ทุติยคาถาสังคณิกะ
อาบัติทางกายเป็นต้น
[๑๒๔๒] ถามว่า อาบัติทางกายจัดไว้เท่าไร? ทางวาจาจัดไว้เท่าไร? เมื่อปกปิดต้องอาบัติ
เท่าไร? อาบัติมีการเคล้าคลึงเป็นปัจจัยมีเท่าไร?
ตอบว่า อาบัติทางกายจัดไว้ ๖ ทางวาจาจัดไว้ ๖ เมื่อปกปิดต้องอาบัติ ๓ อาบัติมีการ
เคล้าคลึงเป็นปัจจัยมี ๕.
ต้องอาบัติเมื่ออรุณขึ้นเป็นต้น
[๑๒๔๓] ถามว่า อาบัติเพราะอรุณขึ้นมีเท่าไร? อาบัติชื่อยาวตติยกา มีเท่าไร? อาบัติชื่อ
อัตถวัตถุกาในศาสนานี้มีเท่าไร? สงเคราะห์สิกขาบทและปาติโมก ขุทเทสทั้งมวลด้วยอุเทส
เท่าไร?
ตอบว่า อาบัติเพราะอรุณขึ้น มี ๓ อาบัติชื่อยาวตติยกามี ๒ อาบัติชื่ออัตถวัตถุกา
ในศาสนานี้มี ๑ สงเคราะห์สิกขาบทและปาติโมกขุทเทสทั้งมวล ด้วยนิทานุเทสอย่างเดียว.
มูลแห่งวินัยเป็นต้น
[๑๒๔๔] ถามว่า มูลแห่งวินัยที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติไว้มีเท่าไร? อาบัติหนักในฝ่ายวินัยตรัส
ไว้เท่าไร? อาบัติเพราะปิดอาบัติชั่วหยาบมีเท่าไร?
ตอบว่า มูลแห่งวินัยที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติไว้มี ๒ อาบัติหนักในฝ่ายวินัยตรัสไว้ ๒
อาบัติเพราะปิดอาบัติชั่วหยาบมี ๒
ต้องอาบัติในละแวกบ้านเป็นต้น
[๑๒๔๕] ถามว่า อาบัติในละแวกบ้านมีเท่าไร? อาบัติมีฝั่งนทีเป็นปัจจัยมีเท่าไร? เป็นอาบัติ
ถุลลัจจัย เพราะเนื้อกี่ชนิด? เป็นอาบัติทุกกฏ เพราะเนื้อกี่ชนิด?
ตอบว่า อาบัติในละแวกบ้านมี ๔ อาบัติมีฝั่งนทีเป็นปัจจัยมี ๔ เป็นอาบัติ
ถุลลัจจัย เพราะเนื้อชนิดเดียว เป็นอาบัติทุกกฏ เพราะเนื้อ ๙ ชนิด.
ต้องอาบัติทางวาจาในราตรีเป็นต้น
[๑๒๔๖] ถามว่า อาบัติทางวาจาในกลางคืนมีเท่าไร? อาบัติทางวาจาในกลางวันมีเท่าไร?
เมื่อให้ ต้องอาบัติเท่าไร? เมื่อรับ ต้องอาบัติเท่าไร?
ตอบว่า อาบัติทางวาจาในกลางคืนมี ๒ อาบัติทางวาจาในกลางวันมี ๒ เมื่อให้
ต้องอาบัติ ๓ เพราะรับ ต้องอาบัติ ๔.
ต้องอาบัติเป็นเทสนาคามินีเป็นต้น
[๑๒๔๗] ถามว่า อาบัติเป็นเทสนาคามินี มีเท่าไร? อาบัติที่ทำคืนได้ จัดไว้เท่าไร? อาบัติที่ทำ
คืนไม่ได้ในศาสนานี้ พระพุทธเจ้าผู้เป็นเผ่าแห่งพระราชาผู้สูงศักดิ์ตรัสไว้เท่าไร?
ตอบว่า อาบัติเป็นเทสนาคามินีมี ๕ อาบัติที่ทำคืนได้จัดไว้ ๖ อาบัติที่ทำคืนไม่ได้
ในศาสนานี้ พระพุทธเจ้าผู้เป็นเผ่าแห่งพระราชาผู้สูงศักดิ์ตรัสไว้อย่างเดียว.
ต้องอาบัติหนักในฝ่ายวินัยเป็นต้น
[๑๒๔๘] ถามว่า อาบัติหนักในฝ่ายวินัยเป็นไปทางกายและวาจา ตรัสไว้เท่าไร? ธัญญรส
ในเวลาวิกาลมีเท่าไร? สมมติด้วยญัตติจตุตถกรรมวาจามีเท่าไร?
ตอบว่า อาบัติหนักในฝ่ายวินัยเป็นไปทางกายและวาจาตรัสไว้ ๒ ธัญญรสในเวลา
วิกาลมีอย่างเดียว สมมติด้วยญัตติจตุตถกรรมวาจามีอย่างเดียว.
อาบัติปาราชิกทางกายเป็นต้น
[๑๒๔๙] ถามว่า อาบัติปาราชิกทางกายมีเท่าไร? ภูมิของภิกษุผู้มีสังวาสเท่าไร? รัตติเฉทของ
ภิกษุกี่พวก? และพระบัญญัติเรื่องสองนิ้วมีเท่าไร?
ตอบว่า อาบัติปาราชิกทางกายมี ๒ ภูมิของภิกษุผู้มีสังวาสมี ๒ รัตติเฉทของภิกษุ ๒
พวก และพระบัญญัติเรื่องสองนิ้วมี ๒.
ต้องอาบัติเพราะทำร้ายตัวเองเป็นต้น
[๑๒๕๐] ถามว่า เพราะทำร้ายตัวเอง ต้องอาบัติเท่าไร? สงฆ์แตกกัน ด้วยอาการเท่าไร?
อาบัติชื่อปฐมาปัตติกาในศาสนานี้ มีเท่าไร? ทำญัตติมีเท่าไร?
ตอบว่า เพราะทำร้ายตนเอง ต้องอาบัติ ๒ สงฆ์แตกกันด้วยอาการ ๒ อาบัติชื่อ
ปฐมาปัตติกาในศาสนี้มี ๒ ทำญัตติมี ๒.
ต้องอาบัติเพราะปาณาติบาตเป็นต้น
[๑๒๕๑] ถามว่า อาบัติเพราะปาณาติบาต มีเท่าไร? อาบัติปาราชิกเนื่องด้วยวาจามีเท่าไร?
อาบัติเกี่ยวด้วยพูดเคาะ ตรัสไว้เท่าไร? อาบัติเกี่ยวด้วยเที่ยวชักสื่อ ตรัสไว้เท่าไร?
ตอบว่า อาบัติเพราะปาณาติบาตมี ๓ อาบัติปาราชิกเนื่องด้วยวาจามี ๓ อาบัติเกี่ยว
ด้วยพูดเคาะ ตรัสไว้ ๓ และเกี่ยวด้วยเที่ยวชักสื่อ ตรัสไว้ ๓
บุคคลไม่ควรให้อุปสมบทเป็นต้น
[๑๒๕๒] ถามว่า บุคคลที่ไม่ควรให้อุปสมบท มีเท่าไร? กรรมสงเคราะห์มีเท่าไร? บุคคลที่ถูก
นาสนะตรัสไว้เท่าไร? อนุสาวนาเดียวกันสำหรับบุคคล มีจำนวนเท่าไร?
ตอบว่า บุคคลที่ไม่ควรให้อุปสมบทมี ๓ พวก, กรรมสงเคราะห์มี ๓ อย่าง, บุคคล
ที่ถูกนาสนะตรัสไว้ ๓ พวก, อนุสาวนาเดียวกัน สำหรับบุคคลมีจำนวน ๓ คน.
ต้องอาบัติเพราะอทินนาทานเป็นต้น
[๑๒๕๓] ถามว่า อาบัติเพราะอทินนาทาน มีเท่าไร? อาบัติเพราะเมถุนเป็นปัจจัยมีเท่าไร?
เมื่อตัดเป็นอาบัติเท่าไร? เพราะการทิ้งเป็นปัจจัย เป็นอาบัติเท่าไร?
ตอบว่า อาบัติเพราะอทินนาทานมี ๓ อาบัติเพราะเมถุนเป็นปัจจัยมี ๔ เมื่อตัดเป็น
อาบัติ ๓ ตัว อาบัติเพราะการทิ้งเป็นปัจจัยมี ๕.
ปรับอาบัติควบกันเป็นต้น
[๑๒๕๔] ถามว่า ในภิกขุโนวาทกวรรค อาบัติทุกกฏ กับปาจิตตีย์ หมวดที่ตรัสไว้เป็น ๙
ในสิกขาบทที่ ๑ นั้น เป็นเท่าไร? ภิกษุณีเท่าไร เป็นอาบัติแก่ภิกษุเพราะจีวร?
ตอบว่า ในภิกขุโนวาทกวรรค อาบัติทุกกฏ กับปาจิตตีย์ที่ตรัสไว้หมวด ๙ ในสิกขา-
บทที่ ๑ นั้น มี ๔ ภิกษุณี ๒ พวก เป็นอาบัติแก่ภิกษุเพราะจีวร.
ต้องอาบัติปาฏิเทสนียะเป็นต้น
[๑๒๕๕] ถามว่า อาบัติปาฏิเทสนียะสำหรับภิกษุณีที่ตรัสไว้เท่าไร? เพราะขอข้าวเปลือกดิบ
มาฉัน ปรับอาบัติทุกกฏกับปาจิตตีย์ หรือ?
ตอบว่า อาบัติปาฏิเทสนียะ ที่ตรัสแก่ภิกษุณี ปรับอาบัติไว้ ๘ เพราะขอข้าวเปลือก
ดิบมาฉัน ปรับอาบัติทุกกฏกับปาจิตตีย์.
ต้องอาบัติเพราะเดินเป็นต้น
[๑๒๕๖] ถามว่า ผู้เดินต้องอาบัติเท่าไร? ผู้ยืนต้องอาบัติเท่าไร? ผู้นั่งต้องอาบัติเท่าไร?
และผู้นอนต้องอาบัติเท่าไร?
ตอบว่า ผู้เดินต้องอาบัติ ๔ ผู้ยืนต้องอาบัติเท่ากัน ผู้นั่งต้องอาบัติ ๔ และผู้นอน
ต้องอาบัติเท่ากัน.
ต้องอาบัติในเขตเดียวกัน
[๑๒๕๗] ถามว่า อาบัติปาจิตตีย์ทั้งหมด มีเท่าไร ที่ต่างวัตถุกันภิกษุพึงต้องในขณะเดียวกัน
ไม่ก่อน ไม่หลัง?
ตอบว่า อาบัติปาจิตตีย์ทั้งหมดมี ๕ ที่ต่างวัตถุกัน ภิกษุพึงต้องในขณะเดียวกัน
ไม่ก่อน ไม่หลัง.
[๑๒๕๘] ถามว่า อาบัติปาจิตตีย์ทั้งหมด มีเท่าไร ที่ต่างวัตถุกันภิกษุพึงต้องในขณะเดียวกัน
ไม่ก่อน ไม่หลัง?
ตอบว่า อาบัติปาจิตตีย์ทั้งหมดมี ๙ ที่ต่างวัตถุกัน ภิกษุพึงต้องในขณะเดียวกัน
ไม่ก่อน ไม่หลัง.
วิธีแสดงอาบัติ
[๑๒๕๙] ถามว่า อาบัติปาจิตตีย์ทั้งหมด มีเท่าไร? ที่ต่างวัตถุกันอันพระพุทธเจ้าผู้เป็นเผ่า
แห่งพระราชาผู้สูงศักดิ์ตรัสแล้ว ภิกษุพึงแสดงด้วยวาจาเท่าไร?
ตอบว่า อาบัติปาจิตตีย์ทั้งหมดมี ๕ ที่ต่างวัตถุกัน อันพระพุทธเจ้าผู้เป็นเผ่าแห่งพระ
ราชาผู้สูงศักดิ์ตรัสแล้ว ภิกษุพึงแสดงด้วยวาจาอย่างเดียว.
[๑๒๖๐] ถามว่า อาบัติปาจิตตีย์ทั้งหมดมีเท่าไร? ที่ต่างวัตถุกันอันพระพุทธเจ้าผู้เป็นเผ่าแห่ง
พระราชาผู้สูงศักดิ์ตรัสแล้ว ภิกษุพึงแสดงด้วยวาจาเท่าไร?
ตอบว่า อาบัติปาจิตตีย์ทั้งหมดมี ๙ ที่ต่างวัตถุกัน อันพระพุทธเจ้าผู้เป็นเผ่าแห่ง
พระราชาผู้สูงศักดิ์ตรัสแล้ว ภิกษุพึงแสดงด้วยวาจาอย่างเดียว.
[๑๒๖๑] ถามว่า อาบัติปาจิตตีย์ทั้งหมดมีเท่าไร? ที่ต่างวัตถุกันอันพระพุทธเจ้าผู้เป็นเผ่าแห่ง
พระราชาผู้สูงศักดิ์ตรัสแล้ว ภิกษุพึงแสดงระบุอะไร?
ตอบว่า อาบัติปาจิตตีย์ทั้งหมดมี ๕ ที่ต่างวัตถุกัน อันพระพุทธเจ้าผู้เป็นเผ่าแห่ง
พระราชาผู้สูงศักดิ์ตรัสแล้ว ภิกษุพึงแสดงระบุวัตถุ.
[๑๒๖๒] ถามว่า อาบัติปาจิตตีย์ทั้งหมดมีเท่าไร? ที่ต่างวัตถุกันอันพระพุทธเจ้าผู้เป็นเผ่าแห่ง
พระราชาผู้สูงศักดิ์ตรัสแล้ว ภิกษุพึงแสดงระบุอะไร?
ตอบว่า อาบัติปาจิตตีย์ทั้งหมดมี ๙ ที่ต่างวัตถุกัน อันพระพุทธเจ้าผู้เป็นเผ่าแห่ง
พระราชาผู้สูงศักดิ์ตรัสแล้ว ภิกษุพึงแสดงระบุวัตถุ.
ยาวตติยกาบัติเป็นต้น
[๑๒๖๓] ถามว่า เพราะสวดประกาศครบ ๓ จบ เป็นอาบัติเท่าไร? เพราะการกล่าวเป็น
ปัจจัย เป็นอาบัติเท่าไร? ภิกษุเคี้ยว ต้องอาบัติเท่าไร? เพราะฉันเป็นปัจจัย เป็น
อาบัติเท่าไร?
ตอบว่า เพราะสวดประกาศครบ ๓ จบ เป็นอาบัติ ๓ เพราะการกล่าวเป็นปัจจัย
เป็นอาบัติ ๖ ภิกษุเคี้ยวต้องอาบัติ ๓ ตัว, เพราะฉันเป็นปัจจัย เป็นอาบัติ ๕.
ฐานะแห่งยาวตติกาบัติเป็นต้น
[๑๒๖๔] ถามว่า ยาวตติยกาบัติทั้งมวล ย่อมถึงฐานะเท่าไร? อาบัติมีแก่คนกี่พวก?
และอธิกรณ์ มีแก่คนกี่พวก?
ตอบว่า ยาวตติยกาบัติทั้งมวลย่อมถึงฐานะ ๕ อาบัติมีแก่สหธรรมิก ๕ และ
อธิกรณ์ มีแก่สหธรรมิก ๕.
วินิจฉัยเป็นต้น
[๑๒๖๕] ถามว่า วินิจฉัยมีแก่บุคคลกี่พวก? การระงับ มีแก่บุคคลกี่พวก? บุคคลกี่พวก
ไม่ต้องอาบัติ? และภิกษุย่อมงามด้วยฐานะเท่าไร?
ตอบว่า วินิจฉัยมีแก่สหธรรมิก ๕ พวก การระงับมีแก่สหธรรมิก ๕ พวก สหธรรมิก ๕
พวก ไม่ต้องอาบัติและภิกษุย่อมงามด้วยเหตุ ๓ สถาน
อาบัติทางกายในราตรีเป็นต้น
[๑๒๖๖] ถามว่า อาบัติทางกายในราตรีมีเท่าไร? ทางกายในกลางวันมีเท่าไร? ภิกษุแพ่งดูต้อง
อาบัติเท่าไร? เพราะบิณฑบาตเป็นปัจจัยเป็นอาบัติเท่าไร?
ตอบว่า อาบัติทางกายในราตรีมี ๒ ทางกายในกลางวันมี ๒ ภิกษุเพ่งดูต้อง
อาบัติตัวเดียว เพราะบิณฑบาตเป็นปัจจัยเป็นอาบัติตัวเดียว.
ภิกษุที่สงฆ์ยกวัตรเป็นต้น
[๑๒๖๗] ถามว่า ภิกษุเห็นอานิสงส์เท่าไร จึงแสดง เพราะเชื่อผู้อื่น? ภิกษุผู้ถูกยกวัตรตรัส
ไว้มีเท่าไร? ความประพฤติชอบมีเท่าไร?
ตอบว่า ภิกษุเห็นอานิสงส์ ๘ อย่าง จึงแสดงเพราะเชื่อผู้อื่น ภิกษุผู้ถูกยกวัตร
ตรัสไว้ มี ๓ พวก ความประพฤติชอบมี ๔๓ ข้อ
มุสาวาทเป็นต้น
[๑๒๖๘] ถามว่า มุสาวาทถึงฐานะเท่าไร? ที่ตรัสว่าอย่างยิ่งมีเท่าไร? ปาฏิเทสนียะมีกี่สิกขาบท?
การแสดงโทษของบุคคลกี่จำพวก?
ตอบว่า มุสาวาทถึงฐานะ ๕ ที่ตรัสว่าอย่างยิ่ง มี ๑๔ สิขาบท ปาฏิเทสนียะมี ๑๒
สิกขาบท การแสดงโทษของบุคคล ๕ จำพวก
องค์ของมุสาวาทเป็นต้น
[๑๒๖๙] ถามว่า มุสาวาทมีองค์เท่าไร? องค์อุโบสถมีเท่าไร? องค์ของผู้ควรเป็นทูตมีเท่าไร?
ติตถิยวัตร มีเท่าไร?
ตอบว่า มุสาวาทมีองค์ ๘ องค์อุโบสถมี ๘ องค์ของผู้ควรเป็นทูตมี ๘ ติตถิยวัตรมี ๘
อุปสัมปทาเป็นต้น
[๑๒๗๐] ถามว่า อุปสัมปทามีวาจาเท่าไร? ภิกษุณีพึงลุกรับภิกษุณีกี่พวก? พึงให้อาสนะ
แก่ภิกษุณีกี่พวก? ภิกษุผู้สั่งสอนภิกษุณีต้องประกอบด้วยคุณสมบัติเท่าไร?
ตอบว่า อุปสัมปทามีวาจา ๘ ภิกษุณีพึงลุกรับ ภิกษุณี ๘ พวกพึงให้อาสนะแก่
ภิกษุณี ๘ พวก ภิกษุผู้สั่งสอนภิกษุณีต้องประกอบด้วยคุณสมบัติ ๘
ความขาดเป็นต้น
[๑๒๗๑] ถามว่า ความขาดมีแก่คนเท่าไร? อาบัติถุลลัจจัยมีแก่คนเท่าไร? บุคคลเท่าไร
ไม่ต้องอาบัติ? อาบัติและอนาบัติของคนทั้งหมดมีวัตถุอย่างเดียวกัน หรือ?
ตอบว่า ความขาดมีแก่คนผู้เดียว อาบัติถุลลัจจัยมีแก่คน ๔ พวก บุคคล ๔ พวก
ไม่ต้องอาบัติอาบัติและอนาบัติของคนทั้งหมดมีวัตถุอย่างเดียวกัน
กรรมเนื่องด้วยญัตติเป็นต้น
[๑๒๗๒] ถามว่า อาฆาตวัตถุมีเท่าไร? สงฆ์แตกกัน ด้วยเหตุเท่าไร? อาบัติชื่อปฐมาปัตติกา
ในศาสนานี้มีเท่าไร? ทำด้วยญัตติมีเท่าไร?
ตอบว่า อาฆาตวัตถุมี ๙ สงฆ์แตกกันด้วยเหตุ ๙ อย่าง อาบัติชื่อปฐมาปัตติกา
ในศาสนานี้มี ๙ อย่าง ทำด้วยญัตติมี ๙.
บุคคลไม่ควรกราบไหว้เป็นต้น
[๑๒๗๓] ถามว่า บุคคลเท่าไร อันภิกษุไม่พึงกราบไหว้ และไม่พึงทำอัญชลีกรรมและสามี
จิกรรม? เพราะทำแก่บุคคลเท่าไร ต้องอาบัติทุกกฏ? ทรงจีวรมีกำหนดเท่าไร?
ตอบว่า บุคคล ๑๐ พวก อันภิกษุไม่พึงกราบไหว้ ไม่พึงทำอัญชลีกรรม และสามี
จิกรรม เพราะทำแก่บุคคล ๑๐ พวก ต้องอาบัติทุกกฏทรงจีวรมีกำหนด ๑๐ วัน
ให้จีวรเป็นต้น
[๑๒๗๔] ถามว่า จีวรควรให้แก่บุคคลในศาสนานี้ ผู้จำพรรษาแล้วกี่พวก? เมื่อมีผู้รับแทนควรให้
แก่บุคคลกี่พวก? และไม่ควรให้แก่บุคคลกี่พวก?
ตอบว่า จีวรควรให้แก่สหธรรมิก ๕ ในศาสนานี้ ผู้จำพรรษาแล้วเมื่อมีผู้รับแทน
ควรให้แก่บุคคล ๗ พวก ไม่ควรให้แก่บุคคล ๑๖ พวก
ภิกษุอยู่ปริวาส
[๑๒๗๕] ถามว่า ชั่ว ๑๐๐ ราตรี ภิกษุอยู่ปริวาสปิดอาบัติไว้กี่ร้อย? ต้องอยู่ปริวาสกี่ราตรี
จึงจะพ้น?
ตอบว่า ชั่ว ๑๐๐ ราตรี ภิกษุอยู่ปริวาสปิดอาบัติไว้ ๑๐ ร้อยราตรีต้องอยู่ปริวาส ๑๐
ราตรี จึงจะพ้น
โทษแห่งกรรม
[๑๒๗๖] ถามว่า โทษแห่งกรรม อันพระพุทธเจ้าผู้เป็นเผ่าแห่งพระราชาผู้สูงศักดิ์ตรัสไว้
เท่าไร? กรรมไม่เป็นธรรมทั้งหมดที่ตรัสไว้ในเรื่องวินัย ในพระนครจัมปามีเท่าไร?
ตอบว่า โทษแห่งกรรมอันพระพุทธเจ้าผู้เป็นเผ่าแห่งพระราชาผู้สูงศักดิ์ตรัสไว้มี ๑๒
กรรมที่ตรัสไว้ในเรื่องวินัยในพระนครจัมปาล้วนไม่เป็นธรรม.
กรรมสมบัติ
[๑๒๗๗] ถามว่า กรรมสมบัติอันพระพุทธเจ้า ผู้เป็นเผ่าแห่งพระราชาผู้สูงศักดิ์ตรัสไว้มีเท่าไร?
กรรมเป็นธรรมทั้งหมดที่ตรัสไว้ในเรื่องวินัย ในพระนครจำปามีเท่าไร?
ตอบว่า กรรมสมบัติอันพระพุทธเจ้า ผู้เป็นเผ่าแห่งพระราชาผู้สูงศักดิ์ตรัสไว้ ๔ อย่าง
กรรมที่ตรัสไว้ในเรื่องวินัย ในพระนครจัมปาล้วนเป็นธรรม
กรรม ๖ อย่าง
[๑๒๗๘] ถามว่า กรรมอันพระพุทธเจ้า ผู้เป็นเผ่าแห่งพระราชาผู้สูงศักดิ์ตรัสไว้เท่าไร?
กรรมที่ตรัสไว้ในเรื่องวินัยในพระนครจัมปา ที่เป็นธรรมมีเท่าไร? ที่ไม่เป็นธรรมมีเท่าไร?
ตอบว่า กรรมอันพระพุทธเจ้าผู้เป็นเผ่าแห่งพระราชาผู้สูงศักดิ์ตรัสไว้ ๖ อย่าง บรรดา
กรรม ๖ นี้ กรรมอันพระพุทธเจ้าผู้เป็นเผ่าแห่งพระราชาผู้สูงศักดิ์ตรัสไว้ในเรื่องวินัย ในพระนคร
จัมปา ที่เป็นธรรมอย่างเดียว, ที่ไม่เป็นธรรม ๕ อย่าง.
กรรม ๔ อย่าง
[๑๒๗๙] ถามว่า กรรมอันพระพุทธเจ้าผู้เป็นเผ่าแห่งพระราชาผู้สูงศักดิ์ตรัสไว้เท่าไร? กรรมที่
ตรัสไว้ในเรื่องวินัยในพระนครจัมปา ที่เป็นธรรมมีเท่าไร? ที่ไม่เป็นธรรมมีเท่าไร?
ตอบว่า กรรมอันพระพุทธเจ้าผู้เป็นเผ่าแห่งพระราชาผู้สูงศักดิ์ตรัสไว้ ๔ อย่าง, บรรดา
กรรม ๔ นี้ กรรมอันพระพุทธเจ้าผู้เป็นเผ่าแห่งพระราชาผู้สูงศักดิ์ตรัสไว้ในเรื่องวินัย ในพระนคร
จัมปา ที่เป็นธรรมมีอย่างเดียว ที่ไม่เป็นธรรมมี ๓ อย่าง
อาบัติระงับและไม่ระงับ
[๑๒๘๐] ถามว่า กองอาบัติใด อันพระอนันตชินเจ้าผู้คงที่ ผู้ทรงเห็นวิเวกทรงแสดงแล้ว
ในกองอาบัตินั้น กองอาบัติเท่าใด เว้นสมถะเสีย ย่อมระงับ? ข้าแต่ท่านผู้ฉลาดในวิภังค์
ข้าพเจ้าถามข้อนั้น ขอท่านจงบอก
ตอบว่า กองอาบัติใดอันพระอนันตชินเจ้าผู้คงที่ ผู้ทรงเห็นวิเวกทรงแสดงแล้ว
ในกองอาบัตินั้น กองอาบัติกองเดียว เว้นสมถะเสียย่อมระงับ ข้าแต่ท่านผู้ฉลาดในวิภังค์
ข้าพเจ้าบอกข้อนั้น แก่ท่าน
ภิกษุผู้ทำลายสงฆ์ไปสู่อบาย
[๑๒๘๑] ถามว่า ภิกษุผู้ทำลายสงฆ์ไปสู่อบาย อันพระพุทธเจ้าผู้เป็นเผ่าแห่งพระราชาผู้สูงศักดิ์
ตรัสไว้เท่าไร? ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอฟังวิสัยของท่านผู้รู้เฉพาะพระวินัย
ตอบว่า ภิกษุผู้ทำลายสงฆ์ไปสู่อบาย ตกนรกชั่วกัลป์อันพระพุทธเจ้า ผู้เป็นเผ่าแห่ง
พระราชาผู้สูงศักดิ์ตรัสไว้ ๑๔๔ ขอท่านจงฟังวิสัยของข้าพเจ้าผู้รู้เฉพาะพระวินัย.
ภิกษุทำลายสงฆ์ไม่ไปสู่อบาย
[๑๒๘๒] ถามว่า ภิกษุผู้ทำลายสงฆ์ไม่ไปสู่อบาย อันพระพุทธเจ้าผู้เป็นเผ่าแห่งพระราชาผู้สูงศักดิ์
ตรัสไว้เท่าไร? ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอฟังวิสัยของท่านผู้รู้เฉพาะพระวินัย
ตอบว่า ภิกษุผู้ทำลายสงฆ์ไม่ไปอบาย อันพระพุทธเจ้าผู้เป็นเผ่าแห่งพระราชาผู้สูงศักดิ์
ตรัสไว้ ๑๘ ขอท่านจงฟังวิสัยของข้าพเจ้าผู้รู้เฉพาะพระวินัย.
หมวด ๘
[๑๒๘๓] ถามว่า หมวด ๘ อันพระพุทธเจ้าผู้เป็นเผ่าแห่งพระราชาผู้สูงศักดิ์ตรัสไว้เท่าไร?
ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอฟังวิสัยของท่านผู้รู้เฉพาะพระวินัย
ตอบว่า หมวด ๘ อันพระพุทธเจ้าผู้เป็นเผ่าแห่งพระราชาผู้สูงศักดิ์ตรัสไว้ ๑๘ หมวด
ขอท่านจงฟังวิสัยของข้าพเจ้าผู้รู้เฉพาะวินัย.
กรรม ๑๖ อย่าง
[๑๒๘๔] ถามว่า กรรมอันพระพุทธเจ้าผู้เป็นเผ่าแห่งพระราชาผู้สูงศักดิ์ตรัสไว้เท่าไร? ข้าพเจ้า
ทั้งหลาย ขอฟังนิสัยของท่านผู้รู้เฉพาะพระวินัย
ตอบว่า กรรมอันพระพุทธเจ้าผู้เป็นเผ่าแห่งพระราชาผู้สูงศักดิ์ตรัสไว้ ๑๖ ขอท่านจง
ฟังวิสัยของข้าพเจ้าผู้รู้เฉพาะพระวินัย.
โทษแห่งกรรม ๑๒
[๑๒๘๕] ถามว่า โทษแห่งกรรม อันพระพุทธเจ้าผู้เป็นเผ่าแห่งพระราชาผู้สูงศักดิ์ตรัสไว้เท่าไร?
ข้าพเจ้าทั้งหลายขอฟังวิสัยของท่านผู้รู้เฉพาะพระวินัย.
ตอบว่า โทษแห่งกรรม อันพระพุทธเจ้าผู้เป็นเผ่าแห่งพระราชาผู้สูงศักดิ์ตรัสไว้ ๑๒
อย่าง ขอท่านจงฟังวิสัยของข้าพเจ้าผู้รู้เฉพาะพระวินัย.
กรรมสมบัติ ๔
[๑๒๘๖] ถามว่า กรรมสมบัติ อันพระพุทธเจ้าผู้เป็นเผ่าแห่งพระราชาผู้สูงศักดิ์ตรัสไว้เท่าไร?
ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอฟังวิสัยของท่านผู้รู้เฉพาะพระวินัย.
ตอบว่า กรรมสมบัติ อันพระพุทธเจ้าผู้เป็นเผ่าแห่งพระราชาผู้สูงศักดิ์ตรัสไว้ ๔ อย่าง
ขอท่านจงฟังวิสัยของข้าพเจ้าผู้รู้เฉพาะวินัย.
กรรม ๖
[๑๒๘๗] ถามว่า กรรมอันพระพุทธเจ้าผู้เป็นเผ่าแห่งพระราชาผู้สูงศักดิ์ตรัสไว้เท่าไร? ข้าพเจ้า
ทั้งหลายขอฟังวิสัยของท่านผู้รู้เฉพาะพระวินัย
ตอบว่า กรรมอันพระพุทธเจ้าผู้เป็นเผ่าแห่งพระราชาผู้สูงศักดิ์ตรัสไว้ ๖ อย่าง ขอท่าน
จงฟังวิสัยของข้าพเจ้าผู้รู้เฉพาะพระวินัย.
กรรม ๔
[๑๒๘๘] ถามว่า กรรมอันพระพุทธเจ้าผู้เป็นเผ่าแห่งพระราชาผู้สูงศักดิ์ตรัสไว้เท่าไร? ข้าพเจ้า
ทั้งหลายขอฟังวิสัยของท่านผู้รู้เฉพาะพระวินัย,
ตอบว่า กรรมอันพระพุทธเจ้าผู้เป็นเผ่าแห่งพระราชาผู้สูงศักดิ์ตรัสไว้ ๔ อย่าง ขอท่าน
จงฟังวิสัยของข้าพเจ้าผู้รู้เฉพาะพระวินัย
ปาราชิก ๘
[๑๒๘๙] ถามว่า ปาราชิก อันพระพุทธเจ้าผู้เป็นเผ่าแห่งพระราชาผู้สูงศักดิ์ตรัสไว้เท่าไร?
ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอฟังวิสัยของท่านผู้รู้เฉพาะพระวินัย.
ตอบว่า ปาราชิก อันพระพุทธเจ้าผู้เป็นเผ่าแห่งพระราชาผู้สูงศักดิ์ตรัสไว้ ๘ ขอท่าน
จงฟังวิสัยของข้าพเจ้าผู้รู้เฉพาะพระวินัย.
สังฆาทิเสส ๒๓
[๑๒๙๐] ถามว่า สังฆาทิเสส อันพระพุทธเจ้าผู้เป็นเผ่าแห่งพระราชาผู้สูงศักดิ์ตรัสไว้เท่าไร?
ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอฟังนิสัยของท่านผู้รู้ เฉพาะพระวินัย
ตอบว่า สังฆาทิเสส อันพระพุทธเจ้าผู้เป็นเผ่าแห่งพระราชาผู้สูงศักดิ์ตรัสไว้ ๒๓
ขอท่านจงฟังวิสัยของข้าพเจ้าผู้รู้เฉพาะพระวินัย.
อนิยต ๒
[๑๒๙๑] ถามว่า อนิยต อันพระพุทธเจ้าผู้เป็นเผ่าแห่งพระราชาผู้สูงศักดิ์ตรัสไว้เท่าไร?
ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอฟังวิสัยของท่านผู้รู้เฉพาะพระวินัย
ตอบว่า อนิยต อันพระพุทธเจ้าผู้เป็นเผ่าแห่งพระราชาผู้สูงศักดิ์ตรัสไว้ ๒ ขอท่าน
จงฟังวิสัยของข้าพเจ้าผู้รู้เฉพาะพระวินัย.
นิสสัคคิยะ ๔๒
[๑๒๙๒] ถามว่า นิสสัคคิยะ อันพระพุทธเจ้าผู้เป็นเผ่าแห่งพระราชาผู้สูงศักดิ์ตรัสไว้เท่าไร?
ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอฟังวิสัยของท่านผู้รู้เฉพาะพระวินัย
ตอบว่า นิสสัคคิยะ อันพระพุทธเจ้าผู้เป็นเผ่าแห่งพระราชาผู้สูงศักดิ์ตรัสไว้ ๔๒
ของท่านจงฟังวิสัยของข้าพเจ้าผู้รู้เฉพาะพระวินัย.
ปาจิตติยะ ๑๘๘
[๑๒๙๓] ถามว่า ปาจิตติยะ อันพระพุทธเจ้าผู้เป็นเผ่าแห่งพระราชาผู้สูงศักดิ์ตรัสไว้เท่าไร?
ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอฟังวิสัยของท่านผู้รู้เฉพาะพระวินัย
ตอบว่า ปาจิตติยะ อันพระพุทธเจ้าผู้เป็นเผ่าแห่งพระราชาผู้สูงศักดิ์ตรัสไว้ ๑๘๘
ขอท่านจงฟังวิสัยของข้าพเจ้าผู้รู้เฉพาะพระวินัย.
ปาฏิเทสนียะ ๑๒
[๑๒๙๔] ถามว่า ปาฏิเทสนียะ อันพระพุทธเจ้าผู้เป็นเผ่าแห่งพระราชาผู้สูงศักดิ์ตรัสไว้เท่าไร?
ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอฟังวิสัยของท่านผู้รู้เฉพาะพระวินัย
ตอบว่า ปาฏิเทสนียะ อันพระพุทธเจ้าผู้เป็นเผ่าแห่งพระราชาผู้สูงศักดิ์ตรัสไว้ ๑๒
ขอท่านจงฟังวิสัยของข้าพเจ้าผู้รู้เฉพาะวินัย.
เสขิยะ ๗๕
[๑๒๙๕] ถามว่า เสขิยะ อันพระพุทธเจ้าผู้เป็นเผ่าแห่งพระราชาผู้สูงศักดิ์ตรัสไว้เท่าไร?
ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอฟังวิสัยของผู้รู้เฉพาะพระวินัย
ตอบว่า เสขิยะ อันพระพุทธเจ้าผู้เป็นเผ่าแห่งพระราชาผู้สูงศักดิ์ตรัสไว้ ๗๕ ขอท่าน
จงฟังวิสัยของข้าพเจ้าผู้รู้เฉพาะพระวินัย.
ปัญหาข้อใด ท่านถามแล้วด้วยดีฉันใด ปัญหาข้อนั้นข้าพเจ้าตอบแล้วด้วยดีฉันนั้น
อนึ่ง ในคำถามและคำตอบจะไม่อ้างถึงสูตรอะไรไม่มีแล.
ทุติยคาถาสังคณิกะ จบ.
-----------------------------------------------------
เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๘ บรรทัดที่ ๑๒๖๐๗-๑๒๘๘๒ หน้าที่ ๔๘๕-๔๙๗.
http://84000.org/tipitaka/read/v.php?B=8&A=12607&Z=12882&pagebreak=0
http://84000.org/tipitaka/read/r.php?B=8&A=12607&pagebreak=0
ฟังเนื้อความพระไตรปิฎก : [1], [2], [3], [4]
อ่านเทียบพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาฯ :-
http://84000.org/tipitaka/read/m_siri.php?B=8&siri=121
ศึกษาอรรถกถาได้ที่ :-
http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=8&i=1242
พระไตรปิฏกฉบับภาษาบาลีอักษรไทย :-
http://84000.org/tipitaka/read/pali_read.php?B=8&A=10466
อ่านอรรถกถาภาษาบาลีอักษรไทย :-
http://84000.org/tipitaka/atthapali/read_th.php?B=3&A=11863
The Pali Tipitaka in Roman :-
http://84000.org/tipitaka/read/roman_read.php?B=8&A=10466
The Pali Atthakatha in Roman :-
http://84000.org/tipitaka/atthapali/read_rm.php?B=3&A=11863
สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่ ๘
http://84000.org/tipitaka/read/?index_8
อ่านเทียบฉบับแปลอังกฤษ Compare with English Translation :-
https://suttacentral.net/pli-tv-pvr19/en/brahmali
https://suttacentral.net/pli-tv-pvr19/en/horner-brahmali
บันทึก ๒๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๖.
บันทึก ๓๐ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๙.
บันทึกล่าสุด ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๐.
การแสดงผลนี้อ้างอิงข้อมูลจากพระไตรปิฎกฉบับหลวง.
หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]
