ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
                      พระองค์นั้น
บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ
     ฉบับหลวง   ฉบับมหาจุฬาฯ   บาลีอักษรไทย   PaliRoman 
อ่านหน้า[ต่าง] แรกอ่านหน้า[ต่าง] ที่แล้วอ่านหน้า[ต่าง] ถัดไปอ่านหน้า[ต่าง] สุดท้าย
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๘ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๐ [ฉบับมหาจุฬาฯ] สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค

พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค [๔. ชัมพุขาทกสังยุต]

๑๑. โอฆปัญหาสูตร

๑๐. ตัณหาปัญหาสูตร
ว่าด้วยปัญหาเรื่องตัณหา
[๓๒๓] ชัมพุขาทกปริพาชกถามว่า “ท่านสารีบุตร ที่เรียกกันว่า ‘ตัณหา ตัณหา’ ตัณหามีเท่าไร” ท่านพระสารีบุตรตอบว่า “ผู้มีอายุ ตัณหามี ๓ ประการนี้ คือ ๑. กามตัณหา (ความทะยานอยากในกาม) ๒. ภวตัณหา (ความทะยานอยากในภพ) ๓. วิภวตัณหา (ความทะยานอยากในวิภพ) ตัณหามี ๓ ประการนี้แล” “มีมรรค มีปฏิปทาเพื่อละตัณหาเหล่านั้นอยู่หรือ” “มีมรรค มีปฏิปทาเพื่อละตัณหาเหล่านั้นอยู่” “มรรคเป็นอย่างไร ปฏิปทาเพื่อละตัณหาเหล่านั้นเป็นอย่างไร” “ผู้มีอายุ คือ อริยมรรคมีองค์ ๘ นี้แล เพื่อละตัณหาเหล่านั้น ได้แก่ ๑. สัมมาทิฏฐิ ฯลฯ ๘. สัมมาสมาธิ นี้แลคือมรรค นี้คือปฏิปทาเพื่อละตัณหาเหล่านั้น” “ท่านสารีบุตร มรรคดีจริงหนอ ปฏิปทาเพื่อละตัณหาเหล่านั้นดีจริงหนอ และควรที่จะไม่ประมาท”
ตัณหาปัญหาสูตรที่ ๑๐ จบ
๑๑. โอฆปัญหาสูตร
ว่าด้วยปัญหาเรื่องโอฆะ
[๓๒๔] ชัมพุขาทกปริพาชกถามว่า “ท่านสารีบุตร ที่เรียกกันว่า ‘โอฆะ โอฆะ’ โอฆะมีเท่าไร” ท่านพระสารีบุตรตอบว่า “ผู้มีอายุ โอฆะมี ๔ ประการนี้ คือ {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๑๘ หน้า : ๓๔๒}

พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค [๔. ชัมพุขาทกสังยุต]

๑๒. อุปาทานปัญหาสูตร

๑. กาโมฆะ (โอฆะคือกาม) ๒. ภโวฆะ (โอฆะคือภพ) ๓. ทิฏโฐฆะ (โอฆะคือทิฏฐิ) ๔. อวิชโชฆะ (โอฆะคืออวิชชา) โอฆะมี ๔ ประการนี้แล” “มีมรรค มีปฏิปทาเพื่อละโอฆะเหล่านั้นอยู่หรือ” “มีมรรค มีปฏิปทาเพื่อละโอฆะเหล่านั้นอยู่” “มรรคเป็นอย่างไร ปฏิปทาเพื่อละโอฆะเหล่านั้นเป็นอย่างไร” “ผู้มีอายุ คือ อริยมรรคมีองค์ ๘ นี้แล เพื่อละโอฆะเหล่านั้น ได้แก่ ๑. สัมมาทิฏฐิ ฯลฯ ๘. สัมมาสมาธิ นี้แลคือมรรค นี้คือปฏิปทาเพื่อละโอฆะเหล่านั้น” “ท่านสารีบุตร มรรคดีจริงหนอ ปฏิปทาเพื่อละโอฆะเหล่านั้นดีจริงหนอ และ ควรที่จะไม่ประมาท”
โอฆปัญหาสูตรที่ ๑๑ จบ
๑๒. อุปาทานปัญหาสูตร
ว่าด้วยปัญหาเรื่องอุปาทาน
[๓๒๕] ชัมพุขาทกปริพาชกถามว่า “ท่านสารีบุตร ที่เรียกกันว่า ‘อุปาทาน อุปาทาน’ อุปาทานมีเท่าไร” ท่านพระสารีบุตรตอบว่า “ผู้มีอายุ อุปาทานมี ๔ ประการนี้ คือ ๑. กามุปาทาน (ความยึดมั่นในกาม) ๒. ทิฏฐุปาทาน (ความยึดมั่นในทิฏฐิหรือทฤษฎี) ๓. สีลัพพตุปาทาน (ความยึดมั่นในศีลและพรต) ๔. อัตตวาทุปาทาน (ความยึดมั่นในวาทะว่าอัตตา) อุปาทานมี ๔ ประการนี้แล” “มีมรรค มีปฏิปทาเพื่อละอุปาทานเหล่านั้นอยู่หรือ” “มีมรรค มีปฏิปทาเพื่อละอุปาทานเหล่านั้นอยู่” {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๑๘ หน้า : ๓๔๓}

พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค [๔. ชัมพุขาทกสังยุต]

๑๕. สักกายปัญหาสูตร

“มรรคเป็นอย่างไร ปฏิปทาเพื่อละอุปาทานเหล่านั้นเป็นอย่างไร” “ผู้มีอายุ คือ อริยมรรคมีองค์ ๘ นี้แล เพื่อละอุปาทานเหล่านั้น ได้แก่ ๑. สัมมาทิฏฐิ ฯลฯ ๘. สัมมาสมาธิ นี้แลคือมรรค นี้คือปฏิปทาเพื่อละอุปาทานเหล่านั้น” “ท่านสารีบุตร มรรคดีจริงหนอ ปฏิปทาเพื่อละอุปาทานเหล่านั้นดีจริงหนอ และควรที่จะไม่ประมาท”
อุปาทานปัญหาสูตรที่ ๑๒ จบ
๑๓. ภวปัญหาสูตร
ว่าด้วยปัญหาเรื่องภพ
[๓๒๖] ชัมพุขาทกปริพาชกถามว่า “ท่านสารีบุตร ที่เรียกกันว่า ‘ภพ ภพ’ ภพมีเท่าไร” ท่านพระสารีบุตรตอบว่า “ผู้มีอายุ ภพมี ๓ ประการนี้ คือ ๑. กามภพ (ภพที่เป็นกามาวจร) ๒. รูปภพ (ภพที่เป็นรูปาวจร) ๓. อรูปภพ (ภพที่เป็นอรูปาวจร) ภพมี ๓ ประการนี้แล” “มีมรรค มีปฏิปทาเพื่อกำหนดรู้ภพเหล่านั้นอยู่หรือ” “มีมรรค มีปฏิปทาเพื่อกำหนดรู้ภพเหล่านั้นอยู่” “มรรคเป็นอย่างไร ปฏิปทาเพื่อกำหนดรู้ภพเหล่านั้นเป็นอย่างไร” “ผู้มีอายุ คือ อริยมรรคมีองค์ ๘ นี้แล เพื่อกำหนดรู้ภพเหล่านั้น ได้แก่ ๑. สัมมาทิฏฐิ ฯลฯ ๘. สัมมาสมาธิ นี้แลคือมรรค นี้คือปฏิปทาเพื่อกำหนดรู้ภพเหล่านั้น” “ท่านสารีบุตร มรรคดีจริงหนอ ปฏิปทาเพื่อกำหนดรู้ภพเหล่านั้นดีจริงหนอ และควรที่จะไม่ประมาท”
ภวปัญหาสูตรที่ ๑๓ จบ
{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๑๘ หน้า : ๓๔๔}

พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค [๔. ชัมพุขาทกสังยุต]

๑๕. สักกายปัญหาสูตร

๑๔. ทุกขปัญหาสูตร
ว่าด้วยปัญหาเรื่องทุกข์
[๓๒๗] ชัมพุขาทกปริพาชกถามว่า “ท่านสารีบุตร ที่เรียกกันว่า ‘ทุกข์ ทุกข์’ ทุกข์มีเท่าไร” ท่านพระสารีบุตรตอบว่า “ผู้มีอายุ สภาวทุกข์มี ๓ ประการนี้ คือ ๑. สภาวทุกข์คือทุกข์ ๒. สภาวทุกข์คือสังขาร ๓. สภาวทุกข์คือความแปรผันไป สภาวทุกข์มี ๓ อย่างเหล่านี้” “มีมรรค มีปฏิปทาเพื่อกำหนดรู้สภาวทุกข์เหล่านั้นอยู่หรือ” “มีมรรค มีปฏิปทาเพื่อกำหนดรู้สภาวทุกข์เหล่านั้นอยู่” “มรรคเป็นอย่างไร ปฏิปทาเพื่อกำหนดรู้สภาวทุกข์เหล่านั้นเป็นอย่างไร” “ผู้มีอายุ คือ อริยมรรคมีองค์ ๘ นี้แล เพื่อกำหนดรู้สภาวทุกข์เหล่านั้น ได้แก่ ๑. สัมมาทิฏฐิ ฯลฯ ๘. สัมมาสมาธิ นี้แลคือมรรค นี้คือปฏิปทาเพื่อกำหนดรู้สภาวทุกข์เหล่านั้น” “ท่านสารีบุตร มรรคดีจริงหนอ ปฏิปทาเพื่อกำหนดรู้สภาวทุกข์เหล่านั้นดี จริงหนอ และควรที่จะไม่ประมาท”
ทุกขปัญหาสูตรที่ ๑๔ จบ
๑๕. สักกายปัญหาสูตร
ว่าด้วยปัญหาเรื่องสักกายะ
[๓๒๘] ชัมพุขาทกปริพาชกถามว่า “ท่านสารีบุตร ที่เรียกกันว่า ‘สักกายะ (กายของตน) สักกายะ’ สักกายะคืออะไร” ท่านพระสารีบุตรตอบว่า “ผู้มีอายุ อุปาทานขันธ์ ๕ นี้พระผู้มีพระภาค ตรัสเรียกว่า สักกายะ ได้แก่ {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๑๘ หน้า : ๓๔๕}

พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค [๔. ชัมพุขาทกสังยุต]

๑๖. ทุกกรปัญหาสูตร

๑. รูปูปาทานขันธ์ (อุปาทานขันธ์คือรูป) ๒. เวทนูปาทานขันธ์ (อุปาทานขันธ์คือเวทนา) ๓. สัญญูปาทานขันธ์ (อุปาทานขันธ์คือสัญญา) ๔. สังขารูปาทานขันธ์ (อุปาทานขันธ์คือสังขาร) ๕. วิญญาณูปาทานขันธ์ (อุปาทานขันธ์คือวิญญาณ) อุปาทานขันธ์ ๕ นี้แลพระผู้มีพระภาคตรัสเรียกว่า สักกายะ” “มีมรรค มีปฏิปทาเพื่อกำหนดรู้สักกายะนั้นอยู่หรือ” “มีมรรค มีปฏิปทาเพื่อกำหนดรู้สักกายะนั้นอยู่” “มรรคเป็นอย่างไร ปฏิปทาเพื่อกำหนดรู้สักกายะนั้นเป็นอย่างไร” “ผู้มีอายุ คือ อริยมรรคมีองค์ ๘ นี้แล เพื่อกำหนดรู้สักกายะนั้น ได้แก่ ๑. สัมมาทิฏฐิ ฯลฯ ๘. สัมมาสมาธิ นี้แลคือมรรค นี้คือปฏิปทาเพื่อกำหนดรู้สักกายะนั้น” “ท่านสารีบุตร มรรคดีจริงหนอ ปฏิปทาเพื่อกำหนดรู้สักกายะนั้นดีจริงหนอ และควรที่จะไม่ประมาท”
สักกายปัญหาสูตรที่ ๑๕ จบ
๑๖. ทุกกรปัญหาสูตร
ว่าด้วยปัญหาเรื่องสิ่งที่ทำได้ยาก
[๓๒๙] ชัมพุขาทกปริพาชกถามว่า “ท่านสารีบุตร อะไรหนอที่ทำได้ยากใน พระธรรมวินัยนี้” ท่านพระสารีบุตรตอบว่า “ผู้มีอายุ การบรรพชาทำได้ยากในพระธรรมวินัยนี้” “อะไรที่บรรพชิตทำได้ยาก” “ความยินดียิ่ง บรรพชิตทำได้ยาก” “อะไรที่บรรพชิตผู้ยินดียิ่งทำได้ยาก” {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๑๘ หน้า : ๓๔๖}

พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค [๔. ชัมพุขาทกสังยุต]

รวมพระสูตรที่มีในวรรค

“การปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรมที่บรรพชิตผู้ยินดียิ่งทำได้ยาก” “ภิกษุผู้ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม นานเท่าไรจึงจะเป็นพระอรหันต์” “ไม่นานดอก ผู้มีอายุ”
ทุกกรปัญหาสูตรที่ ๑๖ จบ
รวมพระสูตรที่มีในวรรคนี้คือ
๑. นิพพานปัญหาสูตร ๒. อรหัตตปัญหาสูตร ๓. ธัมมวาทีปัญหาสูตร ๔. กิมัตถิยสูตร ๕. อัสสาสัปปัตตสูตร ๖. ปรมัสสาสัปปัตตสูตร ๗. เวทนาปัญหาสูตร ๘. อาสวปัญหาสูตร ๙. อวิชชาปัญหาสูตร ๑๐. ตัณหาปัญหาสูตร ๑๑. โอฆปัญหาสูตร ๑๒. อุปาทานปัญหาสูตร ๑๓. ภวปัญหาสูตร ๑๔. ทุกขปัญหาสูตร ๑๕. สักกายปัญหาสูตร ๑๖. ทุกกรปัญหาสูตร
ชัมพุขาทกสังยุต จบบริบูรณ์
{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๑๘ หน้า : ๓๔๗}

             เนื้อความพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาฯ เล่มที่ ๑๘ หน้าที่ ๓๔๒-๓๔๗. http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/m_read.php?B=18&A=9534&w= http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/m_siri.php?B=18&siri=254              ฟังเนื้อความพระไตรปิฎก : [1], [2].              อ่านเทียบพระไตรปิฎกฉบับหลวง :- http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=18&A=6591&Z=6815&pagebreak=0              ศึกษาอรรถกถานี้ได้ที่ :- http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=18&i=497              ศึกษาพระไตรปิฏกฉบับภาษาบาลี อักษรไทย :- http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/pali_item_s.php?book=18&item=497&items=16              ศึกษาพระไตรปิฏกฉบับภาษาบาลี อักษรโรมัน :- http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/roman_item_s.php?book=18&item=497&items=16              สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๘ http://84000.org/tipitaka/read/?index_mcu18

อ่านหน้า[ต่าง] แรกอ่านหน้า[ต่าง] ที่แล้วอ่านหน้า[ต่าง] ถัดไปอ่านหน้า[ต่าง] สุดท้าย

บันทึก ๕ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๙. การแสดงผลนี้อ้างอิงข้อมูลจาก พระไตรปิฎก ฉบับมหาจุฬาฯ. หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]