![]() |
|
บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ | |
|
![]() |
![]() |
๘. นาวาวิมานที่ ๓ ว่าด้วยผลบุญที่ทำให้ไปเกิดในนาวาวิมานที่ ๓ [๘] พระผู้มีพระภาคตรัสถามว่า ดูกรนางเทพนารี ท่านขึ้นนั่งวิมานเรือ อันบุญกรรมบุด้วยทองคำ เล่น ในสระโบกขรณีเก็บดอกประทุมอยู่ ท่านมีปราสาทเป็นเทวาลัยอันบุญ กรรมจัดแจงเนรมิตให้แล้ว เป็นส่วนๆ โดยรอบทั้งสี่ทิศ รุ่งเรืองเป็น สง่าอยู่ เพราะบุญอะไร ท่านมีวรรณะเช่นนี้เพราะบุญอะไร อิฐผลสำเร็จ แก่ท่านในวิมานนี้เพราะบุญอะไร อนึ่ง โภคะอันเป็นที่รักแห่งใจทุกสิ่ง ทุกอย่าง ย่อมเกิดขึ้นแก่ท่านเพราะบุญอะไร ดูกรนางเทพธิดาผู้มีอานุภาพ มาก อาตมาขอถามท่าน ครั้งเมื่อท่านเกิดเป็นมนุษย์ได้ทำบุญอะไรไว้ ท่านมีอานุภาพรุ่งเรืองอย่างนี้ และรัศมีกายของท่านสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ เพราะบุญอะไร นางเทพธิดานั้น อันพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสถามแล้วมีใจยินดี ได้ทูล ตอบปัญหาแห่งผลกรรมที่ตรัสซักถามว่าในชาติก่อน ครั้งเมื่อหม่อมฉัน ยังเป็นมนุษย์อยู่ในหมู่มนุษย์ ในมนุษยโลก ได้เห็นภิกษุหลายรูปกระหาย น้ำเหน็ดเหนื่อยมาจึงถวายน้ำฉันโดยขมีขมัน ผู้ใดแลได้ถวายน้ำฉันโดย ขมีขมันแก่ภิกษุทั้งหลายผู้เหน็ดเหนื่อยกระหายน้ำมา แม่น้ำหลายสายมี น้ำเยือกเย็น ดาระดาษไปด้วยบัวขาว (ชายฝั่ง) มีหมู่ไม้จันทน์ และ มะม่วงขนาดเล็กมีรสหวานอยู่ล้นหลาม ย่อมเกิดขึ้นแก่ผู้นั้น ที่อยู่และ หมู่ไม้ของผู้นั้น มีแม่น้ำหลายสายล้อมรอบประจำ น้ำเย็นสนิท แม่น้ำ ทั้งหลายที่ทรายมูล ก็เกิดขึ้นแก่ผู้นั้น หมู่ไม้มะม่วง หมู่ต้นรัง หมู่ต้น หมากหอม หมู่ต้นชมพู่ หมู่ไม้ราชพฤกษ์ และต้นแคฝอยมากมาย มีผล ดกดื่นออกดอกชูสล้าง ก็เกิดขึ้นล้อมรอบวิมานของผู้นั้น เขาได้วิมานดี เยี่ยมงามนักหนาเช่นนั้น ว่ากันโดยพื้นที่แล้วมีลักษณะควรสรรเสริญ นี้เป็นวิบากแห่งกรรมนั้น ทั้งนั้น คนทั้งหลายที่ทำบุญไว้แล้วต้องได้ผล เช่นนี้ หม่อมฉันมีปราสาทเป็นเทวาลัย อันบุญกรรมจัดเนรมิตมาให้แล้ว เป็นส่วนๆ โดยรอบทั้งสี่ทิศ งดงามเป็นสง่าอยู่ เพราะบุญนั้น หม่อม ฉันมีวรรณะเช่นนี้เพราะบุญนั้น อิฐผลย่อมสำเร็จแก่หม่อมฉันในวิมานนี้ เพราะบุญนั้น อนึ่ง โภคะอันเป็นที่รักแห่งใจทุกสิ่งทุกอย่าง เกิดขึ้นแก่ หม่อมฉันเพราะบุญนั้น หม่อมฉันมีอานุภาพรุ่งเรืองอย่างนี้ และรัศมีกาย ของหม่อมฉันสว่างไสวไปทั่วทุกทิศเพราะบุญนั้น นี้เป็นผลแห่งกรรมนั้น คือ หม่อมฉันขมีขมันถวายน้ำแก่พระพุทธเจ้า.จบ นาวาวิมานที่ ๘. เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๖ บรรทัดที่ ๑๘๕-๒๑๗ หน้าที่ ๘-๙. https://84000.org/tipitaka/read/v.php?B=26&A=185&Z=217&pagebreak=0 https://84000.org/tipitaka/read/r.php?B=26&A=185&pagebreak=0 ฟังเนื้อความพระไตรปิฎก : [คลิกเพื่อฟัง] อ่านเทียบพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาฯ :- https://84000.org/tipitaka/read/m_siri.php?B=26&siri=8 ศึกษาอรรถกถาได้ที่ :- https://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=26&i=8 พระไตรปิฏกฉบับภาษาบาลีอักษรไทย :- https://84000.org/tipitaka/read/pali_read.php?B=26&A=207 อ่านอรรถกถาภาษาบาลีอักษรไทย :- https://84000.org/tipitaka/atthapali/read_th.php?B=30&A=1019 The Pali Tipitaka in Roman :- https://84000.org/tipitaka/read/roman_read.php?B=26&A=207 The Pali Atthakatha in Roman :- https://84000.org/tipitaka/atthapali/read_rm.php?B=30&A=1019 สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๖ https://84000.org/tipitaka/read/?index_26
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() |
![]() |
บันทึก ๒๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๖.
บันทึก ๓๐ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๙.
บันทึกล่าสุด ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๐.
การแสดงผลนี้อ้างอิงข้อมูลจากพระไตรปิฎกฉบับหลวง.
หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]