|
อ่าน อรรถกถาหน้าต่างที่ [หน้าสารบัญ] [๑] [๒] [๓] [๔] [๕] [๖] [๗] [๘] [๙] [๑๐] [๑๑]อรรถกถา ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท ปัณฑิตวรรคที่ ๖หน้าต่างที่ ๓ / ๑๑. ๓. เรื่องพระฉันนเถระ [๖๒] ข้อความเบื้องต้น
พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงปรารภพระฉันนเถระ ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า "น ภเช ปาปเก มิตฺเต" เป็นต้น.
พระฉันนเถระด่าพระอัครสาวก
ดังได้สดับมา ท่านพระฉันนะนั้นด่าพระอัครสาวกทั้งสองว่า "เราเมื่อตามเสด็จออกมหาภิเนษกรมณ์ กับพระลูกเจ้าของเราทั้งหลายในเวลานั้น
มิได้เห็นผู้อื่นแม้สักคนเดียว, แต่บัดนี้ ท่านพวกนี้เที่ยวกล่าวว่า เราชื่อสารีบุตร, เราชื่อโมคคัลลานะ, พวกเราเป็นอัครสาวก."
พระศาสดาทรงสดับข่าวนั้นแต่สำนักภิกษุทั้งหลายแล้ว รับสั่งให้หาพระฉันนเถระมา ตรัสสอนแล้ว. ท่านนิ่งในชั่วขณะนั้นเท่านั้น ยังกลับไปด่าพระเถระทั้งหลายเหมือนอย่างนั้นอีก.
พระศาสดารับสั่งให้หาท่านซึ่งกำลังด่ามาแล้ว ตรัสสอนอย่างนั้นถึง ๓ ครั้งแล้ว ตรัสเตือนว่า "ฉันนะ ชื่อว่าอัครสาวกทั้งสองเป็นกัลยาณมิตร เป็นบุรุษชั้นสูงของเธอ, เธอจงเสพ จงคบกัลยาณมิตรเห็นปานนี้"
ดังนี้แล้ว เมื่อจะทรงสืบอนุสนธิแสดงธรรม จึงตรัสพระคาถานี้ว่า :-
๓. | น ภเช ปาปเก มิตฺเต | น ภเช ปุริสาธเม
| | ภเชถ มิตฺเต กลฺยาเณ | ภเชถ ปุริสุตฺตเม.
| | บุคคลไม่ควรคบปาปมิตร ไม่ควรคบบุรุษต่ำช้า
| | ควรคบกัลยาณมิตร ควรคบบุรุษสูงสุด. |
แก้อรรถ
เนื้อความแห่งพระคาถานั้นว่า "คนผู้ยินดีในอกุศลกรรม มีกายทุจริตเป็นต้น ชื่อว่าปาปมิตร,
คนผู้ชักนำในเหตุอันไม่สมควร มีการตัดช่องเป็นต้นก็ดี อันต่างโดยการแสวงหาไม่ควร ๒๑ อย่างก็ดี๑- ชื่อว่าบุรุษต่ำช้า.
อนึ่ง ชน ๒ จำพวกนั้น ชื่อว่าเป็นทั้งปาปมิตร ทั้งบุรุษต่ำช้า, บุคคลไม่ควรคบ คือไม่ควรนั่งใกล้เขาเหล่านั้น, ฝ่ายชนผู้ผิดตรงกันข้าม ชื่อว่าเป็นทั้งกัลยาณมิตร ทั้งสัตบุรุษ, บุคคลควรคบ คือควรนั่งใกล้ท่านเหล่านั้น.
ในเวลาจบเทศนา ชนเป็นอันมากบรรลุอริยผลทั้งหลาย มีโสดาปัตติผลเป็นต้นแล้ว.
____________________________
๑- ปรมัตถโชติกา หน้า ๒๖๕.
พระศาสดาตรัสสั่งให้ลงพรหมทัณฑ์พระฉันนะ
ฝ่ายพระฉันนเถระ แม้ได้ฟังพระโอวาทแล้ว ก็ยังด่าขู่พวกภิกษุอยู่อีกเหมือนนัยก่อนนั่นเอง. แม้พวกภิกษุก็กราบทูลแด่พระศาสดาอีก.
พระศาสดาตรัสว่า "ภิกษุทั้งหลาย เมื่อเรายังมีชีวิตอยู่ พวกเธอจักไม่อาจเพื่อให้ฉันนะสำเหนียกได้, แต่เมื่อเราปรินิพพานแล้ว จึงจักอาจ" ดังนี้แล้ว,
เมื่อท่านพระอานนท์ทูลถาม ในเวลาจวนจะเสด็จปรินิพพานว่า "พระเจ้าข้า อันพวกข้าพระองค์จะพึงปฏิบัติในพระฉันนเถระอย่างไร? จึงตรัสบังคับว่า "อานนท์ พวกเธอพึงลงพรหมทัณฑ์แก่ฉันนภิกษุเถิด."
พระฉันนะนั้น เมื่อพระศาสดาเสด็จปรินิพพานแล้ว ได้ฟังพรหมทัณฑ์ที่พระอานนทเถระยกขึ้นแล้ว
มีทุกข์ เสียใจ ล้มสลบถึง ๓ ครั้ง แล้ววิงวอนว่า "ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ขอท่านอย่าให้กระผมฉิบหายเลย" ดังนี้แล้ว
บำเพ็ญวัตรอยู่โดยชอบ ต่อกาลไม่นานนัก ก็บรรลุพระอรหัต พร้อมด้วยปฏิสัมภิทาทั้งหลายแล้ว ดังนี้แล.
เรื่องพระฉันนเถระ จบ. ----------------------------------------------------- .. อรรถกถา ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท ปัณฑิตวรรคที่ ๖ อ่านอรรถกถาหน้าต่างที่ [หน้าสารบัญ] [๑] [๒] [๓] [๔] [๕] [๖] [๗] [๘] [๙] [๑๐] [๑๑]
อ่านเนื้อความในพระไตรปิฎก https://84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=25&A=479&Z=514 อ่านอรรถกถาภาษาบาลีอักษรไทย https://84000.org/tipitaka/atthapali/read_th.php?B=21&A=1 The Pali Atthakatha in Roman https://84000.org/tipitaka/atthapali/read_rm.php?B=21&A=1 - -- ---- ----------------------------------------------------------------------------
ดาวน์โหลด โปรแกรมพระไตรปิฎก
บันทึก ๑๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๘
หากพบข้อผิดพลาด กรุณาแจ้งได้ที่ [email protected]
|