ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
                      พระองค์นั้น
บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ
     ฉบับหลวง   ฉบับมหาจุฬาฯ   บาลีอักษรไทย   PaliRoman 
อ่านหน้า[ต่าง] แรกอ่านหน้า[ต่าง] ที่แล้วแสดงหมายเลขหน้า
ในกรณี :- 
   บรรทัดแรกชองแต่ละหน้าอ่านหน้า[ต่าง] ถัดไปอ่านหน้า[ต่าง] สุดท้าย
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๘ พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๘ ปริวาร
หมวด ๗
ว่าด้วยอาบัติเป็นต้น
[๙๙๒] อาบัติมี ๗. กองอาบัติมี ๗. วินีตวัตถุมี ๗. สามีจิกรรมมี ๗. ทำตาม ปฏิญญาไม่ชอบธรรมมี ๗. ทำตามปฏิญญาชอบธรรมมี ๗. กิจ ๗ อย่างภิกษุไปด้วยสัตตาหกรณียะ ไม่ต้องอาบัติ. ทรงวินัยมีอานิสงส์ ๗. สิกขาบทว่าด้วยอย่างยิ่งมี ๗. เพราะอรุณขึ้นเป็นนิสสัคคิย์ มี ๗. สมถะมี ๗. กรรมมี ๗. ข้าวเปลือกดิบมี ๗. สร้างกุฎีด้านกว้างร่วมใน ๗ คืบ. คณะ โภชน์ อนุบัญญัติมี ๗. ภิกษุรับประเคนเภสัชแล้วเก็บไว้ฉันได้ ๗ วันเป็นอย่างยิ่ง. ภิกษุถือเอา จีวรที่ทำเสร็จแล้วหลีกไป. เก็บจีวรที่ทำเสร็จแล้วหลีกไป. ภิกษุไม่เห็นอาบัติ. ภิกษุเห็นอาบัติ ภิกษุทำคืนอาบัติ. งดปาติโมกข์ไม่เป็นธรรมมี ๗. งดปาติโมกข์เป็นธรรมมี ๗.
ว่าด้วยองค์ของพระวินัยธร
[๙๙๓] ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๗ เป็นพระวินัยธรได้ คือรู้อาบัติ ๑ รู้สิ่งมิใช่อาบัติ ๑ รู้อาบัติเบา ๑ รู้อาบัติหนัก ๑ เป็นผู้มีศีล สำรวมในปาติโมกข์สังวร ถึงพร้อมด้วยมรรยาทและ โคจรอยู่ เห็นภัยในโทษเพียงเล็กน้อย สมาทานศึกษาอยู่ในสิกขาบททั้งหลาย ๑ สำหรับฌาน ๔ ฝ่ายกุศลเจตสิก เป็นเครื่องอยู่สบายในปัจจุบัน เธอเป็นผู้ได้ตามความปรารถนา ได้ไม่ยาก ได้ ไม่ลำบาก ๑ ทำให้แจ้งซึ่งเจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติ ไม่มีอาสวะเพราะสิ้นอาสวะ ด้วยปัญญา อันยิ่ง ด้วยตนเองในปัจจุบันนี้แหละเข้าถึงอยู่ ๑. ภิกษุประกอบด้วยองค์แม้อื่นอีก ๗ เป็นพระวินัยธรได้ คือรู้อาบัติ ๑ รู้สิ่งมิใช่อาบัติ ๑ รู้อาบัติเบา ๑ รู้อาบัติหนัก ๑ เป็นผู้มีสุตะมาก ทรงจำสุตะ สั่งสมสุตะ ธรรมเหล่านั้นใด ไพเราะในเบื้องต้น ไพเราะในท่ามกลาง ไพเราะในที่สุด ประกาศพรหมจรรย์พร้อมทั้งอรรถ พร้อมทั้งพยัญชนะบริสุทธิ์สิ้นเชิง ธรรมเห็นปานนั้น เธอสดับมาก ทรงไว้ สั่งสมด้วยวาจาเพ่ง ด้วยใจ แทงตลอดด้วยดีด้วยทิฏฐิ ๑ สำหรับฌาน ๔ ฝ่ายกุศลเจตสิกเป็นเครื่องอยู่สบายในปัจจุบัน เธอเป็นผู้ได้ตามความปรารถนาได้ไม่ยาก ได้ไม่ลำบาก ๑ ทำให้แจ้งซึ่งเจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติ ไม่มีอาสวะเพราะสิ้นอาสวะ ด้วยปัญญาอันยิ่งด้วยตนเอง ในปัจจุบันนี้แหละ เข้าถึงอยู่ ๑. ภิกษุประกอบด้วยองค์แม้อื่นอีก ๗ เป็นพระวินัยธรได้ คือ รู้อาบัติ ๑ รู้สิ่งมิใช่ อาบัติ ๑ รู้อาบัติเบา ๑ รู้อาบัติหนัก ๑ จำปาติโมกข์ทั้งสองได้โดยพิสดาร จำแนกดี สวด คล่องแคล่ว วินิจฉัยถูกต้อง โดยสูตร โดยอนุพยัญชนะ ๑ สำหรับฌาน ๔ ฝ่ายกุศลเจตสิก เป็นเครื่องอยู่สบายในปัจจุบัน เธอเป็นผู้ได้ตามความปรารถ ได้ไม่ยาก ได้ไม่ลำบาก ๑ ทำให้ แจ้งซึ่งเจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติ ไม่มีอาสวะเพราะสิ้นอาสวะ ด้วยปัญญาอันยิ่งด้วยตนเอง ใน ปัจจุบันนี้แหละเข้าถึงอยู่ ๑. ภิกษุประกอบด้วยองค์แม้อื่นอีก ๗ เป็นพระวินัยธรได้ คือ รู้อาบัติ ๑ รู้สิ่งมิใช่ อาบัติ ๑ รู้อาบัติเบา ๑ รู้อาบัติหนัก ๑ ระลึกชาติก่อนได้เป็นอันมาก คือ ระลึกได้หนึ่งชาติบ้าง สองชาติบ้าง สามชาติบ้าง สี่ชาติบ้าง ห้าชาติบ้าง หกชาติบ้าง เจ็ดชาติบ้าง แปดชาติบ้าง เก้าชาติบ้าง สิบชาติบ้าง ยี่สิบชาติบ้าง สามสิบชาติบ้าง สี่สิบชาติบ้าง ห้าสิบชาติบ้าง ร้อย- *ชาติบ้าง พันชาติบ้าง แสนชาติบ้าง ตลอดสังวัฏฏกัปเป็นอันมากบ้าง ตลอดวิวัฏฏกัปเป็นอัน มากบ้าง ตลอดสังวัฏฏวิวัฏฏกัปเป็นอันมากบ้าง ว่าในภพโน้น เรามีชื่ออย่างนั้น มีโคตรอย่างนั้น มีผิวอย่างนั้น มีอาหารอย่างนั้น เสวยสุขทุกข์อย่างนั้น มีกำหนดอายุเท่านั้น ครั้นจุติจากภพนั้น แล้วได้ไปเกิดในภพโน้น แม้ในภพนั้นเราก็มีชื่ออย่างนั้น มีโคตรอย่างนั้น มีผิวพรรณอย่างนั้น มีอาหารอย่างนั้น เสวยสุขทุกข์อย่างนั้น มีกำหนดอายุเพียงเท่านั้น ครั้นจุติจากภพนั้นแล้ว ได้ มาเกิดในภพนี้ ย่อมระลึกถึงชาติก่อนได้เป็นอันมาก พร้อมทั้งอาการ พร้อมทั้งอุเทศ ด้วย ประการฉะนี้ ย่อมเล็งเห็นหมู่สัตว์ผู้กำลังจุติ กำลังอุบัติ เลว ประณีต มีผิวพรรณดี มีผิวพรรณ ทราม ได้ดี ตกยาก ด้วยทิพยจักษุอันบริสุทธิ์ล่วงจักษุของมนุษย์ ย่อมรู้ชัดซึ่งหมู่สัตว์ผู้เป็นไป ตามกรรมว่า สัตว์เหล่านี้ประกอบด้วยกายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริต ติเตียนพระอริยเจ้าเป็น มิจฉาทิฏฐิ ยึดถือการกระทำด้วยอำนาจมิจฉาทิฏฐิ สัตว์เหล่านั้นเมื่อตายไป ย่อมเข้าถึงอบาย ทุคคติ วินิบาต นรก ส่วนสัตว์เหล่านี้ประกอบด้วยกายสุจริต วจีสุจริต มโนสุจริต ไม่ติเตียน พระอริยเจ้า เป็นสัมมาทิฏฐิยึดถือการกระทำด้วยอำนาจสัมมาทิฏฐิ สัตว์เหล่านั้นเมื่อตายไป ย่อม เข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ ย่อมเล็งเห็นหมู่สัตว์ผู้กำลังจุติ กำลังอุบัติเลวประณีตมีผิวพรรณดี มีผิว พรรณทราม ได้ดี ตกยาก ด้วยทิพยจักษุอันบริสุทธิ์ล่วงจักษุของมนุษย์ ย่อมรู้ชัดซึ่งหมู่สัตว์ผู้ เป็นไปตามกรรม ด้วยประการฉะนี้ ๑ ทำให้แจ้งซึ่งเจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติ ไม่มีอาสวะ เพราะ สิ้นอาสวะด้วยปัญญาอันยิ่งด้วยตนเอง ในปัจจุบันนี้แหละ เข้าถึงอยู่ ๑. พระวินัยธรประกอบด้วยองค์ ๗ ย่อมงาม คือ รู้อาบัติ ๑ รู้สิ่งมิใช่อาบัติ ๑ รู้อาบัติ เบา ๑ รู้อาบัติหนัก ๑ เป็นผู้มีศีล ... สมาทานศึกษาอยู่ในสิกขาบททั้งหลาย ๑ สำหรับฌาน ๔ ฝ่ายกุศลเจตสิก เป็นเครื่องอยู่สบายในปัจจุบัน เธอเป็นผู้ได้ตามความปรารถนา ได้ไม่ยาก ได้ ไม่ลำบาก ๑ ทำให้แจ้งซึ่งเจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติ ไม่มีอาสวะ เพราะสิ้นอาสวะ ด้วยปัญญาอัน ยิ่งด้วยตนเอง ในปัจจุบันนี้แหละ เข้าถึงอยู่ ๑. พระวินัยธรประกอบด้วยองค์แม้อื่นอีก ๗ ย่อมงาม คือรู้อาบัติ ๑ รู้สิ่งมิใช่อาบัติ ๑ รู้อาบัติเบา ๑ รู้อาบัติหนัก ๑ เป็นผู้มีสุตะมาก ... แทงตลอดด้วยดีด้วยทิฏฐิ ๑ สำหรับฌาน ๔ ฝ่ายกุศลเจตสิก เป็นเครื่องอยู่สบายในปัจจุบัน เธอเป็นผู้ได้ตามความปรารถนา ได้ไม่ยาก ได้ ไม่ลำบาก ๑ ทำให้แจ้งซึ่งเจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติ ไม่มีอาสวะ เพราะสิ้นอาสวะ ด้วยปัญญา อันยิ่งด้วยตนเองในปัจจุบันนี้แหละเข้าถึงอยู่ ๑. พระวินัยธรประกอบด้วยองค์แม้อื่นอีก ๗ ย่อมงาม คือ รู้อาบัติ ๑ รู้สิ่งมิใช่อาบัติ ๑ รู้อาบัติเบา ๑ รู้อาบัติหนัก ๑ จำปาติโมกข์ทั้งสองได้โดยพิสดาร จำแนกดี สวดคล่องแคล่ว วินิจฉัยถูกต้อง โดยสูตร โดยอนุพยัญชนะ ๑ สำหรับฌาน ๔ ฝ่ายกุศลเจตสิก เป็นเครื่องอยู่ สบายในปัจจุบัน เธอเป็นผู้ได้ตามความปรารถนา ได้ไม่ยาก ได้ไม่ลำบาก ๑ ทำให้แจ้งซึ่ง เจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติ ไม่มีอาสวะเพราะสิ้นอาสวะ ด้วยปัญญาอันยิ่งด้วยตนเอง ในปัจจุบันนี้ แหละเข้าถึงอยู่ ๑. พระวินัยธรประกอบด้วยองค์แม้อื่นอีก ๗ ย่อมงาม คือ รู้อาบัติ ๑ รู้สิ่งมิใช่อาบัติ ๑ รู้อาบัติเบา ๑ รู้อาบัติหนัก ๑ ระลึกชาติก่อนได้เป็นอันมาก ... ๑ เล็งเห็นหมู่สัตว์ผู้กำลังจุติ กำลัง อุบัติ เลว ประณีต มีผิวพรรณดี มีผิวพรรณทราม ได้ดี ตกยาก ด้วยทิพยจักษุอันบริสุทธิ์ ล่วงจักษุของมนุษย์ ย่อมรู้ชัดซึ่งหมู่สัตว์เป็นไปตามกรรม ... ๑ ทำให้แจ้งซึ่งเจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติ ไม่มีอาสวะ เพราะสิ้นอาสวะ ด้วยปัญญาอันยิ่งด้วยตนเองในปัจจุบันนี้แหละ เข้าถึงอยู่ ๑.
ว่าด้วยอสัทธรรมและสัทธรรม
[๙๙๔] อสัทธรรม ๗ คือ ไม่มีศรัทธา ๑ ไม่มีความละอาย ๑ ไม่มีความเกรงกลัว ๑ มีการฟังน้อย ๑ เกียจคร้าน ๑ หลงลืมสติ ๑ มีปัญญาทราม ๑. สัทธรรมมี ๗ คือ มีศรัทธา ๑ มีความละอาย ๑ มีความเกรงกลัว ๑ มีการฟังมาก ๑ ปรารภความเพียร ๑ มีสติตั้งมั่น ๑ มีปัญญา ๑.
หมวด ๗ จบ
-----------------------------------------------------
หัวข้อประจำหมวด
[๙๙๕] อาบัติ ๑ กองอาบัติ ๑ วินีตวัตถุ ๑ สามีจิกรรม ๑ ทำตามปฏิญญาไม่เป็นธรรม ๑ ทำตามปฏิญญาเป็นธรรม ๑ สัตตาหะไปไม่ต้องอาบัติ ๑ อานิสงส์ ๑ อย่างยิ่ง ๑ อรุณ ๑ สมถะ ๑ กรรม ๑ ข้าวเปลือกดิบ ๑ สร้างกุฎีด้านกว้าง ๑ คณะโภชน์ ๑ เจ็ดวันเป็นอย่างยิ่ง ๑ ถือเอา ๑ เก็บไป ๑ ไม่เห็นอาบัติ ๑ เห็นอาบัติ ๑ ทำคืนอาบัติ ๑ งดปาติโมกข์ไม่เป็นธรรม ๑ งดปาติโมกข์เป็นธรรม ๑ วินัยธร ๔ อย่าง ๑ ภิกษุงาม ๔ อย่าง ๑ อสัทธรรม ๗ อย่าง ๑ สัทธรรม ๗ อย่าง ๑ พระผู้มีพระภาคทรงแสดงไว้แล้วแล.
หัวข้อประจำหมวด ๗ จบ
-----------------------------------------------------

             เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๘ บรรทัดที่ ๘๓๕๓-๘๔๓๙ หน้าที่ ๓๑๘-๓๒๒. http://84000.org/tipitaka/read/v.php?B=8&A=8353&Z=8439&pagebreak=0 http://84000.org/tipitaka/read/r.php?B=8&A=8353&pagebreak=0              ฟังเนื้อความพระไตรปิฎก : [1], [2]              อ่านเทียบพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาฯ :- http://84000.org/tipitaka/read/m_siri.php?B=8&siri=82              ศึกษาอรรถกถาได้ที่ :- http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=8&i=992              พระไตรปิฏกฉบับภาษาบาลีอักษรไทย :- http://84000.org/tipitaka/read/pali_read.php?B=8&A=6923              อ่านอรรถกถาภาษาบาลีอักษรไทย :- http://84000.org/tipitaka/atthapali/read_th.php?B=3&A=10637              The Pali Tipitaka in Roman :- http://84000.org/tipitaka/read/roman_read.php?B=8&A=6923              The Pali Atthakatha in Roman :- http://84000.org/tipitaka/atthapali/read_rm.php?B=3&A=10637              สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่ ๘ http://84000.org/tipitaka/read/?index_8              อ่านเทียบฉบับแปลอังกฤษ Compare with English Translation :- https://suttacentral.net/pli-tv-pvr7/en/brahmali#pli-tv-pvr7:96.0 https://suttacentral.net/pli-tv-pvr7/en/horner-brahmali#Prv.7.7.1

อ่านหน้า[ต่าง] แรกอ่านหน้า[ต่าง] ที่แล้วแสดงหมายเลขหน้า
ในกรณี :- 
   บรรทัดแรกชองแต่ละหน้าอ่านหน้า[ต่าง] ถัดไปอ่านหน้า[ต่าง] สุดท้าย

บันทึก ๒๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๖. บันทึก ๓๐ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๙. บันทึกล่าสุด ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๐. การแสดงผลนี้อ้างอิงข้อมูลจากพระไตรปิฎกฉบับหลวง. หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]