บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ |
อ่าน อรรถกถาหน้าต่างที่ [หน้าสารบัญ] [๑] [๒] [๓] [๔] [๕] [๖] [๗] [๘] [๙] [๑๐] [๑๑] [๑๒] [๑๓] [๑๔] [๑๕] หน้าต่างที่ ๙ / ๑๕. ข้อความเบื้องต้น พระศาสดาเสด็จบิณฑบาต แท้จริง ในกาลบางคราว พระผู้มีพระภาคทรงปิดพระรัศมีมีพรรณะ ๖ ด้วยจีวรแล้ว เสด็จ ในกาลบางคราว ทรงเปล่งพระรัศมีมีพรรณะ ๖ เหมือนทรงเปล่งในเวลาเสด็จเข้าไปสู่กรุงกบิลพัสดุ์เป็นต้น. แม้ในวันนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงเปล่งพระรัศมีมีพรรณะ ๖ จากพระสรีระ เสด็จเข้าไปสู่กรุงราชคฤห์ ด้วยพระพุทธานุภาพอันใหญ่ ด้วยพระพุทธลีลาอันใหญ่. นายมาลาการบูชาพระศาสดาด้วยดอกไม้ ครั้งนั้น ความคิดอย่างนี้ได้มีแก่นายมาลาการนั้นว่า "พระราชาจะทรงฆ่าเราเสียก็ตาม ขับไล่เสียจากแว่นแคว้นก็ตาม, ก็พระราชานั้น แม้เมื่อพระราชทานแก่เรา พึงพระราชทานทรัพย์สักว่าเลี้ยงชีพในอัตภาพนี้, ส่วนการบูชาพระศาสดา อาจเพื่อประโยชน์เกื้อกูลและความสุข แก่เราในโกฏิกัปเป็นอเนกทีเดียว" สละชีวิตของตน แด่พระตถาคตแล้ว. นายมาลาการนั้นคิดว่า "จิตเลื่อมใสของเราไม่กลับกลายเพียงใด, เราจักทำการบูชาเพียงนั้นทีเดียว" เป็นผู้ร่าเริงบันเทิงแล้ว มีจิตเบิกบานและแช่มชื่น บูชาพระศาสดาแล้ว. ____________________________ ๑- เช่นกับด้วยพวงแก้วและพวงทองก็ว่า โบราณว่า เช่นกับด้วยพนมแก้วและพนมทองก็มี. . ความอัศจรรย์ของดอกไม้ที่เป็นพุทธบูชา พระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นราวกะว่า แวดล้อมแล้วด้วยแผ่นเงิน เสด็จไปแล้ว. ดอกไม้ทั้งหลาย แม้ไม่มีจิต อาศัยบุคคลผู้มีจิต ไม่แยกกัน ไม่ตกลง ย่อมไปกับพระศาสดานั่นเทียว ย่อมหยุดในที่ประทับยืน. รัศมีเป็นราวกะว่าสายฟ้าแลบตั้งแสนสาย ออกจากพระสรีระของพระศาสดา. พระรัศมีที่ออก (จากพระกายนั้น) ออกทั้งข้างหน้าทั้งข้างหลัง ทั้งข้างขวาทั้งข้างซ้าย ทั้งเบื้องบนพระเศียร. พระรัศมี แม้แต่สายหนึ่ง ไม่หายไปทางที่ตรงเบื้องพระพักตร์ แม้ทั้งหมดกระทำประทักษิณพระศาสดา ๓ รอบแล้ว รวมเป็นพระรัศมี มีประมาณเท่าลำตาลหนุ่ม พุ่งตรงไปข้างหน้าทางเดียว. นายมาลาการบอกแก่ภรรยา ครั้งนั้น ภรรยาถามเขาว่า "ดอกไม้อยู่ที่ไหน?" มาลาการ. เราบูชาพระศาสดาแล้ว. ภรรยา. บัดนี้ ท่านจักทำอะไรแด่พระราชาเล่า? มาลาการ. พระราชาจะทรงฆ่าเราก็ตาม ขับไล่จากแว่นแคว้นก็ตาม, เราสละชีวิตบูชาพระศาสดาแล้ว, ดอกไม้ทั้งหมดมี ๘ กำ, บูชาชื่อเห็นปานนี้เกิดแล้ว, มหาชนทำการโห่ร้องตั้งพัน เที่ยวไปกับพระศาสดา, นั่นเสียงโห่ร้องของมหาชนในที่นั้น. ภรรยาไม่เลื่อมใสฟ้องพระราชา จึงกราบทูลว่า "สามีของหม่อมฉัน เอาดอกไม้สำหรับบำรุงพระองค์บูชาพระศาสดาแล้ว มีมือเปล่ามาสู่เรือน ถูกหม่อมฉันถามว่า ดอกไม้อยู่ไหน? ก็กล่าวคำชื่อนี้, หม่อมฉันด่าเขา พระราชาทรงทำเป็นกริ้ว ท้าวเธอทำเป็นดังกริ้ว ตรัสว่า "เจ้าพูดอะไร แม่? นาย พระราชาตรัสว่า "ความดีอันเจ้าทิ้งเขากระทำแล้ว, เราจักรู้กิจที่ควรกระทำแก่ พระศาสดาทรงทราบความเลื่อมใสแห่งพระหฤทัยของพระราชานั้น เสด็จเที่ยวไปสู่พระนครตามถนนเป็นที่เที่ยวไปด้วยกลองแล้ว ได้เสด็จไปสู่พระทวารแห่งพระราชมนเทียรของพระราชา. พระราชาทรงรับบาตร ได้ทรงมีพระประสงค์จะเชิญเสด็จพระศาสดาเข้าไปสู่พระราชมนเทียร. ส่วนพระศาสดาได้ทรงแสดงพระอาการที่จะประทับนั่งในพระลานหลวงนั่นเอง. พระราชาทรงทราบพระอาการนั้นแล้ว รับสั่งให้กระทำปะรำ ในขณะนั้นนั่นเอง ด้วยพระดำรัสว่า "ท่านทั้งหลายจงกระทำปะรำโดยเร็ว." พระศาสดาประทับนั่งกับหมู่ภิกษุแล้ว. ถามว่า ก็เพราะเหตุไร พระศาสดาจึงไม่เสด็จเข้าสู่พระราชมนเทียร? แก้ว่า (เพราะ) ได้ยินว่า ความปริวิตกอย่างนี้ได้มีแก่พระองค์ว่า ถ้าว่าเราพึงเข้าไปนั่งในภายในไซร้, มหาชนไม่พึงได้เพื่อจะเห็นเรา, คุณของนายมาลาการจะไม่พึงปรากฏ แต่ว่ามหาชนจักได้เพื่อเห็นเราผู้นั่งอยู่ ณ พระลานหลวง, คุณของนายมาลาการจักปรากฏ. พระราชาทรงพระราชทานสิ่งของอย่างละ ๘ อย่าง แผ่นดอกไม้ ๔ แผ่น ได้ตั้งอยู่ในทิศทั้ง ๔ แล้ว. มหาชนแวดล้อมพระศาสดาแล้ว. พระราชาทรงอังคาสภิกษุสงฆ์ มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุข ด้วยอาหารอันประณีต. ในเวลาเสร็จภัตกิจ พระศาสดาทรงกระทำอนุโมทนาแล้ว อันแผ่นดอกไม้ ๔ แผ่น แวดล้อมโดยนัยก่อนนั่นแล อันมหาชนผู้บันลือสีหนาทแวดล้อม ได้เสด็จไปสู่วิหารแล้ว. พระราชาตามส่งพระศาสดา กลับแล้ว รับสั่งให้หานายมาลาการมาแล้ว ตรัสถามว่า "เจ้าว่าอย่างไร จึงบูชาพระศาสดาด้วยดอกไม้ อันตนพึงนำมาเพื่อเรา?" นายมาลาการกราบทูลว่า "ขอเดชะ ข้าพระองค์คิดว่า พระราชาจะฆ่าเราก็ตาม จะขับไล่เราเสียจากแว่นแคว้นก็ตาม ดังนี้แล้ว จึงสละชีวิตบูชาพระศาสดา." พระราชาตรัสว่า "เจ้าชื่อว่าเป็นมหาบุรุษ" แล้วพระราชทานของที่ควรให้ ชื่อหมวด ๘ แห่งวัตถุทั้งปวงนี้ คือช้าง ๘ ม้า ๘ ทาส ๘ ทาสี ๘ เครื่องประดับใหญ่ ๘ กหาปณะ ๘ พัน นารี ๘ นาง ที่นำมาจากราชตระกูล ประดับด้วยเครื่องอลังการทั้งปวง และบ้านส่วย ๘ ตำบล. พระศาสดาตรัสสรรเสริญนายมาลาการ พระเถระนั้นทูลถามพระศาสดาแล้ว. ลำดับนั้น พระศาสดาตรัสกะพระเถระนั้นว่า "อานนท์ เธออย่าได้กำหนดว่า กรรมมีประมาณเล็กน้อย อันนายมาลาการนี้กระทำแล้ว ก็นายมาลาการนี้ได้สละชีวิตกระทำการบูชาเราแล้ว, เขายังจิตให้เลื่อมใสในเราด้วยอาการอย่างนี้ จักไม่ไปสู่ทุคติ ตลอดแสนกัลป์" ดังนี้แล้ว ตรัสว่า :- นายมาลาการ จักดำรงอยู่ในเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย จักไม่ไปสู่ทุคติ ตลอดแสนกัลป์, นี่เป็นผลแห่งกรรมนั้น, ภายหลังเขาจักเป็นพระปัจเจกพุทธะ นามว่าสุมนะ. ก็ในเวลาพระศาสดาเสด็จถึงวิหาร เข้าไปสู่พระคันธกุฎี ดอกไม้เหล่านั้นตกลงที่ซุ้มพระทวารแล้ว. ไม่ควรทำกรรมที่เดือดร้อนภายหลัง พระศาสดาเสด็จออกจากพระคันธกุฎีแล้ว ไปสู่โรงธรรมด้วยการเสด็จไป ๓ อย่าง อย่างใดอย่างหนึ่ง ประทับนั่งบนพระพุทธอาสน์แล้ว ตรัสถามว่า "ภิกษุทั้งหลาย บัดนี้ เธอทั้งหลายนั่งประชุมกันด้วยกถาอะไรหนอ?" เมื่อภิกษุเหล่านั้นกราบทูลว่า "ด้วยกถาชื่อนี้" จึงตรัสว่า "อย่างนั้น ภิกษุทั้งหลาย ความเดือดร้อนในภายหลังย่อมไม่มี โสมนัสเท่านั้นย่อมเกิดขึ้น ในขณะที่ระลึกแล้วๆ เพราะบุคคลกระทำกรรมใด, กรรมเห็นปานนั้น อันบุคคลควรกระทำแท้" เมื่อจะทรงสืบอนุสนธิแสดงธรรม จึงตรัสพระคาถานี้ว่า :-
แก้อรรถ ในเวลาจบเทศนา การตรัสรู้ธรรมได้มีแก่สัตว์ ๘ หมื่น ๔ พันแล้ว ดังนี้แล. เรื่องนายสุมนมาลาการ จบ. ----------------------------------------------------- .. อรรถกถา ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท พาลวรรคที่ ๕ |