![]() |
บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ |
![]() |
![]() | |
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() บทว่า ปาโมกฺโข ปาโมกข์ มีความว่า เป็นผู้สูงสุด คือมีปัญญาผ่องแผ้ว. บทว่า อนุปหจฺจ ไม่ทำลายแล้ว ได้แก่ไม่ให้เสีย. สองบทว่า เตชสา เตชํ มีความว่า ข่มเดชแห่งนาคด้วยเดชของตน. บทว่า ปริยาเทยฺยํ มีความว่า พึงครอบงำเสีย หรือพาให้วอดวายไป. บทว่า มกฺขํ ได้แก่ ความโกรธ. ข้อว่า น เตฺวว จ โข อรหา ยถา อหํ มีความว่า บุคคลผู้เช่นดังเราสำคัญตนว่า เราเป็นอรหันต์ อวดอ้างอยู่ฉันใด จะได้เป็นอรหันต์ฉันนั้น หามิได้ทีเดียว. สองบทว่า อชฺชุณฺเห อคฺคิสรณมฺหิ มีความว่า เราพึงอยู่ตลอดวันหนึ่งในวันนี้. บทว่า ผาสุกาโม คือ มุ่งจะเกื้อกูล. บทว่า สุมานโส ได้แก่ ผู้มีใจประกอบพร้อมด้วยปีติและโสมนัส. บทว่า น วิมโน ได้แก่ ผู้มีใจดี. อธิบายว่า ใจที่โทสะไม่ครอบงำ. สองบทว่า อคฺยาคารํ อุทิจฺจเร มีความว่า เรือนไฟลุกโพลง. บทว่า ชฏิลา เชื่อมกับบทนี้ว่า ภณนฺติ. หลายบทว่า อหินาคสฺส อจฺจิโย น โหนฺติ มีความว่า เปลวไฟแห่งนาคมีแสงไม่รุ่งเรือง มีสีผิดรูป. บทว่า ผลิกวณฺณาโย คือมีวรรณะเหมือนแก้วผลึก. บทว่า องฺคิรสสฺส มีความว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพระนามว่าอังคีรส เหตุมีพระองค์เป็นแดนสร้านออกแห่งรัศมี แห่งพระผู้มีพระภาคเจ้าผู้ทรงพระนามว่าอังคีรส พระองค์นั้น.๑- สองบทว่า อภิกฺกนฺตาย รตฺติยา มีความว่า เมื่อราตรีสิ้นไปมากแล้ว. อธิบายว่า ยังเหลืออยู่น้อย. บทว่า อภิกฺกนฺตวณฺณา คือ มีวรรณะงาม ได้แก่มีวรรณะน่าชอบใจนัก. บทว่า เกวลกปฺปํ ได้แก่ ทั้งสิ้น คือสิ้นเชิง. ชฎิลอุรุเวลกัสสปะ หมายถึงรัศมีแห่งวรรณะของท้าวมหาราชทั้ง ๔ กล่าวว่า ปุริมาหิ วณฺณนิภาหิ. บทว่า ปาณินา คือด้วยมือ. หลายบทว่า กกุเธ อธิวตฺถา เทวตา ได้แก่ เทวดาผู้สิงอยู่ที่ต้นรกฟ้า. บทว่า วิสฺสชฺเชยฺยํ มีความว่า พึงคลี่ผึ่งไว้เพื่อต้องการจะให้แห้ง. ต้นรกฟ้านั้นน้อมลงราวกะว่าทูลอย่างนี้ว่า พระเจ้าข้าขอพระองค์ทรงเอื้อมพระหัตถ์มาเถิด เพราะฉะนั้น ต้นรกฟ้านั้นจึงชื่อว่า อาหรหตฺโถ น้อมลงดุจทูลว่า ขอจงทรงเอื้อมพระหัตถ์มา. บทว่า อุยฺโยเชตฺวา ได้แก่ทิ้ง. ภาชนะสำหรับติดไฟ เรียกมัณฑามุขี.๒- บทว่า จิรปฏิกา มีความว่า จำเดิมแต่กาลนาน. บทว่า เกสมิสฺสํ เป็นต้น มีความว่า ผมทั้งหลายนั่นเองชื่อว่า เกสมิสฺสํ มวยผม. ทุกบทมีนัยเหมือนกัน. หาบสำหรับใส่บริขารของดาบส ชื่อว่า ขาริกาชะ. ____________________________ ๑- ตั้งวิเคราะห์ให้บทปลงเป็นปฐมาวิภัติก่อนแล้ว จึงใช้สรรพนามโยคตามรูปเดิมทีหลัง อนึ่ง ในวิเคราะห์นี้สงสัยว่าจะตกศัพท์ ฉัฏฐีวิภัติไปศัพท์หนึ่ง. ๒- พระบาลีเป็น มนฺทามุขิโย โบราณว่า เชิงกราน. อรรถกถาอุรุเวลกัสสปาทิวัตถุ จบ. ----------------------------------------------------- .. อรรถกถา มหาวรรค ภาค ๑ มหาขันธกะ เรื่องชฎิล ๓ พี่น้อง จบ. |