บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ |
บทว่า ฐิเต มชฺฌนฺติเก แปลว่า ในเวลาเที่ยงวัน. บทว่า สนฺนิสินฺเนสุ ได้แก่ อาศัยพักอยู่ในที่อันไม่เสมอกันเพราะเข้าไปสู่ที่ตามความสบายอย่างไร. อธิบายว่า ชื่อว่าเวลาเที่ยงวันนี้เป็นเวลาทุรพลแห่งอิริยาบถของสรรพสัตว์ทั้งหลาย. แต่ในที่นี้ ท่านแสดงความทุรพลแห่งอิริยาบถของนกทั้งหลายเท่านั้น. บทว่า ปลาเตว ได้แก่ ดุจเสียงครวญคราง ดุจการเปล่งเสียงร้องใหญ่. ก็ในที่นี้ ท่านกล่าวเอาเสียงที่รบกวนเท่านั้น เสียงนี้แหละเปรียบดังเสียงครวญคราง. จริงอยู่ ในฤดูร้อนเวลาเที่ยงวัน พวกสัตว์ ๔ เท้าและพวกปักษีทั้งหลายมาประชุมกัน (พักเที่ยง) เสียงใหญ่ คือเสียงแห่งโพรงต้นไม้อันลมเป่าแล้วด้วย แห่งปล้องไม้ไผ่ที่เป็นรูอันลมเป่าแล้วด้วย แห่งต้นไม้ซึ่งต้นกับต้นเบียดสีกันและกิ่งกับกิ่งเบียดสีกันด้วย ย่อมเกิดขึ้นในท่ามกลางป่า เสียงครวญครางนั้น ท่าน บทว่า ตํ ภยํ ปฏิภาติ มํ ความว่า ในกาลเห็นปานนั้น เสียงเช่นนั้นย่อมปรากฏเป็นภัยแก่ข้าพเจ้า. ได้ยินว่า เทวดานั้นมีปัญญาอ่อน เมื่อไม่ได้ความสุข ๒ อย่าง คือความผาสุกในการนั่ง ความผาสุกในการพูดของตนในขณะนั้น จึงกล่าวแล้วอย่างนี้. ก็เพราะในกาลเช่นนั้นเป็นเวลาสงัดของภิกษุผู้กลับจากบิณฑ พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสหมายเอาคำอันใดว่า
ยินดีอยู่ในสิ่งที่มิใช่ของมนุษย์ จึงเห็นธรรมโดยชอบ ดังนี้๑- และคาถาว่า บุคคลอื่นข้างหน้าหรือว่าข้างหลัง ย่อมไม่ปรากฏ เมื่อ เป็นผู้เดียวอยู่ในป่า ความผาสุกย่อมเกิดได้โดยเร็ว ดังนี้.๒- ____________________________ ๑- ขุ. ธมฺม. เล่ม ๒๕/ข้อ ๓๕ สมฺพหุลภิกฺขุวตฺถุ ๒- เชิงอรรถ : ขุ. เถร. ข้อ ๒๖/ข้อ ๓๗๑ เอกวิหาริยตฺเถรวตฺถุ เพราะเหตุนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสพระคาถาที่ ๒. บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า สา รติ ปฏิภาติ มํ อธิบายว่า ในเวลาเห็นปานนี้ ชื่อว่าการนั่งของบุคคลผู้เดียวอันใด นั้นเป็นความยินดีย่อมปรากฏแก่เรา. คำที่เหลือเช่นกับนัยก่อนนั่นแหละ. จบอรรถกถาสกมานสูตรที่ ๕ ----------------------------------------------------- .. อรรถกถา สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เทวตาสังยุต นันทนวรรคที่ ๒ สกมานสูตรที่ ๕ จบ. |