บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ |
บทว่า กจฺจิ เต กุฏิกา เป็นต้น อธิบายว่า เทวดานี้ประมวลปัญหาเหล่านี้มาผูกเป็นคาถาโดยกระทำมารดาให้เป็นดังกระท่อม เพราะหมายเอาการอยู่ในท้อง ๑๐ เดือน. กระทำภรรยาให้เป็นดังรัง (รังนก) ด้วยอำนาจแห่งความอาลัย เหมือนพวกนกเที่ยวหาอาหารตลอดวันแล้วก็มาเกาะอยู่ในรังในเวลาราตรีฉันใด สัตว์ทั้งหลายก็ฉันนั้นเหมือนกัน แม้จะไปในที่นั้นๆ แล้วก็ย่อมมาสู่สำนักแห่งมาตุคาม. กระทำบุตรทั้งหลายให้เป็นดังเครื่องสืบต่อ เพราะหมายเอาการสืบต่อตระกูลและประเพณี แล้วจึงทูลถามกะพระผู้มีพระภาคเจ้า. แม้พระผู้มีพระภาคเจ้าเมื่อจะทรงวิสัชนาปัญหาแก่เทวดานั้น จึงตรัสคำว่า ตคฺฆ เป็นต้น แปลว่า แน่ละ กระท่อมของเราไม่มี แน่ละ รังของเราไม่มี แน่ละ เครื่องสืบต่อของเราไม่มี แน่ละ เราเป็นผู้พ้นแล้วจากเครื่องผูก. บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ตคฺฆ เป็นนิบาต ในคำโดยส่วนเดียว. บทว่า นตฺถิ ได้แก่ ละได้แล้ว เพราะความที่เราเป็นบรรพชิต. อีกอย่างหนึ่ง ชื่อว่าไม่มี เพราะไม่มีการอยู่ในท้องของมารดาในวัฏฏะอีก ไม่มีการเลี้ยงดูภรรยา ไม่มีการเกิดขึ้นแห่งบุตร. เทวดาดำริว่า ปัญหาอันไม่เปิดเผยที่เราผูก ดุจมัดไว้แล้วทูลถาม และสมณะนี้ก็วิสัชนาปัญหาสักว่าอันเราถามแล้วทีเดียว พระองค์จะทรงทราบอยู่ซึ่งอัธยาศัยของเราหรือไม่หนอ จึงตรัสแก้แล้ว หรือว่าพระองค์ไม่ทรงทราบคำอย่างใดอย่างหนึ่ง ตรัสแล้วเพียงคล่องปาก ดังนี้ จึงกล่าวคำว่า กินฺตาหํ เป็นต้นอีก. บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า กินฺตาหํ แก้เป็น กึ เต อหํ แปลว่า ข้าพเจ้ากล่าวกะท่านว่าอะไร. ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้า เมื่อจะตรัสบอกแก่เทวดานั้น จึงตรัสคำว่า มาตรํ เป็นต้น แปลว่า ท่านกล่าวมารดาว่าเป็นกระท่อม ท่านกล่าวภรรยาว่าเป็นรัง ท่านกล่าวบุตรว่าเป็นเครื่องสืบต่อ ท่าน เทวดาฟังพระดำรัสนั้นแล้วยินดีชื่นชมอนุโมทนาด้วยคาถาว่า สาหุ เต เป็นต้น แปลว่า ดีจริง กระท่อมของท่านไม่มี ดีจริง รังของท่านไม่มี ดีจริง เครื่องสืบต่อของท่านไม่มี ดีจริง ท่านเป็นผู้พ้นแล้วจากเครื่องผูก ดังนี้ ร่าเริงยินดี แล้วบูชาพระผู้มีพระภาคเจ้าด้วยของหอมและดอกไม้ทั้งหลาย แล้วไปสู่เทวสถาน ดังนี้แล. จบอรรถกถากุฏิกาสูตรที่ ๙ ----------------------------------------------------- .. อรรถกถา สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เทวตาสังยุต นันทนวรรคที่ ๒ กุฏิกาสูตรที่ ๙ จบ. |