เหมวตสูตรที่ ๙
สาตาคิรยักษ์กล่าวว่า
[๓๐๙] นี้วันเป็นอุโบสถที่ ๑๕ ราตรีอันเป็นทิพย์ปรากฏแล้ว มาเรา
ทั้งสองจงไปเฝ้าพระโคดมผู้เป็นพระศาสดามีพระนามอันไม่
ทรามเถิด ฯ
เหมวตยักษ์ถามว่า
พระโคดมผู้คงที่ทรงตั้งพระทัยไว้ดีแล้ว ในสัตว์ทั้งปวงแลหรือ
พระโคดมทรงกระทำความดำริในอิฏฐารมณ์และอนิฏฐารมณ์
ให้อยู่ในอำนาจแลหรือ ฯ
สาตาคิรยักษ์ตอบว่า
ก็พระองค์เป็นผู้คงที่ ทรงตั้งพระทัยไว้ดีแล้วในสัตว์ทั้งปวง
อนึ่ง พระองค์ทรงกระทำความดำริในอิฏฐารมณ์และ
อนิฏฐารมณ์ ให้อยู่ในอำนาจแล้ว ฯ
เหมวตยักษ์ถามว่า
พระโคดมไม่ทรงถือเอาสิ่งของที่เจ้าของเขาไม่ได้ให้แลหรือ
ทรงสำรวมแล้วในสัตว์ทั้งหลายแลหรือ ทรงห่างไกลจาก
ความประมาทแลหรือ ย่อมไม่ทรงละทิ้งฌานแลหรือ ฯ
สาตาคิรยักษ์ตอบว่า
พระองค์ไม่ถือเอาสิ่งของที่เจ้าของเขาไม่ได้ให้ ทรงสำรวม
แล้วในสัตว์ทั้งหลาย และทรงห่างไกลจากความประมาท
พระองค์เป็นผู้ตรัสรู้แล้ว ย่อมไม่ทรงละทิ้งฌาน ฯ
เหมวตยักษ์ถามว่า
พระโคดมไม่ตรัสคำเท็จแลหรือ มีพระวาจาไม่หยาบคาย
แลหรือ ไม่ตรัสคำส่อเสียดแลหรือ ไม่ตรัสคำเพ้อเจ้อ
แลหรือ ฯ
สาตาคิรยักษ์ตอบว่า
พระองค์ไม่ตรัสคำเท็จ มีพระวาจาไม่หยาบคาย และไม่ตรัส
คำส่อเสียด ตรัสคำที่เป็นประโยชน์อย่างเดียว เพราะทรง
กำหนดด้วยพระปัญญา ฯ
เหมวตยักษ์ถามว่า
พระโคดมไม่ทรงยินดีในกามทั้งหลายแลหรือ พระหฤทัย
ของพระโคดมไม่ขุ่นมัวแลหรือ พระโคดมทรงล่วงโมหะ
ได้แล้วหรือ พระโคดมทรงมีพระจักษุในธรรมทั้งหลาย
แลหรือ ฯ
สาตาคิรยักษ์ตอบว่า
พระองค์ไม่ทรงยินดีในกามทั้งหลาย และพระหฤทัยของ
พระองค์ไม่ขุ่นมัว พระองค์ทรงล่วงโมหะได้ทั้งหมด พระองค์
ตรัสรู้แล้ว ทรงมีพระจักษุในธรรมทั้งหลาย ฯ
เหมวตยักษ์ถามว่า
พระโคดมทรงถึงพร้อมแล้ว ด้วยวิชชาแลหรือ ทรงมี
จรณะบริสุทธิ์แลหรือ อาสวะทั้งหลายของพระองค์นั้นสิ้น
ไปแล้วแลหรือ ภพใหม่ไม่มีแลหรือ ฯ
สาตาคิรยักษ์ตอบว่า
พระองค์ทรงถึงพร้อมแล้วด้วยวิชชา และทรงมีจรณะบริสุทธิ์
อาสวะทั้งหลายของพระองค์สิ้นไปหมดแล้ว ภพใหม่ของ
พระองค์ไม่มี ฯ
เหมวตยักษ์กล่าวว่า
พระหฤทัยของพระโคดมผู้เป็นมุนี ถึงพร้อมแล้ว กายกรรม
วจีกรรม และมโนกรรม มาเราทั้งสองจงไปเฝ้าพระโคดม
ผู้ทรงถึงพร้อมแล้วด้วยวิชชาและจรณะกันเถิด ฯ
เหมวตยักษ์ชมเชยพระผู้มีพระภาคว่า
มาเถิดเราจงไปเฝ้าพระโคดมผู้มีพระชงฆ์เพียงปลีแข้งเนื้อทราย
ผู้ซูบผอม เป็นนักปราชญ์ มีพระกระยาหารน้อย ไม่โลภ
เป็นมุนี ทรงฌานอยู่ในป่า เราเข้าไปเฝ้าพระโคดม ผู้ดุจ
ราชสีห์ เสด็จเที่ยวไปพระองค์เดียว ไม่เสด็จมาสู่ภพใหม่
ไม่มีความห่วงใย ในกามทั้งหลาย แล้วจงทูลถามถึงธรรม
เป็นเครื่องพ้นจากบ่วงมาร เราจงทูลถามพระโคดมผู้ตรัสบอก
ผู้ทรงแสดง ผู้ทรงถึงฝั่งแห่งธรรมทั้งปวง ผู้ตรัสรู้แล้ว
ผู้ทรงล่วงเวรภัยได้แล้ว ฯ
เหมวตยักษ์ทูลถามว่า
เมื่ออะไรเกิดขึ้น โลกจึงเกิดขึ้น โลกย่อมกระทำความ
เชยชิดในอะไร โลกยึดถืออะไร เมื่ออะไรมี โลก
จึงเดือดร้อน ฯ
พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า ดูกรเหมวตะ
เมื่ออายตนะภายในและภายนอก ๖ เกิดขึ้น โลกจึงเกิด
ขึ้น โลกย่อมกระทำความเชยชิดในอายตนะภายในและภาย
นอก ๖ โลกยึดถืออายตนะภายในและภายนอก ๖ นั่น
แหละ เมื่ออายตนะภายในและภายนอก ๖ มี โลกจึง
เดือดร้อน ฯ
อุปาทานที่เป็นเหตุให้โลกต้องเดือดร้อนเป็นไฉน ข้าพระองค์
ทูลถามแล้ว ขอพระองค์ตรัสบอก ซึ่งธรรมชาติเป็นเครื่อง
ออกจากโลก บุคคลจะพ้นจากทุกข์ได้อย่างไร ฯ
กามคุณ ๕ ในโลกมีใจเป็นที่ ๖ เราประกาศแล้ว บุคคล
คลายความพอใจในกามคุณ ๕ นี้ได้แล้วย่อมพ้นจากทุกข์ได้
ด้วยอาการอย่างนี้ เราบอกซึ่งธรรมชาติเป็นเครื่องออกจาก
โลกนี้ ตามความเป็นจริง แก่ท่านทั้งหลายแล้ว ถ้าแม้ท่าน
ทั้งหลายพึงถามเราพันครั้ง เราก็จะบอกข้อนี้แก่ท่านทั้งหลาย
เพราะบุคคลย่อมพ้นจากทุกข์ได้ด้วยอาการอย่างนี้ ฯ
ในโลกนี้ใครเล่าข้ามโอฆะได้ ในโลกนี้ใครเล่าข้ามอรรณพ
ได้ ใครย่อมไม่จมลงในอรรณพที่ลึกซึ้ง ไม่มีที่พึ่ง ไม่มี
ที่ยึดเหนี่ยว ฯ
ผู้ถึงพร้อมแล้วด้วยศีล มีปัญญา มีใจตั้งมั่นดีแล้ว มีความ
หมายรู้ ณ ภายใน มีสติทุกเมื่อ ย่อมข้ามพ้นโอฆะที่ข้ามได้
แสนยาก ผู้นั้นเว้นจากกามสัญญา ล่วงสังโยชน์ทั้งปวงเสีย
ได้ มีความเพลิดเพลินและภพหมดสิ้นแล้ว ย่อมไม่จมลงใน
อรรณพ คือ สงสารอันลึก ฯ
เชิญท่านทั้งหลาย ดูพระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น ผู้มีพระปัญญา
ลึกซึ้ง ผู้ทรงแสดงเนื้อความละเอียด ไม่มีความกังวล
ไม่ข้องแล้วในกามภพ พ้นวิเศษแล้วในอารมณ์ทั้งปวง ทรง
ดำเนินไปในทางอันเป็นทิพย์ ทรงแสวงหาคุณอันใหญ่
เชิญท่านทั้งหลายดูพระผู้มีพระภาคพระองค์นั้นผู้มีพระนามไม่-
ทราม ผู้ทรงแสดงเนื้อความละเอียด ผู้ทรงให้ปัญญา
ไม่ข้องแล้วในอาลัยในกาม ทรงรู้ธรรมทั้งปวง มีพระปัญญาดี
ทรงดำเนินไปในทางอันเป็นอริยะ ทรงแสวงหาคุณอันใหญ่ ฯ
วันนี้เราทั้งหลายเห็นดีแล้วหนอ สว่างไสวแล้ว ตั้งขึ้นดีแล้ว
เพราะเราทั้งหลายได้เห็นพระสัมพุทธเจ้าผู้ทรงข้ามโอฆะได้
แล้ว หาอาสวะมิได้ ฯ
ยักษ์หนึ่งพันทั้งหมดเหล่านี้ มีฤทธิ์ มียศ ย่อมถึงพระผู้มี-
พระภาคพระองค์นั้น เป็นสรณะด้วยคำว่า พระองค์เป็น
พระศาสดาผู้ยอดเยี่ยมของข้าพระองค์ทั้งหลาย ข้าพระองค์
ทั้งหลาย จักขอนอบน้อมซึ่งพระสัมพุทธเจ้าและความที่พระ
ธรรมเป็นธรรมดี เที่ยวไปจากบ้านสู่บ้าน จากภูเขาสู่ภูเขา ฯ
จบเหมวตสูตรที่ ๙
เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๕ บรรทัดที่ ๗๔๑๐-๗๕๑๒ หน้าที่ ๓๒๕-๓๒๙.
http://84000.org/tipitaka/read/v.php?B=25&A=7410&Z=7512&pagebreak=0
http://84000.org/tipitaka/read/r.php?B=25&A=7410&pagebreak=0
ฟังเนื้อความพระไตรปิฎก : [1], [2]
อ่านเทียบพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาฯ :-
http://84000.org/tipitaka/read/m_siri.php?B=25&siri=236
ศึกษาอรรถกถาได้ที่ :-
http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=25&i=309
พระไตรปิฏกฉบับภาษาบาลีอักษรไทย :-
http://84000.org/tipitaka/read/pali_read.php?B=25&A=7371
อ่านอรรถกถาภาษาบาลีอักษรไทย :-
http://84000.org/tipitaka/atthapali/read_th.php?B=28&A=5287
The Pali Tipitaka in Roman :-
http://84000.org/tipitaka/read/roman_read.php?B=25&A=7371
The Pali Atthakatha in Roman :-
http://84000.org/tipitaka/atthapali/read_rm.php?B=28&A=5287
สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๕
http://84000.org/tipitaka/read/?index_25
อ่านเทียบฉบับแปลอังกฤษ Compare with English Translation :-
https://84000.org/tipitaka/english/metta.lk/25i294-e.php#sutta9
https://suttacentral.net/snp1.9/en/mills
https://suttacentral.net/snp1.9/en/sujato
บันทึก ๒๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๖.
บันทึก ๓๐ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๙.
บันทึกล่าสุด ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๐.
การแสดงผลนี้อ้างอิงข้อมูลจากพระไตรปิฎกฉบับหลวง.
หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]
