บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ |
บทว่า ปทาเลยฺย แปลว่า พึงทำลาย. บทว่า ฉวาย ได้แก่ ต่ำทราม. บทว่า สมาธิสฺส สมาปตฺติกุสโล โหติ ความว่า ภิกษุย่อมเป็นผู้ฉลาด คือเฉียบแหลม ได้แก่มีปรีชาสามารถ เพื่อเข้าสมาธิ โดยกำหนดเอาอาหารเป็นที่สบาย และฤดูเป็นที่สบาย. บทว่า สมาธิสฺส ฐิตกุสโล ความว่า เป็นผู้ฉลาดในการหยุดสมาธิไว้ได้. อธิบายว่า สามารถจะยับยั้งไว้ได้. บทว่า สมาธิสฺส วุฏฐานกุสโล ความว่า เป็นผู้ฉลาดในการออกสมาธิ. อธิบายว่า สามารถเพื่อจะออกได้ตามกำหนด. บทว่า สมาธิสฺส กลฺลิต กุสโล ความว่า เป็นผู้ฉลาดในความที่สมาธิควรแก่กาล. อธิบายว่า สามารถเพื่อจะทำให้สมควร เพื่อให้สมาธิจิตร่าเริง. บทว่า สมาธิสฺส โคจรกุสโล ความว่า ภิกษุเมื่อเว้นอสัปปายะ คือธรรมที่ไม่ได้เป็นอุปการะแก่สมาธิ ซ่องเสพสัปปายะ คือธรรมที่เป็นอุปการะ (แก่สมาธิ) ก็ดี รู้อยู่ว่า สมาธินี้มีนิมิตเป็นอารมณ์ สมาธินี้มีลักษณะเป็นอารมณ์ก็ดี ชื่อว่าเป็นผู้ฉลาดในอารมณ์ของสมาธิ. บทว่า สมาธิสฺส อภินีหารกุสโล ความว่า ภิกษุเมื่อสามารถเพื่อจะนำสมาธิมีปฐมฌานเป็นต้นให้ก้าวหน้าไป เพื่อประโยชน์แก่การเข้าสมาบัติสูงๆ ขึ้นไป ชื่อว่าเป็นผู้ฉลาดในความก้าวหน้าของสมาธิ คือเธอออกจากปฐมฌานแล้ว เข้าทุติยฌาน ออกจากทุติยฌานแล้ว ฯลฯ ออกจากตติยฌานแล้ว เข้าจตุตถฌานฉะนี้แล. จบอรรถกถาหิมวันตสูตรที่ ๔ ----------------------------------------------------- .. อรรถกถา อังคุตตรนิกาย ฉักกนิบาต ปฐมปัณณาสก์ อนุตตริยวรรคที่ ๓ ๔. หิมวันตสูตร จบ. |