บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ |
บทว่า ขตฺติโย ทิปทํ แปลว่า พระราชาประเสริฐสุดกว่าสัตว์ ๒ เท้า. บทว่า โกมารี ความว่า เทวดากล่าวว่า ภรรยาที่เป็นกุมารีประเสริฐสุดกว่าภรรยาทั้งหลาย เพราะถือเอาในเวลาที่เธอเป็นกุมารี (หญิงสาว). บทว่า ปุพฺพโช ความว่า บุตรคนใดเกิดก่อนเป็นคนบอดข้างเดียวก็ตาม หรือบุตรที่เป็นง่อยเป็นต้นก็ตาม คนใดเกิดก่อน คนนี้แหละชื่อว่าประเสริฐสุด ในวาทะของเทวดานี้ ก็เพราะสัตว์ ๒ เท้าทั้งหลายมีพระพุทธเจ้าเป็นต้นนี้ พระพุทธเจ้าเป็นผู้ประเสริฐสุดกว่าสัตว์ ๒ เท้าทั้งหมด ฉะนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสพระคาถาตอบ. พึงทราบวินิจฉัยในคาถาที่ ๒ ว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าประเสริฐสุดกว่าสัตว์ทั้งหมดทั้งสัตว์มีเท้าและไม่มีเท้า แม้ก็จริง ถึงอย่างนั้น พระองค์เมื่อจะทรงอุบัติย่อมทรงอุบัติในสัตว์ ๒ เท้าเท่านั้น. เพราะฉะนั้น จึงตรัสว่า สมฺมา ความที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงอุบัติขึ้นเป็นผู้ประเสริฐสุดกว่าสัตว์ ๒ เท้าทั้งหมดนั้น ไม่คลาดเคลื่อนแล้ว. บทว่า อาชานีโย อธิบายว่า ช้างหรือสัตว์ทั้งหลายมีม้าเป็นต้นก็ตามที สัตว์ตัวใดตัวหนึ่งย่อมรู้ซึ่งเหตุ สัตว์อาชาไนยนี้จัดเป็นสัตว์ประเสริฐสุดกว่าสัตว์ ๔ เท้า เหมือนม้าชื่อว่าคุฬวรรณ ของพระราชาพระนามว่ากูฎกรรม. ได้ยินว่า พระราชาเสด็จออกทางทวารด้านปราจีน ทรงดำริว่า เราจักไปเจติยบรรพต พอเสด็จมาถึงฝั่งแม่น้ำกลัมพะ. ม้าหยุดอยู่ที่ฝั่ง ไม่ปรารถนาเพื่อจะข้ามน้ำไป. พระราชาตรัสเรียก นายอัสสาจารย์กราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้สมมติเทพ ม้าอันข้าพระองค์ฝึกดีแล้ว ก็ พระราชาได้ให้กระทำแล้วอย่างนั้น ม้าจึงข้ามไปโดยเร็วจนถึงฝั่งแล้วแล. บทว่า สุสฺสูสา ความว่า เชื่อฟังด้วยดี. อธิบายว่า ภรรยาที่ถือเอาแม้ในเวลาที่เป็นกุมารีหรือภายหลัง มีรูปงามหรือไม่งามจงยกไว้ ภรรยาใดเชื่อฟังสามี ย่อมบำเรอ (รับใช้) ย่อมให้สามีชอบใจ ภรรยานั้นประเสริฐสุดกว่าภรรยาทั้งหลาย. บทว่า อสฺสโว แปลว่า เชื่อฟัง. อธิบายว่า บุตรคนใดพี่ก็ตาม น้องก็ตาม คนใดย่อมฟัง ย่อมรับคำของมารดาบิดา เป็นผู้สนองตามโอวาท บุตรนี้ประเสริฐกว่าบุตรทั้งหลาย. ดูก่อนเทวดา ประโยชน์อะไรเล่าด้วยบุตรอื่นที่เป็นโจรมีการกระทำตัดช่องย่องเบาเป็นต้น ดังนี้แล. จบอรรถกถาขัตติยสูตรที่ ๔ ----------------------------------------------------- .. อรรถกถา สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เทวตาสังยุต นันทนวรรคที่ ๒ ขัตติยสูตรที่ ๔ จบ. |