บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ |
บทว่า อภิภูสมฺภวํ ได้แก่ พระอภิภูและพระสัมภวะ. ในท่านทั้ง ๒ นั้น พระอภิภูเถระเป็นผู้เลิศทางปัญญา ดุจพระสารีบุตรเถระ. พระสัมภวเถระเป็นผู้เลิศทางสมาธิ ดุจพระมหาโมคคัลลานเถระ. บทว่า อุชฺฌายนฺติ ได้แก่ ย่อมดูหมิ่น คือย่อมคิดทางต่ำทราม. บทว่า ขียนฺติ ได้แก่ พูดกันว่า นี่อย่างไรกัน นี่อย่างไรกัน. บทว่า วิปาเจนฺติ ได้แก่ ย่อมพูดยืดยาว คือพูดซ้ำๆ ซากๆ. บทว่า เหฏฺฐิเมน อุปฑฺฒกาเยน ได้แก่ กายเบื้องล่างตั้งแต่สะดือลงไป ในพระบาลีมาเพียงเท่านี้เอง. ฝ่ายพระเถระแสดงการทำฤทธิ์ต่างๆ มากประการที่มาโดยนัยเป็นต้นว่า ละเพศปกติ แสดงเพศนาคบ้าง แสดงเพศครุฑบ้าง. บทว่า อิมา คาถาโย อภาสิ ความว่า ได้ยินว่า พระเถระคิดว่าแสดงธรรมอย่างไร จึงจะเป็นที่รักที่ชอบใจของคนทั้งปวง แต่นั้นเมื่อรำพึงถึงจึงรู้ว่า เจ้าลัทธิแม้ทั้งปวง เทวดาและมนุษย์ทั้งปวงจักสรรเสริญความเพียรของบุรุษในลัทธิของตน ผู้ที่ไม่สรรเสริญความเพียรไม่มี เราจักแสดงให้เกี่ยวด้วยความเพียร การแสดงธรรมอย่างนี้จักเป็นที่รักที่ชอบใจของคนทุกจำพวก ได้เลือกเฟ้นในพระไตรปิฎกแล้วจึงได้กล่าวคาถาเหล่านี้. บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อารพฺภถ ได้แก่ จงเริ่มความเพียร. บทว่า นิกฺกมถ ได้แก่ จงเพียรก้าวหน้า. บทว่า ยุญฺชถ ได้แก่ จงประกอบเพียร คือจงบากบั่น. บทว่า มจฺจุโน เสนํ ความว่า กองทัพกิเลส ชื่อว่ากองทัพมฤตยู. บทว่า ชาติสํสารํ ได้แก่ ชาติและสงสาร หรือสงสารกล่าวคือชาติ. บทว่า ทุกฺขสฺสนฺตํ กริสฺสติ ได้แก่ จักกระทำการกำหนดวัฏทุกข์. ถามว่า ก็พระเถระทำอย่างไร จึงทำให้หมื่นโลกธาตุรู้กันได้. ตอบว่า ก่อนอื่น พระเถระเข้านีลกสิณแล้วแผ่ความมืดไปในที่มีแสงสว่างทั้งปวง เข้าโอทา เมื่อเหล่าสัตว์ค้นคว้าอยู่ว่า แสงสว่างนี้คืออะไร จึงแสดงตน. ครั้งนั้น เมื่อสัตว์เหล่านั้นพูดกันว่า พระเถระ จึงได้กล่าวคาถาเหล่านี้. สัตว์ทั้งปวงฟังเสียงพระเถระประดุจนั่งแสดงธรรมอยู่ในท่ามกลางบริษัทผู้ประชุมกัน. แม้เนื้อความได้ปรากฏแก่สัตว์เหล่านั้น. จบอรรถกถาอรุณวตีสูตรที่ ๔ ----------------------------------------------------- .. อรรถกถา สังยุตตนิกาย สคาถวรรค พรหมสังยุต ทุติยวรรคที่ ๒ อรุณวตีสูตรที่ ๔ จบ. |