บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ |
เจ้าศากยะนั้นตรัสคำนี้ว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าเท่านั้นจะพึงทรงทราบเรื่องนี้ว่า บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรมเหล่านี้หรือมิใช่ ด้วยประสงค์ว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าเท่านั้นทรงทราบความที่บุคคลประกอบด้วยธรรม ๓ ประการเป็นพระโสดาบัน หรือความที่บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๔ ประการเป็นพระโสดาบัน. บทว่า ความบังเกิดแห่งเหตุเฉพาะบางประการพึงเกิดขึ้น ความว่า พึงเกิดเหตุไรนั่นแหละ. บทว่า ฝ่ายหนึ่งเป็นพระผู้มีพระภาคเจ้า ฝ่ายหนึ่งเป็นภิกษุสงฆ์ ความว่า เมื่อเหตุใดเกิดขึ้นแล้ว พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงมีลัทธิต่างจากภิกษุสงฆ์ ตรัสวาทะอย่างหนึ่ง แม้ฝ่ายหนึ่งเป็นภิกษุสงฆ์กล่าววาทะอย่างหนึ่งฝ่ายหนึ่ง. บทว่า เตเนวาหํ ความว่า ท่านนั่นแหละให้วาทะใด ข้าพเจ้าจะพึงถือเอาวาทะนั้นนั่นแหละ. ก็ความแปรเป็นอย่างอื่นโดยความเลื่อมใสในพระรัตนตรัย ย่อมไม่มีแก่พระอริยสาวกมิใช่หรือ เพราะเหตุไร เจ้าศากยะนั้นจึงตรัสอย่างนี้. เพราะพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงเป็นพระสัพพัญญู. ก็เจ้าศากยะนั้นย่อมมีความคิดอย่างนี้ว่า ภิกษุสงฆ์ แม้ไม่รู้พึงกล่าว เพราะตนมิใช่สัพพัญญู ส่วนพระศาสดาขึ้นชื่อว่าไม่ทรงทราบไม่มี เพราะเหตุนั้น จึงกล่าวไว้อย่างนี้แล. บทว่า นอกจากกัลยาณธรรม นอกจากกุศล ความว่า เราย่อมกล่าวกัลยาณธรรมและกุศลนั่นแล. อีกอย่างหนึ่ง ได้แก่ พ้นแล้วจากกัลยาณธรรมและหากุศลมิได้ เพราะเหตุนั้น เจ้ามหานามจึงมีธรรมที่หาโทษมิได้. จบอรรถกถาโคธาสูตรที่ ๓ ----------------------------------------------------- .. อรรถกถา สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค โสตาปัตติสังยุตต์ สรกานิวรรคที่ ๓ ๓. โคธาสูตร จบ. |