บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ |
อ่าน อรรถกถาหน้าต่างที่ [หน้าสารบัญ] [๑] [๒] [๓] [๔] [๕] [๖] [๗] [๘] [๙] หน้าต่างที่ ๖ / ๙. ข้อความเบื้องต้น ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า อปฺปมตฺโต ปมตฺเตสุ เป็นต้น. ภิกษุ ๒ รูปมีปฏิปทาต่างกัน ____________________________ #- อบาย ๔ คือ ๑. นิรยะ นรก ๒. ดิรัจฉานโยนิ กำเนิดสัตว์ดิรัจฉาน ๓. ปิตติวิสัย ภูมิแห่งเปรต ๔. อสุรกาย พวกอสุรกาย. ๒- น วจนกฺขโม ไม่อดทนต่อถ้อยคำ. ฝ่ายพระเถระผู้เกียจคร้าน ผิงไฟในปฐมยามแล้ว ในเวลาที่ภิกษุนอกนี้เดินจงกรมแล้วเข้าไปสู่ห้อง จึงเข้าไป พูดว่า ท่านผู้เกียจคร้านมาก ท่านเข้าไปสู่ป่า เพื่อต้องการหลับนอน (หรือ), อันบุคคลเรียนกัมมัฏฐานในสำนักพระพุทธเจ้า แล้วลุกขึ้นทำสมณธรรมตลอดทั้งกลางคืนกลางวัน ไม่ควรหรือ? ดังนี้แล้ว ก็เข้าไปยังที่อยู่ของตนแล้วนอนหลับ, ฝ่ายภิกษุนอกนี้ พักผ่อนในมัชฌิมยามแล้ว กลับลุกขึ้นทำสมณธรรม พระศาสดาตรัสถามภิกษุทั้งสอง พระศาสดา ตรัสถามว่า ก็เธอเล่า? ภิกษุ. ภิกษุรูปเกียจคร้านทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์เก็บฟืนมาต่อเวลายังวัน จัดเตาไฟแล้ว นั่งผิงไฟอยู่ตลอดปฐมยามไม่หลับนอน ให้เวลาล่วงไปแล้ว. ผู้มีปัญญาดีย่อมละทิ้งผู้มีปัญญาทราม ดังนี้แล้ว จึงตรัสพระคาถานี้ว่า
____________________________ ๑- หมายความว่า ฝีเท้า. แก้อรรถ บทว่า ปมตฺเตสุ ความว่า เมื่อสัตว์ทั้งหลายตั้งอยู่แล้วในการปล่อยสติ. บทว่า สุตฺเตสุ คือ (เมื่อสัตว์ทั้งหลาย) ชื่อว่า ประพฤติหลับอยู่ทุกอิริยาบถทีเดียว เพราะไม่มีธรรมเป็นเครื่องตื่น คือสติ. บทว่า พหุชาคโร ได้แก่ ผู้ดำรงอยู่ในธรรมเป็นเครื่องตื่น คือความไพบูลย์แห่งสติเป็นอันมาก. บทว่า อพลสฺสํว ความว่า ดุจม้าสินธพอาชาไนยตัวมีเชาวน์เร็ว วิ่งทิ้งม้าตัวมีกำลังทราม มีเชาวน์ขาดแล้ว โดยความเป็นม้ามีเท้าด้วนไปฉะนั้น. บทว่า สุเมธโส เป็นต้น ความว่า บุคคลผู้มีปัญญายอดเยี่ยม ย่อมละบุคคลผู้เห็นปานนั้นไป ด้วยอาคมคือปริยัติบ้าง ด้วยอธิคมคือการบรรลุมรรคผลบ้าง. อธิบายว่า เมื่อคนมีปัญญาทึบพยายามเรียนพระสูตร สูตรหนึ่งอยู่นั้นแล, ผู้มีปัญญาดีย่อมเรียนได้วรรคหนึ่ง, ย่อมละไปด้วยอาคมคือปริยัติ อย่างนี้ก่อน. อนึ่ง เมื่อคนมีปัญญาทึบ กำลังพยายามทำที่พักกลางคืนและที่พักกลางวันอยู่นั่นแล และเรียนกัมมัฏฐานสาธยายอยู่นั่นแล, แม้ในกาลเป็นส่วนเบื้องต้น บุคคลผู้มีปัญญาดี เข้าไปสู่ที่พักกลางคืนหรือที่พักกลางวันที่ผู้อื่นทำไว้ พิจารณากัมมัฏฐานอยู่ ยังสรรพกิเลสให้สิ้นไป ทำโลกุตรธรรม ๙ ประการ ให้อยู่ในเงื้อมมือได้, ผู้มีปัญญาดีย่อมละไปได้ด้วยอธิคมคือการบรรลุมรรคผลอย่างนี้. อนึ่ง ผู้มีปัญญาดีละ คือทิ้งคนมีปัญญาทึบนั้นไว้ในวัฏฏะ ถอน (ตน) ออกจากวัฏฏะไปโดยแท้แล. ในกาลจบคาถา ชนเป็นอันมากบรรลุอริยผลทั้งหลาย มีโสดาปัตติผลเป็นต้น ดังนี้แล. เรื่องภิกษุ ๒ สหาย จบ. ----------------------------------------------------- .. อรรถกถา ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท อัปปมาทวรรคที่ ๒ |