![]() |
บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ |
![]() |
![]() | |
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() อรรถกถาอาภาสูตรที่ ๑ ดวงจันทร์นั้นแล ชื่อว่าจันทาภา ด้วยอำนาจส่องรัศมี. แม้ในบทที่เหลือก็นัยนี้แล. เสสปเทสุปิ เอเสว นโย ฯ ปภาสนวเสน จนฺโทว จนฺทปฺปภา ฯ อาโลกนวเสน จนฺโทว จนฺทาโลโก ฯ โอภาสนวเสน จนฺโทว จนฺโทภาโส ฯ ปชฺโชตนวเสน จนฺโทว จนฺทปชฺโชโต ฯ เอวํ สพฺพตฺถ ปเทสุปิ อตฺโถ เวทิตพฺโพ ฯ แม้ในสูตรที่สองเป็นต้น ดวงจันทร์ชื่อว่าจันทาปภา ด้วยอำนาจส่องแสง. ดวงจันทร์ชื่อว่าจันทาโลก ด้วยอำนาจส่องสว่าง. ดวงจันทร์ชื่อว่าจันโทภาส ด้วยอำนาจเปล่งแสง. ดวงจันทร์ชื่อว่าจันทัปปัชโชต ด้วยอำนาจส่องโชติช่วง. เนื้อความในบททั้งปวงพึงทราบอย่างนี้. อรรถกถาปฐมกาลสูตรที่ ๖ บทว่า กาลา คือ กาลที่เหมาะที่ควร. บทว่า กาเลน ธมฺมสฺสวนํ ได้แก่ การฟังธรรมในเวลาที่เหมาะที่ควร. บทว่า ธมฺมสากจฺฉา ความว่า การสนทนาที่เป็นไปด้วยอำนาจการถามและการตอบปัญหา อรรถกถาทุติยกาลสูตรที่ ๗ บทว่า กาลา นั่นเป็นชื่อแห่งกุศลธรรมที่เป็นไปด้วยอำนาจการฟังธรรมเป็นต้นในกาลนั้นๆ กาลเหล่านั้นจักแจ่มชัดและจักเป็นไป. บทว่า อาสวานํ ขยํ ได้แก่ พระอรหัต. ปฐมจริตสูตรที่ ๘ ง่ายทั้งนั้น. อรรถกถาทุติยจริตสูตรที่ ๙ บทว่า สณฺหวาจา ได้แก่ วาจาอ่อนโยน. บทว่า มนฺตาภาสา ได้แก่ เรื่องที่กำหนดด้วยปัญญา ที่เรียกว่ามันตาแล้ว จึงกล่าว. อรรถกถาสารสูตรที่ ๑๐ แม้ในบทที่เหลือก็นัยนี้แล. จบอาภาวรรควรรณนาที่ ๕ จบตติยปัณณาสก์ ----------------------------------------------------- .. อรรถกถา อังคุตตรนิกาย จตุกกนิบาต ตติยปัณณาสก์ ๒. อาภาวรรค จบ. |