ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
                      พระองค์นั้น
บทนำ  พระวินัยปิฎก  พระสุตตันตปิฎก  พระอภิธรรมปิฎก  ค้นพระไตรปิฎก  ชาดก  หนังสือธรรมะ 
 
อ่านอรรถกถา 2 / 1อ่านอรรถกถา 2 / 543อรรถกถา เล่มที่ 2 ข้อ 547อ่านอรรถกถา 2 / 555อ่านอรรถกถา 2 / 881
อรรถกถา ปาจิตติยกัณฑ์
ปาจิตติย์ อเจลกวรรคที่ ๕ สิกขาบทที่ ๖

               อเจลกวรรค จาริตสิกขาบทที่ ๖               
               ในสิกขาบทที่ ๖ มีวินิจฉัยดังนี้ :-

               [แก้อรรถบางปาฐะปฐมบัญญัติและอนุบัญญัติ]               
               ในคำว่า เทถาวุโส ภตฺตํ นี้ มีวินิจฉัยว่า
               ได้ยินว่า ภัตนั้นเป็นของที่พวกชาวบ้านน้อมนำมาแล้ว เพราะเหตุนั้น พวกภิกษุจึงได้กล่าวอย่างนั้น. แต่ในภัตตาหารที่พวกชาวบ้านมิได้น้อมนำมา ภิกษุย่อมไม่ได้เพื่อที่จะกล่าวอย่างนั้น (กล่าวว่า ให้ภัตตาหารเถิด อาวุโส) เป็นปยุตตวาจา (การออกปากขอของ).
               ก็พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสคำนี้ว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ถ้าเช่นนั้นพวกเธอจงรับประเคนแล้วเก็บไว้ ดังนี้ เพื่อต้องการรักษาศรัทธาของตระกูล. ก็ถ้าว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าพึงตรัสว่า พวกเธอแบ่งกันฉันเถิด, พวกชาวบ้านจะพึงคลายความเลื่อมใส.
               บทว่า อุสฺสาทยิตฺถ แปลว่า ได้ถูกนำกลับคืนไป.
               มีคำอธิบายว่า พวกชาวบ้านได้นำขาทนียะนั้นกลับไปยังเรือนอย่างเดิม.
               ในคำว่า สนฺตํภีกฺขุํ นี้ มีวินิจฉัยดังนี้ :-
               ภิกษุชื่อว่ามีอยู่ด้วยเหตุมีประมาณเท่าไร? ชื่อว่าไม่มี ด้วยเหตุมีประมาณเท่าไร? คือภิกษุผู้อยู่ในสถานแห่งใดภายในวิหาร เกิดมีความคิดว่า จะเข้าไปเยี่ยมตระกูล, จำเดิมแต่นั้น เห็นภิกษุใดที่ข้างๆ หรือตรงหน้า หรือภิกษุใดที่ตนอาจจะบอกด้วยคำพูดตามปกติได้, ภิกษุนี้ชื่อว่า มีอยู่. แต่ไม่มีกิจที่จะต้องเที่ยวไปบอกลาทางโน้นและทางนี้.
               จริงอยู่ ภิกษุที่ตนต้องเที่ยวหาบอกลาอย่างนี้ ชื่อว่าไม่มีนั่นเอง.
               อีกนัยหนึ่ง ภิกษุไปด้วยทำในใจว่า เราพบภิกษุภายในอุปจารสีมาแล้วจักบอกลา พึงบอกลาภิกษุที่ตนเห็นภายในอุปจารสีมานั้น ถ้าไม่พบภิกษุ ชื่อว่าเป็นผู้เข้าไปไม่บอกลาภิกษุที่ไม่มี.
               บทว่า อนฺตรารามํ ได้แก่ ไปสู่วิหารที่มีอยู่ในภายในบ้าน.
               บทว่า ภตฺติยฆรํ ได้แก่ เรือนที่เขานิมนต์ หรือเรือนของพวกชาวบ้านผู้ถวายสลากภัตเป็นต้น.
               บทว่า อาปทาสุ มีความว่า เมื่อมีอันตรายแห่งชีวิตและพรหมจรรย์จะไปก็ควร.
               บทที่เหลือในสิกขาบทนี้ ตื้นทั้งนั้น.
               สิกขาบทนี้มีสมุฏฐานเหมือนกฐินสิกขาบท เกิดขึ้นทางกายกับวาจา ๑ ทางกายวาจากับจิต ๑ เป็นทั้งกิริยาทั้งอกิริยา เป็นโนสัญญาวิโมกข์ อจิตตกะ ปัณณัตติวัชชะ กายกรรม วจีกรรม มีจิต ๓ มีเวทนา ๓ ดังนี้แล.

               จาริตสิกขาบทที่ ๖ จบ.               
               ------------------------------------------------------------               

.. อรรถกถา ปาจิตติยกัณฑ์ ปาจิตติย์ อเจลกวรรคที่ ๕ สิกขาบทที่ ๖ จบ.
อ่านอรรถกถา 2 / 1อ่านอรรถกถา 2 / 543อรรถกถา เล่มที่ 2 ข้อ 547อ่านอรรถกถา 2 / 555อ่านอรรถกถา 2 / 881
อ่านเนื้อความในพระไตรปิฎก
https://84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=2&A=11483&Z=11621
อ่านอรรถกถาภาษาบาลีอักษรไทย
https://84000.org/tipitaka/atthapali/read_th.php?B=2&A=9429
The Pali Atthakatha in Roman
https://84000.org/tipitaka/atthapali/read_rm.php?B=2&A=9429
- -- ---- ----------------------------------------------------------------------------
ดาวน์โหลด โปรแกรมพระไตรปิฎก
บันทึก  ๒๘  พฤศจิกายน  พ.ศ.  ๒๕๕๕
หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]

สีพื้นหลัง :