![]() |
บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ |
![]() |
![]() | |
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ๑. อรรถกถาเตวิชชวัจฉสูตร๑- เตวิชชวัจฉสูตร มีบทเริ่มต้นว่า เอวมฺเม สุตํ ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้. ในบรรดาบทเหล่านั้นว่า เอกปุณฺฑริเก ต้นมะม่วงขาวท่านเรียกว่าปุณฑริกะ. ชื่อว่า เอกปุณฺฑริโก เพราะต้นปุณฑริกต้นนั้นมีอยู่ต้นเดียวในอารามนั้น. บทว่า เอตทโหสิ คือ พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ทรงมีพระดำริ เพราะมีพระประสงค์จะเสด็จเข้าไป ในปริพพาชการามนั้น. บทว่า จิรสฺสํ โข ภนฺเต ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ กว่าพระองค์จะเสด็จมานานทีเดียว หมายถึงเคยเสด็จมาตามปรกติ. ในบทว่า ธมฺมสฺส จ อนุธมฺมํ ธรรมสมควรแก่ธรรมนี้ สัพพัญญุตญาณ ชื่อว่าธรรม. การพยากรณ์ บทที่เหลือมีนัยดังกล่าวแล้วในชีวกสูตรนั่นแล. บทว่า น เม ไม่เป็นอันกล่าวตามคำที่เรากล่าวแล้ว คือตั้งอยู่ในความไม่เห็นชอบ ปฏิเสธแม้ความเห็นชอบ. เพราะพระสัพพัญญูมีปรกติเห็นสิ่งทั้งปวง ทรงปฏิญญาญาณทัสนะไม่มีส่วนเหลือ ฉะนั้น ญาณทัสนะนี้ควรรู้ตาม. บทว่า จรโต จ เม ปจฺจุปฏฺฐิตํ เมื่อเราเดินไปก็ดี ญาณทัสนะปรากฏแล้วนี้ ไม่สมควรรู้ตาม. เพราะพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงคำนึงด้วยพระสัพพัญญุตญาณแล้วทรงรู้. ฉะนั้น ทรงตั้งอยู่ในความไม่เห็นชอบ ปฏิเสธแม้ความเห็นชอบจึงตรัสอย่างนี้. ในบทว่า อาสวานํ ขยา นี้ พระผู้มีพระภาคเจ้ามิได้ตรัสว่า เพียงใด. เพราะอาสวะทั้งหลายที่สิ้นไปแล้วครั้งเดียว มิได้มีอาสวะที่จะพึงสิ้นไปอีก. พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงกล่าวย่อพระคุณทั้งสิ้นด้วยวิชชา ๓ เหล่านี้ คือ ทรงแสดงคุณ คือ ความรู้ในอดีตด้วยปุพเพนิวาสญาณ ๑ ทรงแสดงคุณ คือความรู้ในปัจจุบัน ด้วยทิพจักขุญาณ ๑ ทรง บทว่า คิหิสํโยชนํ สังโยชน์ของคฤหัสถ์ คือความผูกพันของคฤหัสถ์คือความใคร่ในบริขารของคฤหัสถ์. บทว่า นตฺถิ โข วจฺฉ ดูก่อนวัจฉะ ไม่มีเลย คือผู้ยังไม่ละคิหิสังโยชน์ ชื่อว่าจะทำที่สุดทุกข์ย่อมไม่มี. แม้บุคคลเหล่าใดดำรงเพศคฤหัสถ์ คือ สันตติมหาอำมาตย์ อุคคเสนะเศรษฐีบุตร วีตโสกธารกะ ก็บรรลุพระอรหัตได้. แม้บุคคลเหล่านั้นก็ยังความใคร่ในสังขารทั้งปวงให้แห้งไปด้วยมรรคแล้วบรรลุได้ แต่เมื่อบรรลุแล้วก็ไม่ตั้งอยู่ด้วยเพศนั้น. ชื่อว่าเพศคฤหัสถ์นี้เลว ไม่สามารถทรงคุณอันสูงสุดไว้ได้. เพราะฉะนั้น ผู้ตั้งอยู่ในเพศคฤหัสถ์ ในกามภพที่เหลือ พระอริยบุคคล ๓ จำพวกมีพระโสดาบันเป็นต้น ยังดำรงอยู่ได้ในมนุษย ด้วยประการฉะนี้ พระขีณาสพจึงปรินิพพาน ณ ที่นั้น. พระอนาคามีจุติแล้วไปเกิดในชั้นสุทธา บทว่า โสจาปิ กมฺมวาที คือ อาชีวกที่เป็นกรรมวาที. บทว่า กิริยวาที พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงคัดค้านผู้อื่นแล้ว ทรง ได้ยินว่า ในครั้งนั้นพระมหาสัตว์ทรงผนวชเพื่อทรงสอบสวนลัทธิปาสัณฑะ (เป็นลัทธิเกี่ยวกับตัณหาและทิฏฐิ). ครั้นทรงทราบว่าลัทธิปาสัณฑะนั้นไม่มีผล ก็มิได้ทรงเลิกละความเพียรได้เป็นกิริยวาทีไปบังเกิดบนสวรรค์ เพราะฉะนั้น จึงตรัสอย่างนี้. ____________________________ ๒- บาลีว่า ๙๑ กัป บทที่เหลือในที่ทั้งปวงง่ายทั้งนั้น ด้วยประการฉะนี้. จบอรรถกถาเตวิชชวัจฉสูตรที่ ๑ ----------------------------------------------------- .. อรรถกถา มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์ ปริพพาชกวรรค จูฬวัจฉโคตตสูตร เรื่องปริพาชกวัจฉโคตร จบ. |