![]() |
บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ |
![]() |
![]() | |
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() สองบทว่า เทฺว เอกานุสฺสาวเน มีความว่า เราอนุญาตให้ภิกษุทำการสวดประกาศอุปสัมปทาเปกขะ ๒ คนรวมกันได้. อธิบายว่า เราอนุญาตให้อาจารย์ ๒ รูปอย่างนี้ คือ อาจารย์รูป ๑ สำหรับอุปสัมปทาเปกขะคน ๑ อาจารย์อื่นสำหรับอุปสัมปทาเปกขะอีกคน ๑ หรืออาจารย์รูปเดียวสวดกรรมวาจาประกาศให้อุปสมบทในขณะเดียวกันได้. คำว่า เทฺว เทฺว ตโย เอกานุสฺสาวเน กาตุตญฺจ โข เอเกน อุปชฺฌาเยน มีความว่า เราอนุญาตให้ภิกษุทำการสวดประกาศชน ๒ คนหรือ ๓ คนรวมกันโดยนัยก่อนนั่นแล. และเราอนุญาตอนุสสาวนกิริยานั้นแลด้วยอุปัชฌาย์รูปเดียว. เพราะเหตุนั้น อุปสัมปทาเปกขะ ๒ คนหรือ ๓ คนอันอาจารย์รูปเดียว. พึงสวดประกาศ กรรมวาจา ๒ หรือ ๓ อันอาจารย์ ๒ รูปหรือ ๓ รูป พึงสวดด้วยลงมือพร้อมกันทีเดียวอย่างนี้ คือ อาจารย์รูป ๑ พึงสวดแก่อุปสัมปทาเปกขะรูป ๑ แยกๆ กันไป. แต่ถ้าอาจารย์ก็ต่างรูป อุปัชฌาย์ก็ต่างรูปกัน คือพระติสสเถระสวดประกาศ อรรถกถาอุปสัมปทายัตตวิธี ภิกษุใดย่อมสอดส่องโทษและมิใช่โทษ เหตุนั้น ภิกษุนั้นชื่ออุปัชฌาย์. อุปสัมปทาเปกขะนั้น อันภิกษุพึงให้ว่าถืออุปัชฌาย์นั้นอย่างนี้ว่า ขอท่านเป็นอุปัชฌาย์ของข้าพเจ้าเถิดเจ้าข้า. บทว่า วิตฺถายนฺติ มีความว่า อุปสัมปทาเปกขะทั้งหลาย ย่อมเป็นผู้มีตัวแข็งทื่อ. สองบทว่า อุลฺลุมฺปตุ มํ มีความว่า ขอสงฆ์ยกข้าพเจ้าขึ้นเถิด. ศัพท์ ตาวเทว มีความว่า ในเวลาติดต่อกับเวลาที่อุปสัมปทาเปกขะอุปสมบทแล้วทีเดียว. ข้อว่า ฉายา เมตพฺพา มีความว่า พึงวัดเงาว่าชั่วบุรุษ ๑ หรือว่า ๒ ชั่วบุรุษ ข้อว่า อุตุปฺปมาณํ อาจิกฺขิตพฺพํ มีความว่า พึงบอกประมาณฤดูอย่างนี้ว่า ฤดูฝน ฤดูหนาว ฤดูร้อน และฤดูนั่นเองชื่อประมาณแห่งฤดูในคำนี้. ถ้าฤดูทั้งหลายมีฤดูฝนเป็นต้นยังไม่เต็ม ฤดูใดของอุปสัมบันใดยังไม่เต็มด้วยวันมีประมาณเท่าใด, พึงกำหนดวันเหล่านั้น แห่งฤดูนั้น แล้วบอกส่วนแห่งวัน แก่อุปสัมบันนั้น. อีกประการหนึ่ง พึงบอกประมาณฤดูอย่างนี้ว่า ฤดูชื่อนี้ทั้งฤดูนั้นแลเต็มหรือยังไม่เต็ม พึงบอกส่วนแห่งวันอย่างนี้ว่า เช้าหรือเย็น. บทว่า สงฺคีติ เป็นต้น มีความว่า พึงประมาณการบอกทั้งหมดมีบอกกำหนดเงาเป็นต้นนี้แลเข้าด้วยกันบอกอย่างนี้ว่า เธออันใครๆ ถามว่า ท่านได้ฤดูอะไร? เงาของท่านเท่าไร? ประมาณฤดูของท่านอย่างไร? ส่วนแห่งวันของท่านเท่าไร? ดังนี้ พึงกล่าวว่า ข้าพเจ้าได้ฤดูชื่อนี้ คือฤดูฝนก็ตาม ฤดูหนาวก็ตาม ฤดูร้อนก็ตาม เงาของข้าพเจ้าเท่านี้ ประมาณฤดูเท่านี้ ส่วนแห่งวันเท่านี้. บทว่า โอหาย ได้แก่ ทิ้ง. สองบทว่า ทุติยํทาตุ ํ มีความว่า เราอนุญาตให้ภิกษุให้เป็นเพื่อนแก่ภิกษุผู้อุปสมบทใหม่ ซึ่งจะไปสู่บริเวณจากโรงที่อุปสมบทและให้บอกอกรณียกิจ ๔. บทว่า ปณฺฑุปลาโส ได้แก่ ใบไม้มีสีเหลือง. สองบทว่า พนฺธนา ปมุตฺโต ได้แก่ หล่นแล้วจากขั้ว. สองบทว่า อภพฺโพ หริตตฺตาย มีความว่า ไม่อาจเป็นของเขียวสดอีก. สองบทว่า ปุถุสิลา ได้แก่ ศิลาใหญ่. ข้อว่า อลพฺภมานาย สามคฺคิยา อนาปตฺติ สมฺโภเค สํวาเส มีความว่า ความพร้อมเพรียงเพื่อประโยชน์แก่การทำอุกเขปนียกรรมแก่ภิกษุนั้น อันภิกษุยังไม่ได้เพียงใด ไม่เป็นอาบัติในเพราะกินร่วม๑- และอยู่ร่วมต่างโดยทำอุโบสถ และปวารณาเป็นต้นกับภิกษุนั้น เพียงนั้น. คำที่เหลือทุกแห่งนับว่าปรากฏแล้วแท้ เพราะเป็นคำที่จะพึงทราบได้ง่าย โดยทำนองที่กล่าวไว้แล้วในมหาวิภังค์ ด้วยประการฉะนี้. ____________________________ ๑- สมฺโภเคติ ธมฺมสมฺโภเค อามิสสมฺโภเค จาติ สารตฺถทีปนี. คำอธิบายความแห่งมหาขันธกะ อันประดับด้วย ๑๗๒ เรื่องในอรรถกถาแห่งพระวินัย ชื่อสมันตปาสาทิกา จบ. ----------------------------------------------------- .. อรรถกถา มหาวรรค ภาค ๑ มหาขันธกะ อุปสมบทกรรม จบ. |