละ ๒ รูป.
             มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓.
กุมารีภูตวรรคที่ ๘ จบ
-----------------------------------------------------
คำถามและคำตอบในฉัตตุปาหนวรรคที่ ๙

             เนื้อความพระไตรปิฎกเล่มที่ ๘ บรรทัดที่ ๔๗๐๗-๔๘๓๗ หน้าที่ ๑๗๘-๑๘๓. https://84000.org/tipitaka/read/v.php?B=8&A=4707&Z=4837&pagebreak=0 https://84000.org/tipitaka/read/byitem.php?book=8&item=612&items=13&mode=bracket              อ่านโดยใช้เนื้อความเป็น เกณฑ์แบ่งข้อ :- https://84000.org/tipitaka/read/byitem.php?book=8&item=612&items=13              อ่านเทียบพระไตรปิฎกภาษาบาลีอักษรไทย :- https://84000.org/tipitaka/pali/pali_item.php?book=8&item=612&items=13&mode=bracket              อ่านเทียบพระไตรปิฎกภาษาบาลีอักษรโรมัน :- https://84000.org/tipitaka/read/roman_item.php?book=8&item=612&items=13&mode=bracket              ศึกษาอรรถกถานี้ที่ :- https://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=8&i=612              สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่ ๘ https://84000.org/tipitaka/read/?index_8 https://84000.org/tipitaka/english/?index_8

อ่านหัวข้อแรกอ่านหัวข้อที่แล้วแสดงหมายเลขหน้า
ในกรณี :- 
   บรรทัดแรกของแต่ละหน้าอ่านหัวข้อถัดไปอ่านหัวข้อสุดท้าย

บันทึก ๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๖. บันทึกล่าสุด ๓๐ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๙. การแสดงผลนี้อ้างอิงข้อมูลจากพระไตรปิฎก ฉบับหลวง. หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]