ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
                      พระองค์นั้น
บทนำ  พระวินัยปิฎก  พระสุตตันตปิฎก  พระอภิธรรมปิฎก  ค้นพระไตรปิฎก  ชาดก  หนังสือธรรมะ 
 
อ่านอรรถกถา 15 / 1อ่านอรรถกถา 15 / 19อรรถกถา เล่มที่ 15 ข้อ 21อ่านอรรถกถา 15 / 23อ่านอรรถกถา 15 / 956
อรรถกถา สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เทวตาสังยุต นฬวรรคที่ ๑
อรัญญสูตรที่ ๑๐

               อรรถกถาอรัญญสูตรที่ ๑๐               
               พึงทราบวินิจฉัยในพระสูตรที่ ๑๐ ต่อไป :-
               บทว่า สนฺตานํ ได้แก่ ผู้มีกิเลสอันสงบระงับแล้ว. อีกอย่างหนึ่ง ได้แก่ บัณฑิต.
               แม้บัณฑิต ท่านก็เรียกว่าสัตบุรุษ เช่นในคำมีอาทิว่า สนฺโต หเว สพฺภิ ปเวทยนฺติ ทูเร สนฺโต ปกาเสนฺติ ดังนี้ก็มี.
               บทว่า พฺรหฺมจารินํ แปลว่า ผู้ประพฤติธรรมอันประเสริฐ คือผู้อยู่ประพฤติมรรคพรหมจรรย์.
               หลายบทว่า เกน วณฺโณ ปสีทติ ความว่า เทวดาทูลถามว่า ผิวพรรณของภิกษุผู้อยู่ป่า ย่อมผ่องใส ด้วยเหตุอะไร.
               ถามว่า ก็เพราะเหตุไร เทวดานี้จึงทูลถามอย่างนี้.
               ตอบว่า ได้ยินว่า เทวดานี้เป็นภุมมเทวดาอาศัยอยู่ในไพรสณฑ์ เห็นภิกษุทั้งหลายผู้อยู่ป่ากลับจากบิณฑบาต หลังภัตแล้วเข้าไปสู่ป่า ถือเอาลักษณกรรมฐาน (กรรมฐานตามปกติวิปัสสนา) ในที่เป็นที่พักในเวลากลางคืน และที่เป็นที่พักในเวลากลางวันเหล่านั้นนั่งลงแล้ว.
               ก็เมื่อภิกษุเหล่านั้นนั่งด้วยกรรมฐานอย่างนี้แล้ว เอกัคคตาจิตซึ่งเป็นเครื่องชำระของท่านก็เกิดขึ้น. ลำดับนั้น ความสืบต่อแห่งวิสภาคะก็เข้าไปสงบระงับ. ความสืบต่อแห่งสภาคะหยั่งลงแล้ว จิตย่อมผ่องใส เมื่อจิตผ่องใสแล้ว โลหิตก็ผ่องใส. อุปาทารูปทั้งหลายซึ่งมีจิตเป็นสมุฏฐาน ย่อมบริสุทธิ์. วรรณะแห่งหน้าย่อมเป็นราวกะสีแห่งผลตาลสุกที่หลุดจากขั้วฉะนั้น.
               เทวดานั้น ครั้นเห็นภิกษุเหล่านั้นแล้ว จึงดำริว่า
               ธรรมดาว่าสรีระวรรณะ (ผิวพรรณแห่งร่างกาย) นี้ ย่อมผ่องใสแก่บุคคลผู้ได้อยู่ซึ่งโภชนะทั้งหลายอันสมบูรณ์มีรสอันประณีต ผู้มีที่อยู่อาศัยเครื่องปกปิด ที่นั่งที่นอนมีสัมผัสอันสบาย ผู้ได้ปราสาทต่างๆ มีปราสาท ๗ ชั้นเป็นต้นอันให้ความสุขทุกฤดูกาล และแก่ผู้ได้วัตถุทั้งหลายมีระเบียบดอกไม้ของหอม และเครื่องลูบไล้เป็นต้น
               แต่ภิกษุเหล่านี้เที่ยวบิณฑบาตฉันภัตปะปนกัน ย่อมสำเร็จการนอนบนเตียงน้อยทำด้วยใบไม้ต่างๆ หรือนอนบนแผ่นกระดาน หรือบนศิลา ย่อมอยู่ในที่ทั้งหลายมีโคนไม้เป็นต้น หรือว่าที่กลางแจ้ง วรรณะของภิกษุเหล่านี้ย่อมผ่องใส เพราะเหตุอะไรหนอแล ดังนี้
               เพราะฉะนั้น จึงได้ทูลถามข้อความนั้นกะพระบรมศาสดา.
               ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้า เมื่อจะตรัสถึงเหตุนั้นแก่เทวดา จึงตรัสพระคาถาที่ ๒.
               บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อตีตํ ความว่า พระเจ้าธรรมิกราชพระนามโน้นได้มีในกาลอันล่วงแล้ว. พระราชาพระองค์นั้นได้ถวายปัจจัยทั้งหลายอันประณีตๆ แก่พวกเรา. อุปัชฌาย์อาจารย์ของเราเป็นผู้มีลาภมาก.
               ครั้งนั้น พวกเราฉันอาหารเห็นปานนี้ ห่มจีวรเห็นปานนี้ ภิกษุเหล่านี้ย่อมไม่ตามเศร้าโศกถึงปัจจัยที่ล่วงมาแล้ว เหมือนภิกษุผู้มีปัจจัยมากบางพวกอย่างนี้ด้วยประการฉะนี้.
               สองบทว่า นปฺปชปฺปนฺติ นาคตํ อธิบายว่า พระเจ้าธรรมิกราชจักมีในอนาคต ชนบททั้งหลายจักแผ่ไป วัตถุทั้งหลายมีเนยใสเนยข้นเป็นต้นจักเกิดขึ้นมากมาย ผู้บอกกล่าวจักมีในที่นั้นๆ ว่า ขอท่านทั้งหลายจงเคี้ยวกิน จงบริโภคเป็นต้น ในกาลนั้น พวกเราจักฉันอาหารเห็นปานนี้ จักห่มจีวรเห็นปานนี้ ภิกษุทั้งหลายเหล่านี้ย่อมไม่ปรารถนาปัจจัยที่ยังมาไม่ถึงอย่างนี้ด้วยประการฉะนี้.
               บทว่า ปจฺจุปฺปนฺเนน ความว่า ย่อมเลี้ยงตนเองด้วยปัจจัยอย่างใดอย่างหนึ่งที่ได้ในขณะนั้น.
               บทว่า เตน ได้แก่ ด้วยเหตุแม้ ๓ อย่างนั้น.
               พระผู้มีพระภาคเจ้า ครั้นแสดงการถึงพร้อมแห่งวรรณะอย่างนี้แล้ว บัดนี้ เมื่อจะแสดงความพินาศแห่งวรรณะนั้นนั่นแหละ จึงตรัสพระคาถาในลำดับนั้น.
               บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อนาคตปฺปชปฺปาย แปลว่า เพราะปรารถนาปัจจัยที่ยังไม่มาถึง.
               บทว่า เอเตน ได้แก่ ด้วยเหตุทั้ง ๒ นี้.
               บทว่า นโฬว หริโต ลุโต อธิบายว่า พวกพาลภิกษุจักซูบซีด เหมือนต้นอ้อสดที่บุคคลถอนทิ้งที่แผ่นหินอันร้อน จักเหี่ยวแห้งฉะนั้นแล.

               จบอรรถกถาอรัญญสูตรที่ ๑๐               
               จบนฬวรรคที่ ๑               
               -----------------------------------------------------               

               รวมพระสูตรในนฬวรรคที่ ๑
                         ๑. โอฆตรณสูตร
                         ๒. นิโมกขสูตร
                         ๓. อุปเนยยสูตร
                         ๔. อัจเจนติสูตร
                         ๕. กติฉินทิสูตร
                         ๖. ชาครสูตร
                         ๗. อัปปฏิวิทิตสูตร
                         ๘. สุสัมมัฏฐสูตร
                         ๙. มานกามสูตร
                         ๑๐. อรัญญสูตร
               -----------------------------------------------------               

.. อรรถกถา สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เทวตาสังยุต นฬวรรคที่ ๑ อรัญญสูตรที่ ๑๐ จบ.
อ่านอรรถกถา 15 / 1อ่านอรรถกถา 15 / 19อรรถกถา เล่มที่ 15 ข้อ 21อ่านอรรถกถา 15 / 23อ่านอรรถกถา 15 / 956
อ่านเนื้อความในพระไตรปิฎก
https://84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=15&A=121&Z=140
อ่านอรรถกถาภาษาบาลีอักษรไทย
https://84000.org/tipitaka/atthapali/read_th.php?B=11&A=698
The Pali Atthakatha in Roman
https://84000.org/tipitaka/atthapali/read_rm.php?B=11&A=698
- -- ---- ----------------------------------------------------------------------------
ดาวน์โหลด โปรแกรมพระไตรปิฎก
บันทึก  ๒๗  กันยายน  พ.ศ.  ๒๕๔๙
หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]

สีพื้นหลัง :