บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ |
บทว่า ชานาสิ โน ท่านแก้เป็น ชานาสิ นุ แปลว่า ย่อมทรงทราบ หรือหนอ. บทว่า นิโมกฺขํ เป็นต้น เป็นชื่อของธรรมทั้งหลายมีมรรคเป็นต้น. จริงอยู่ สัตว์ทั้งหลายย่อมหลีกพ้นจากเครื่องผูก คือกิเลสได้ด้วยมรรค เพราะฉะนั้น ท่านจึงกล่าวว่า มรรคเป็นทางหลีกพ้นของสัตว์ทั้งหลายดังนี้. ส่วนในขณะแห่งผล สัตว์ทั้งหลายเหล่านั้นหลุดพ้นแล้วจากเครื่องผูกคือกิเลส เพราะฉะนั้น ท่านจึงกล่าวว่า ผลเป็นความหลุดพ้นของสัตว์ทั้งหลาย ดังนี้. ทุกข์ทั้งปวงของสัตว์ทั้งหลายย่อมสงบระงับไปเพราะบรรลุพระนิพพาน ฉะนั้นจึงกล่าวว่า พระนิพพานเป็นที่สงัด ดังนี้. อีกอย่างหนึ่ง ธรรมทั้งหมดเหล่านี้ (มรรค ผล) เป็นชื่อของพระนิพพานนั่นแหละ เพราะว่า สัตว์ทั้งหลายย่อมพ้น ย่อมหลุดพ้น ย่อมสงบระงับจากทุกข์ทั้งหมดเพราะบรรลุพระนิพพาน เพราะฉะนั้น นิพพานนั้นแล ท่านจึงกล่าวว่า นิโมกฺโข หลีกพ้น ปโมกฺโข หลุดพ้น วิเวโก ที่สงัดดังนี้ ทีเดียว. บทว่า ชานามิ ขฺวาหํ แปลว่า เราย่อมรู้จักโดยแท้จริง. โข อักษรใช้ในความหมายว่า แท้จริง. อธิบายว่า เราย่อมรู้ได้โดยแท้จริง. จริงอยู่ เรา (พระตถาคต) ยังบารมี ๓๐ ทัศให้เต็มแล้วแทงตลอดสัพพัญญุตญาณ เพื่อรู้ธรรมอันเป็นทางหลีกพ้นของสัตว์ทั้งหลายเป็นต้นนั่นแหละ ด้วยเหตุนี้ เราจึงบันลือสีหนาท. ได้ยินว่า สูตรนี้ชื่อว่า พุทธสีหนาท. บทว่า นนฺทิภวปริกฺขยา อธิบายว่า เพราะความสิ้นไปรอบแห่งกัมมภพอันมีความเพลิดเพลินเป็นมูล แม้จะกล่าวว่า เพราะความสิ้นไปแห่งความเพลิดเพลินและภพ ดังนี้ก็ควร. ในปุริมนัยนั้น บัณฑิตพึงทราบว่า สังขารขันธ์อันกัมมภพถือเอาแล้ว ด้วยอำนาจแห่งอภิสังขารคือกรรม ๓ อย่าง. ขันธ์ ๒ (เวทนาและสัญญาขันธ์) อันสัมปยุตด้วยธรรม (สังขารขันธ์) นั้นอันสัญญาและวิญญาณขันธ์ถือเอาแล้ว. แต่เวทนาอันสัมปยุตด้วยขันธ์ ๓ (สัญญาสังขารวิญญาณขันธ์) เหล่านั้น ท่านถือเอาแล้ว ด้วยการถือเอานามธรรมเหล่านั้น เพราะฉะนั้น นิพพานซึ่งดับกิเลสยังมีชีวิตอยู่ (สอุปาทิเสสนิพพาน) อันพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสแล้วด้วยสามารถแห่งความไม่มีต่อไป (คือเป็นที่สงัด) แห่งนามขันธ์ ๔ อันเป็นอนุปาทินนกะ ดังนี้. ในบทว่า เวทนานํ นิโรธา อุปสมา ได้แก่ เพราะความดับ และเพราะความสงบแห่งเวทนาอันเป็นอุปาทินนกะ. ในพระบาลีนั้น ขันธ์ ๓ อันสัมปยุตด้วยเวทนานั้น เป็นธรรมอันท่านถือเอาแล้ว โดยการถือเอาเวทนาเทียว. แม้รูปขันธ์ ท่านก็ถือเอาด้วยสามารถแห่งวัตถุและอารมณ์ของนามขันธ์เหล่านั้น. ด้วยเหตุนี้ นิพพานอันไม่มีกัมมชรูปและวิบากขันธ์เหลืออยู่ (อนุปาทิเสสนิพพาน) จึงตรัสไว้ด้วยสามารถแห่งความไม่มีต่อไป (คือเป็นที่สงัด) แห่งขันธ์ ๕ อันเป็นอนุปาทินนกะ ดังนี้ ด้วยประการฉะนี้. แต่ในนัยที่ ๒ สังขารขันธ์ ท่านถือเอาโดยการถือเอานันทิ คือความเพลิดเพลิน. รูป พระเถระผู้เรียนคัมภีร์นิกาย ๔ ชอบใจนัยนี้ทีเดียว. พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงยังเทศนาให้จบลงแล้วด้วยสามารถแห่งพระนิพพานด้วยประการฉะนี้แล. จบอรรถกถานิโมกขสูตรที่ ๒ ----------------------------------------------------- .. อรรถกถา สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เทวตาสังยุต นฬวรรคที่ ๑ นิโมกขสูตรที่ ๒ จบ. |