บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ | |
ปัตตวรรค สิกขาบทที่ ๒ เรื่องภิกษุณีถุลลนันทา [๑๐๒] โดยสมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของอนาถ- บิณฑิกคหบดี เขตพระนครสาวัตถี. ครั้งนั้น ภิกษุณีหลายรูปด้วยกันจำพรรษาอยู่ในอาวาสใกล้หมู่- *บ้านแห่งหนึ่ง เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยวัตรและอิริยาบถ แต่มีผ้าเก่า มีจีวรเศร้าหมอง ได้พากันไปสู่พระ นครสาวัตถี พวกอุบาสกอุบาสิกาเห็นภิกษุณีเหล่านั้นแล้วคิดว่า ภิกษุณีเหล่านี้เป็นผู้ถึงพร้อมด้วย วัตรและอิริยาบถ แต่มีผ้าเก่า มีจีวรเศร้าหมอง ท่านเหล่านี้เห็นจักถูกผู้ร้ายแย่งชิง แล้วได้ถวาย อกาลจีวรแก่ภิกษุณีสงฆ์ ภิกษุณีถุลลนันทาอธิษฐานว่า กฐินพวกเรากรานแล้ว ผ้านี้เป็นกาลจีวร แล้ว ให้แจกกันเอง. อุบาสกอุบาสิกาทั้งหลายพบเห็นภิกษุณีเหล่านั้นแล้วได้ถามว่า แม่เจ้าทั้งหลายได้จีวรแล้ว หรือ? ภิกษุณีเหล่านั้นตอบว่า อาวุโสทั้งหลาย พวกดิฉันไม่ได้จีวร เพราะแม่เจ้าถุลลนันทา อธิษฐานว่า กฐินพวกเรากรานแล้ว ผ้านี้เป็นกาลจีวร แล้วให้แจกกันเอง. อุบาสกอุบาสิกาทั้งหลายพากันเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า ไฉนแม่เจ้าถุลลนันทาจึง ได้อธิษฐานผ้าอกาลจีวร ว่าเป็นกาลจีวร แล้วให้แจกกันเองเล่า ภิกษุณีทั้งหลายได้ยินอุบาสกอุบาสิกา เหล่านั้น พากันเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาอยู่ บรรดาที่เป็นผู้มักน้อย ... ต่างก็เพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า ไฉนแม่เจ้าถุลลนันทาจึงได้อธิษฐานผ้าอกาลจีวร ว่าเป็นกาลจีวร แล้วให้แจกกันเอง เล่า ครั้นแล้ว ภิกษุณีเหล่านั้นได้แจ้งเรื่องนั้นแก่ภิกษุทั้งหลาย. ภิกษุทั้งหลายได้กราบทูลเรื่องนั้น แด่พระผู้มีพระภาค.ทรงสอบถาม พระผู้มีพระภาคทรงสอบถามภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข่าวว่าภิกษุณีถุลลนันทา อธิษฐานผ้าอกาลจีวร ว่าเป็นกาลจีวร แล้วให้แจกกันเอง จริงหรือ? ภิกษุทั้งหลายกราบทูล จริง พระพุทธเจ้าข้า.ทรงติเตียนแล้วบัญญัติสิกขาบท พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทรงติเตียนว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ไฉนภิกษุณีถุลลนันทาจึงได้ อฐิษฐานผ้าอกาลจีวร ว่าเป็นกาลจีวร แล้วให้แจกกันเองเล่า การกระทำของนางนั่น ไม่เป็นไปเพื่อ ความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส ... ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็แลภิกษุณีทั้งหลายจงยกสิกขาบทนี้ขึ้นแสดงอย่างนี้ ว่าดังนี้:-พระบัญญัติ ๒๗. ๒. อนึ่ง ภิกษุณีใด อธิษฐานผ้าอกาลจีวร ว่าเป็นกาลจีวร แล้วแจกกัน เป็น นิสสัคคิยปาจิตตีย์.เรื่องภิกษุณีถุลลนันทา จบ. สิกขาบทวิภังค์ [๑๐๓] บทว่า อนึ่ง ... ใด ความว่า ผู้ใด คือ ผู้เช่นใด ... บทว่า ภิกษุณี ความว่า ที่ชื่อว่า ภิกษุณี เพราะอรรถว่าเป็นผู้ขอ ... นี้ชื่อว่า ภิกษุณี ที่ทรงประสงค์ในอรรถนี้. ที่ชื่อว่า อกาลจีวร คือ เมื่อไม่ได้กรานกฐิน จีวรเกิดได้ถึง ๑๑ เดือน เมื่อได้กรานกฐิน แล้ว จีวรเกิดได้ตลอด ๗ เดือน จีวรที่เขาเจาะจงถวายแม้ในกาล นี้ก็ชื่อว่าอกาลจีวร. ภิกษุณีอธิษฐานว่าเป็นกาลจีวร แล้วให้แจกกัน เป็นทุกกฏในประโยค เป็นนิสสัคคีย์ด้วยได้ จีวรมา ต้องเสียสละแก่สงฆ์ คณะ หรือภิกษุณีรูปหนึ่ง. ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็แลจีวรเป็นนิสสัคคีย์นั้น ภิกษุณีพึงเสียสละอย่างนี้.วิธีเสียสละ เสียสละแก่สงฆ์ ภิกษุณีรูปนั้นพึงเข้าไปหาสงฆ์ ... แม่เจ้า เจ้าข้า อกาลจีวรผืนนี้ของข้าพเจ้าอธิษฐานว่าเป็น กาลจีวร แล้วแจกกัน เป็นของจำจะสละ ข้าพเจ้าสละอกาลจีวรผืนนี้แก่สงฆ์ ... สงฆ์พึงให้อกาล จีวรผืนนี้แก่ภิกษุณีมีชื่อนี้ ดังนี้.เสียสละแก่คณะ ภิกษุณีรูปนั้นพึงเข้าไปหาภิกษุณีหลายรูป ... แม่เจ้าทั้งหลายพึงให้อกาลจีวรผืนนี้แก่ภิกษุณีมี ชื่อนี้ ดังนี้.เสียสละแก่ภิกษุณีรูปหนึ่ง ภิกษุณีรูปนั้นพึงเข้าไปหาภิกษุณีรูปหนึ่ง ... ข้าพเจ้าให้อกาลจีวรผืนนี้แก่แม่เจ้า ดังนี้.บทภาชนีย์ ติกะนิสสัคคิยปาจิตตีย์ [๑๐๔] อกาลจีวร ภิกษุณีสำคัญว่าเป็นอกาลจีวร อธิษฐานเป็นกาลจีวรแล้วแจกกัน เป็น นิสสัคคีย์ ต้องอาบัติปาจิตตีย์. อกาลจีวร ภิกษุณีสงสัย อธิษฐานเป็นกาลจีวร แล้วแจกกัน เป็นนิสสัคคีย์ ต้องอาบัติ- *ปาจิตตีย์. อกาลจีวร ภิกษุณีสำคัญว่ากาลจีวร อธิษฐานว่าเป็นกาลจีวร แล้วแจกกัน เป็นนิสสัคคีย์ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.ทุกะทุกกฏ กาลจีวร ภิกษุณีสำคัญว่า เป็นอกาลจีวร ต้องอาบัติทุกกฏ. กาลจีวร ภิกษุณีสงสัย ต้องอาบัติทุกกฏ.ไม่ต้องอาบัติ กาลจีวร ภิกษุณีสำคัญว่าเป็นกาลจีวร ไม่ต้องอาบัติ.อนาปัตติวาร [๑๐๕] สำคัญอกาลจีวรว่าเป็นอกาลจีวร ให้แจกกัน ๑ สำคัญกาลจีวรว่าเป็นกาลจีวร ให้ แจกกัน ๑ วิกลจริต ๑ อาทิกัมมิกา ๑ ไม่ต้องอาบัติแล.ปัตตวรรค สิกขาบทที่ ๒ จบ. ----------------------------------------------------- เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๓ บรรทัดที่ ๑๔๓๓-๑๕๐๑ หน้าที่ ๖๐-๖๒. https://84000.org/tipitaka/read/v.php?B=3&A=1433&Z=1501&pagebreak=0 https://84000.org/tipitaka/read/r.php?B=3&A=1433&pagebreak=0 ฟังเนื้อความพระไตรปิฎก : [คลิกเพื่อฟัง] อ่านเทียบพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาฯ :- https://84000.org/tipitaka/read/m_siri.php?B=3&siri=17 ศึกษาอรรถกถาได้ที่ :- https://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=3&i=102 พระไตรปิฏกฉบับภาษาบาลีอักษรไทย :- https://84000.org/tipitaka/read/pali_read.php?B=3&A=1335 อ่านอรรถกถาภาษาบาลีอักษรไทย :- https://84000.org/tipitaka/atthapali/read_th.php?B=2&A=11138 The Pali Tipitaka in Roman :- https://84000.org/tipitaka/read/roman_read.php?B=3&A=1335 The Pali Atthakatha in Roman :- https://84000.org/tipitaka/atthapali/read_rm.php?B=2&A=11138 สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่ ๓ https://84000.org/tipitaka/read/?index_3 อ่านเทียบฉบับแปลอังกฤษ Compare with English Translation :- http://84000.org/tipitaka/english/metta.lk/03i001-e.php#3.102 https://suttacentral.net/pli-tv-bi-vb-np2/en/brahmali https://suttacentral.net/pli-tv-bi-vb-np2/en/horner
บันทึก ๒๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๖. บันทึก ๓๐ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๙. บันทึกล่าสุด ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๐. การแสดงผลนี้อ้างอิงข้อมูลจากพระไตรปิฎกฉบับหลวง. หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]