ขอนอบน้อมแด่
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
                      พระองค์นั้น
บทนำ  พระวินัยปิฎก  พระสุตตันตปิฎก  พระอภิธรรมปิฎก  ค้นพระไตรปิฎก  ชาดก  หนังสือธรรมะ 
 
อ่านอรรถกถา 20 / 1อ่านอรรถกถา 20 / 458อรรถกถา เล่มที่ 20 ข้อ 459อ่านอรรถกถา 20 / 460อ่านอรรถกถา 20 / 596
อรรถกถา อังคุตตรนิกาย ติกนิบาต ปฐมปัณณาสก์ รถการวรรคที่ ๒
๑๐. ปาปณิกสูตรที่ ๒

               อรรถกถาทุติยปาปณิกสูตรที่ ๑๐               
               พึงทราบวินิจฉัยในสูตรที่ ๑๐ ดังต่อไปนี้ :-

               พ่อค้าผู้มีปัญญา               
               บทว่า จกฺขุมา ความว่า พ่อค้าเป็นผู้มีปัญญาจักษุ.
               บทว่า วิธุโร ความว่า เป็นผู้มีธุระอันสำคัญ คือมีธุระอันสูงสุด ได้แก่การประกอบด้วยวิริยะที่สัมปยุตด้วยญาณ.
               บทว่า นิสฺสยสมิปนฺโน คือ ถึงพร้อมด้วยที่พึ่ง ได้แก่ถึงพร้อมด้วยที่พำนัก.
               บทว่า ปณิยํ ได้แก่ สินค้าที่ขาย.
               ในบทนั้นว่า เอตฺตกํ มูลํ ภวิสฺสติ เอตฺตโก อุทฺรโย มีอธิบายว่า สินค้าที่ซื้อมานั้น โดยการซื้อมีปริยายดังที่ตรัสไว้ว่า ซื้ออย่างนี้ ขายอย่างนี้. สินค้านั้นจัดเป็นทุน คือจำนวนที่ซื้อมาเท่านี้ฉะนั้น เมื่อจำหน่ายสินค้านั้นไป ในการจำหน่ายสินค้าจักมีกำไรเท่านี้ คือเพิ่มขึ้นเท่านี้.
               บทว่า กุสโล โหติ ปณิยํ เกตุญฺจ วิกฺเกตุญฺจ ความว่า พ่อค้าผู้ฉลาดไปหาซื้อยังที่ที่สินค้าหาได้ง่าย และไปขายยังที่ที่สินค้าหาได้ยาก ชื่อว่าเป็นผู้ฉลาดในที่นี้ เขาย่อมได้ลาภเพิ่มขึ้น ๑๐ เท่าบ้าง ๒๐ เท่าบ้าง.
               บทว่า อทฺธา ได้แก่ อิสรชน คือผู้ถึงพร้อมด้วยทรัพย์ที่เก็บไว้จำนวนมาก.
               บทว่า มหทฺธนา ได้แก่ ผู้มีทรัพย์มาก ด้วยอำนาจเครื่องใช้สอย.
               บทว่า มหาโภคา ได้แก่ ผู้มีโภคะมาก ด้วยสิ่งของที่เป็นเครื่องอุปโภคและบริโภค.
               บทว่า ปฏิพโล ได้แก่ ชื่อว่าเป็นผู้สามารถ เพราะถึงพร้อมด้วยกำลังกายและกำลังความรู้.
               บทว่า อมฺหากญฺจ กาเลน กาลํ อนุปฺปาเทตุํ ความว่า เพื่อเพิ่มให้ดอกเบี้ยอันเกิดจากทรัพย์ที่เขาหยิบยืมไปเป็นต้นทุนแก่เราทั้งหลายตามกาลอันสมควร.
               บทว่า นิปตนฺติ แปลว่า เชื้อเชิญ. บาลีเป็น นิปทนฺติ ก็มี. ความหมายก็ทำนองนี้แหละ.
               บทว่า กุสลานํ ธมฺมานํ อุปสมฺปทาย ความว่า เพื่อความสมบูรณ์ คือเพื่อได้เฉพาะซึ่งกุศลธรรมทั้งหลาย.
               บทว่า ถามวา ความว่า ประกอบด้วยความรู้.
               บทว่า ทฬฺหปรกฺกโม ความว่า ประกอบด้วยความบากบั่นด้วยความรู้อันมั่นคง.
               บทว่า อนิกฺขิตฺตธุโร ความว่า ไม่ทอดทิ้งธุระอย่างนี้ว่า เรายังไม่ถึงจุดหมายปลายทาง จักไม่วางธุระคือความเพียรนี้.
               บทว่า พหุสฺสุตา ความว่า ชื่อว่าเป็นพหูสูต เพราะมีพระพุทธพจน์อันได้สดับตรับฟังมามาก ด้วยสามารถแห่งนิกาย ๑ หรือ ๒ นิกายเป็นต้น.
               บทว่า อาคตาคมา ความว่า นิกาย ๑ ชื่อว่าอาคม ๑. ๒ นิกายชื่อว่า ๒ อาคม. ๕ นิกายชื่อว่า ๕ อาคม. ในอาคมทั้ง ๕ เหล่านี้ ผู้ใดมีมาแม้อาคมเดียว คือมีความช่ำชอง ได้แก่ได้รับยกย่อง (เพียงอาคมเดียว) คนเหล่านั้น ชื่อว่าอาคตาคมา.
               บทว่า ธมฺมาธรา ได้แก่ ผู้ทรงไว้ซึ่งพระสุตตันตปิฎก.
               บทว่า วินยธรา ได้แก่ ผู้ทรงไว้ซึ่งพระวินัยปิฎก.
               บทว่า มาติกาธรา ได้แก่ ผู้ทรงไว้ซึ่งมาติกาทั้งสอง.
               บทว่า ปริปุจฺฉติ ได้แก่ ซักถามถึงประโยชน์และสิ่งที่ไม่ใช่ประโยชน์ ถึงเหตุและสิ่งที่ใม่ใช่เหตุ.
               บทว่า ปริปญฺหติ ได้แก่ รู้ คือไตร่ตรอง กำหนดเอาว่า๑- เราจักถามธรรมวินัยชื่อนี้.
____________________________
๑- ปาฐะว่า อญฺญาตุํ ลภติ ปริคฺคณฺหติ ฉบับพม่าเป็น อญฺญาติ ตุเลติ ปริคฺคณฺหาติ แปลตามฉบับพม่า.

               ข้อความที่เหลือในพระสูตรง่ายทั้งนั้น.
               ก็ในพระสูตรนี้ ปัญญามีมาก่อน ความเพียรและการคบหากัลยาณมิตรมาภายหลัง. ในข้อนั้นไม่พึงเข้าใจความอย่างนี้ว่า บรรลุพระอรหัตก่อนแล้ว จึงบำเพ็ญเพียร แล้วคบหากัลยาณมิตรภายหลัง.
               ธรรมดาพระธรรมเทศนาจะมีการกำหนดโดยปริยายเบื้องต่ำ ปริยายเบื้องสูง หรือโดยส่วนทั้ง ๒ บ้าง. แต่ในพระสูตรนี้ พึงทราบกำหนดโดยปริยายเบื้องสูงเท่านั้น. เพราะฉะนั้น เมื่อจะตรัสก็ทรงแสดงการอาศัยคบหากัลยาณมิตรไว้ก่อน แล้วทรงแสดงความเพียรไว้ท่ามกลาง แล้วจึงตรัสบอกพระอรหัต ในภายหลัง.

               จบทุติยปาปณิกสูตรที่ ๑๐               
               จบรถการวรรควรรณนาที่ ๒               
               -----------------------------------------------------               

               รวมพระสูตรที่มีในวรรคนี้ คือ
                         ๑. ญาตกสูตร
                         ๒. สรณียสูตร
                         ๓. ภิกขุสูตร
                         ๔. จักกวัตติสูตร
                         ๕. ปเจตนสูตร
                         ๖. อปัณณกสูตร
                         ๗. อัตตสูตร
                         ๘. เทวสูตร
                         ๙. ปาปณิกสูตรที่ ๑
                         ๑๐. ปาปณิกสูตรที่ ๒
               -----------------------------------------------------               

.. อรรถกถา อังคุตตรนิกาย ติกนิบาต ปฐมปัณณาสก์ รถการวรรคที่ ๒ ๑๐. ปาปณิกสูตรที่ ๒ จบ.
อ่านอรรถกถา 20 / 1อ่านอรรถกถา 20 / 458อรรถกถา เล่มที่ 20 ข้อ 459อ่านอรรถกถา 20 / 460อ่านอรรถกถา 20 / 596
อ่านเนื้อความในพระไตรปิฎก
https://84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=20&A=3065&Z=3110
อ่านอรรถกถาภาษาบาลีอักษรไทย
https://84000.org/tipitaka/atthapali/read_th.php?B=15&A=2165
The Pali Atthakatha in Roman
https://84000.org/tipitaka/atthapali/read_rm.php?B=15&A=2165
- -- ---- ----------------------------------------------------------------------------
ดาวน์โหลด โปรแกรมพระไตรปิฎก
บันทึก  ๒๖  ธันวาคม  พ.ศ.  ๒๕๔๙
หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]

สีพื้นหลัง :