![]() |
บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ |
![]() |
![]() | |
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() พึงทราบวินิจฉัยในพระสูตรนั้น ดังต่อไปนี้. บทว่า อจิรปรินิพฺพุเต ภควติ ความว่า เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าปรินิพพานแล้ว คือในกาลที่พระอานนท์แบ่งพระธาตุแล้วมายังกรุงราชคฤห์ เพื่อจะทำการสังคายนาพระธรรม. บทว่า รญฺโญ ปชฺโชตสฺส อาสงฺกมาโน ความว่า พระราชาพระนามว่าจัณฑปัชโชตพระองค์นี้ เป็นพระสหายของพระเจ้าพิมพิสารมหาราช. ก็ตั้งแต่เวลาที่ส่งหมอชีวกไปปรุงเภสัชถวาย ก็ยิ่งเป็นมิตรกันแน่นแฟ้นขึ้น. ท้าวเธอทรงสดับว่า พระเจ้าอชาตศัตรูเชื่อคำของพระเทวทัต ปลงพระชนม์พระบิดา จึงได้ตรัสในที่ประชุมว่า พระเจ้าอชาตศัตรูนี้ฆ่าสหายรักของเราแล้ว สำคัญ (มั่นหมาย) ว่าจักครองราชสมบัติ ดังนี้ เราจะให้เขารู้ว่า เรายังมีอยู่ในบรรดาเหล่าสหายผู้มียศใหญ่. พระเจ้าอชาตศัตรูนั้นทรงเกิดความระแวง เพราะได้ทรงสดับคำนั้น. เพราะเหตุนั้น จึงตรัสว่า ทรงระแวงพระเจ้าปัชโชต ดังนี้. บทว่า กมฺมนฺโต ได้แก่ สถานที่ทำงาน เพื่อต้องการซ่อมแซมด้านนอกพระนคร. บทว่า อุปสงฺกมิ ความว่า พระอานนท์รู้อยู่ว่า พวกเราเที่ยวไปด้วยหมายใจว่า จักให้ทำการร้อยกรองพระธรรมวินัย พราหมณ์โคปกโมคคัลลานะนี้เป็นข้าราชการผู้มีศักดิ์ใหญ่ เมื่อเขาสนับสนุน เขาพึงทำการอารักขาพระเวฬุวันดังนี้ จึงเข้าไปหา. บทว่า เตหิ ธมฺเมหิ ได้แก่ ด้วยธรรม คือพระสัพพัญญุตญาณเหล่านั้น. บทว่า สพฺเพน สพฺพํ ได้แก่ ทุกข้อโดยอาการทั้งปวง. บทว่า สพฺพถา สพฺพํ ได้แก่ ทุกข้อโดยส่วนทั้งปวง. พราหมณ์กล่าวว่า ข้าพเจ้าขอถามอะไร (สักอย่าง). ข้าพเจ้าขอถามข้อนี้ว่า ก็ครูทั้ง ๖ เกิดก่อน ออกบวชจากตระกูลที่ไม่มีใครรู้จัก พวกเขาตายในเมื่อพระตถาคตยังทรงพระชนม์อยู่ แม้สาวกทั้งหลายของพวกเขาก็ออกบวชจากตระกูลที่ไม่มีใครรู้จักเหมือนกัน. ต่อเมื่อพวกเขาล่วงลับไป สาวกทั้งหลายเหล่านั้นได้ก่อการวิวาทกันใหญ่. ส่วนพระสมณโคดมเสด็จออกผนวชจากตระกูลใหญ่ ต่อเมื่อพระสมณโคดมนั้นล่วงไปแล้ว พระสาวกทั้งหลายจักก่อการวิวาทกันใหญ่ ถ้อยคำดังว่ามานี้ ได้เกิดแพร่ไปทั่วชมพูทวีป ด้วยประการดังนี้ ก็เมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังทรงพระชนม์อยู่ ภิกษุทั้งหลายมิได้วิวาทกันเลย แม้ความวิวาทที่ได้มีขึ้นนั้น ก็ได้สงบไปในที่นั้นแหละ. ก็ในเวลาที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จปรินิพพาน ภิกษุทั้งหลายมากมายเกิดความสลดใจใหญ่หลวงว่า มัจจุราชไม่อดสูต่อพระศาสดา ผู้ทรงบำเพ็ญบารมี ๓๐ ทัศให้บริบูรณ์แล้วบรรลุพระสัพพัญญุตญาณ เหมือนใบไม้แก่ (จะตั้งอยู่ได้อย่างไร) ข้างหน้าลมที่สามารถพัดพาภูเขาสิเนรุอันสูงหกล้านแปดแสนโยชน์ให้เคลื่อนได้ จักอดสูต่อใครกัน ดังนี้แล้ว ได้เป็น บทว่า อนุสญฺญายมาโน แปลว่า ตรวจตราอยู่. อธิบายว่า รู้การงานที่ทำแล้วและยังไม่ได้ทำ. อีกอย่างหนึ่ง ได้แก่ติดตาม (ผลงาน). บทว่า อตฺถิ นุ โข ได้แก่ วัสสการพราหมณ์นี้ถามเรื่องที่มีในหนหลัง. บทว่า อปฺปฏิสฺสรเณ ได้แก่ เมื่อธรรมวินัยไม่เป็นที่พึ่งอาศัย. บทว่า โก เหตุ ธมฺมสามคฺคิยา ความว่า ใครเป็นเหตุ ใครเป็นปัจจัยแห่งความพร้อมเพรียงของท่านทั้งหลาย. ด้วยบทว่า ธมฺมปฏิสฺสรโณ แสดงว่า ธรรมเป็นที่พึ่ง ธรรมเป็นที่อาศัยของเราทั้งหลาย. บทว่า วตฺเตติ (การสวดปาติโมกข์ย่อมเป็นไป) คือเป็นคุณที่คล่องแคล่วมา. คำทั้งสองนี้ว่า อาปตฺติ วา วีติกฺกโม วา ต้องอาบัติหรือล่วงละเมิด ดังนี้ เป็นการล่วงละเมิดพระบัญญัติของพระพุทธเจ้านั่นแหละ. บทว่า ยถาธมฺมํ ยถานุสิฏฺฐํ กาเรม (พวกเราจะให้เธอทำตามธรรมตามที่ทรงสั่งสอนไว้) อธิบายว่า พวกเราจะให้เธอทำตามธรรมและคำสั่งสอนที่ทรงตั้งไว้. โน อักษร แม้ใน ๒ บทว่า น กิร โน ภวนฺโต กาเรนฺติ ธมฺโมว กาเรติ เป็นเพียงนิบาต. ในคำนี้มีอธิบายดังนี้ว่า นัยว่าเมื่อเป็นอย่างนั้น ท่านผู้เจริญทั้งหลายให้ทำหามิได้ แต่ธรรมให้ทำ. คำว่า ตคฺฆ เป็นนิบาตลงในอรรถว่า ส่วนเดียว. บทว่า กหํ ปน ภวํ อานนฺโท มีอธิบายว่า ย่อมไม่รู้ว่า พระเถระอยู่ในพระเวฬุวันหรือ? รู้. ก็วัสสการพราหมณ์นี้ให้การอารักขาพระเวฬุวัน เพราะฉะนั้น ประสงค์จะยกตน จึงได้ถามอย่างนั้น. ก็เพราะเหตุไร วัสส ____________________________ ๑- ม. โคนงคลมก กโฏ ลิงหน้าดำหรือชะนี วัสสการพราหมณ์นั้นฟังพระดำรัสนั้นแล้ว คิดว่า ธรรมดาพระดำรัสของพระสมณโคดมไม่เป็นสอง ภาย คำว่า ตคฺฆ เป็นนิบาตลงในคำว่า ส่วนเดียวเท่านั้น ในทุกๆ วาระ. บทว่า ตคฺฆ โภ อานนฺท ความว่า พราหมณ์รู้ว่า พระเถระยกย่องตนใน บทว่า น โข พฺราหฺมณ ความว่า นัยว่า พระเถระคิดว่า ฌานที่พระ บทว่า อนนฺตรํ กริตฺวา แปลว่า กระทำไว้ภายใน. บทว่า เอวรูปํ โข พฺราหฺมณ โส ภควา ฌานํ วณฺเณสิ ความว่า ในที่นี้ ตรัสฌานที่รวบรวมเอาไว้ทั้งหมด. บทว่า ยนฺโน มยํ ความว่า ได้ยินว่า พราหมณ์นี้ริษยาวัสส คำที่เหลือในทุกแห่งง่ายทั้งนั้นแล. จบอรรถกถาโคปกโมคคัลลานสูตรที่ ๘ ----------------------------------------------------- .. อรรถกถา มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์ เทวทหวรรค โคปกโมคคัลลานสูตร จบ. |