![]() |
บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ |
![]() |
![]() | |
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า เคหสิตา ได้แก่ อาศัยกามคุณ ๕. ความดำริอันแล่นไป ชื่อว่า สร บทว่า อชฺฌตฺตเมว ความว่า ในอารมณ์อันเป็นภายในเท่านั้น. บทว่า กายคตาสติ ได้แก่ สติอันกำหนด (พิจารณา) กายบ้าง มีกายเป็นอารมณ์บ้าง. เมื่อกล่าวว่า กำหนด (พิจารณา) กาย ย่อมเป็นอันกล่าวถึงสมถะ เมื่อกล่าวว่า มีกายเป็นอารมณ์ ย่อมเป็นอันกล่าวถึงวิปัสสนา ย่อมเป็นอันกล่าวถึงทั้งสมถะและวิปัสสนาด้วยบททั้งสอง. ตรัสกายานุปัสสนา ๑๔ อย่างในมหาสติปัฏฐาน มีคำว่า ปุน จ ปรํ ฯปฯ เอวํ โข ภิกฺขเว กายคตํ สตึ๑- ภาเวติ (ข้ออื่นยังมีอีก ฯลฯ ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุย่อมเจริญกายคตาสติ อย่างนี้แล) ดังนี้เป็นต้น. ____________________________ ๑- ม. กายคตาสตึ บทว่า อนฺโตคธา ตสฺส ความว่า (กุศลธรรม) ย่อมเป็นอันรวมลงในภายในแห่งภาวนาของภิกษุนั้น. ในบทว่า วิชฺชาภาคิยา นี้มีอธิบายว่า ชื่อว่าส่วนวิชชา เพราะซ่องเสพ (คือได้) วิชชาด้วยอำนาจสัมปโยคดังนี้บ้าง. ชื่อว่าส่วนวิชชา เพราะเป็นไปในส่วนวิชชา คือในกลุ่มวิชชาดังนี้บ้าง. ในกุศลธรรมอันเป็นส่วนวิชชานั้น วิชชา ๘ คือ วิปัสสนาญาณ ๑ มโนมยิทธิ ๑ อภิญญา ๖ ด้วยอรรถวิเคราะห์ข้อแรก แม้ธรรมทั้งหลายที่สัมปยุตด้วยวิชชา ๘ เหล่านั้น ก็เป็นส่วนแห่งวิชชา (วิชชาภาคิยะ). ด้วยอรรถวิเคราะห์ข้อหลัง วิชชาอย่างใดอย่างหนึ่ง เพียงวิชชาเดียว ในบรรดาวิชชา ๘ เหล่านั้น ชื่อว่าวิชชา วิชชาที่เหลือทั้งหลายเป็นส่วนแห่งวิชชา. เมื่ออธิบายอย่างนี้ วิชชาก็ดี ธรรมที่สัมปยุตด้วยวิชชาก็ดี พึงทราบว่า เป็นส่วนแห่งวิชชาทั้งนั้น. ในบทว่า เจตสา ผุโฏ นี้มีอธิบายว่า การแผ่มี ๒ อย่าง คือ แผ่ด้วยอาโปกสิณ, แผ่ด้วยทิพย บทว่า โอตารํ ได้แก่ ระหว่าง คือช่อง. บทว่า อารมฺมณํ ได้แก่ เป็นปัจจัยแห่งการบังเกิดกิเลส. บทว่า ลเภถ โอตารํ ความว่า พึงได้การเข้าไป. อธิบายว่า พึงแทงตลอดไปจนถึงที่สุด. บทว่า นิกฺเขปนํ ได้แก่ (เนื้อ) ที่ที่จะเก็บน้ำไว้. ทรงเปรียบบุคคลผู้ไม่เจริญกายคตาสติ ด้วยกองดินเปียกเป็นต้นอย่างนี้แล้ว บัดนี้เพื่อจะทรงเปรียบบุคคลผู้เจริญกายคตาสติด้วยแผ่นไม้แก่นเป็นต้น จึงตรัสคำว่า เสยฺยถาปิ ดังนี้เป็นต้นไป. ในบทเหล่านั้น บทว่า อคฺคฬผลกํ ได้แก่ บานประตู. บทว่า กากเปยฺโย ความว่า อันกาจับที่ขอบปากแล้วก้มคอดื่มได้. บทว่า อภิญฺญาสจฺฉิกรณียสฺส แปลว่า พึงทำให้แจ้งด้วยอภิญญา. บทว่า สกฺขิพฺยตํ ปาปุณาติ ได้แก่ ถึงความประจักษ์. บทว่า สติ สติอายตเน คือ เมื่อเหตุแห่งสติมีอยู่ ถามว่า ก็อะไรเป็นเหตุในที่นี้? ตอบว่า อภิญญานั่นแหละเป็นเหตุ. บทว่า อาฬิพทฺธา ได้แก่ กั้นเขื่อน. บทว่า ยานีกตาย คือ ทำให้เหมือนยานที่เทียมไว้แล้ว. บทว่า วตฺถุกตาย คือ ทำให้เป็นที่พึ่งอาศัย (ที่จอด). บทว่า อนุฏฺฐิตาย คือ เป็นไปเนืองๆ. บทว่า ปริจิตาย คือ ทำการสั่งสมไว้. บทว่า สุสมารทฺธาย ได้แก่ ปรารภสม่ำเสมอดีแล้ว คือประคับประคองไว้อย่างดี. คำที่เหลือในบททั้งปวง ง่ายทั้งนั้นแล. จบ อรรถกถากายคตาสติสูตรที่ ๙ ----------------------------------------------------- .. อรรถกถา มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์ อนุปทวรรค กายคตาสติสูตร จบ. |