บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ |
อ่าน อรรถกถาหน้าต่างที่ [หน้าสารบัญ] [๑] [๒] [๓] [๔] [๕] [๖] [๗] [๘] [๙] [๑๐] หน้าต่างที่ ๒ / ๑๐. ข้อความเบื้องต้น ธรรมเนียมของพระพุทธเจ้าผู้จะเสด็จจาริก ได้ยินว่า การรับสั่งให้แจ้งแก่ภิกษุทั้งหลายว่า "บัดนี้ เราจักหลีกไปสู่ที่จาริกโดยกาลล่วงไปกึ่งเดือน" ดังนี้ ด้วยทรงประสงค์ว่า "ภิกษุทั้งหลายจักทำกิจต่างๆ มีการระบมบาตรและย้อมจีวรเป็นต้นของตนแล้ว จักไปตามสบายด้วยอาการอย่างนี้" นี้เป็นธรรมเนียมของพระพุทธเจ้าทั้งหลายผู้มีพระประสงค์จะเสด็จจาริกไปกับพวกภิกษุ. ก็เมื่อภิกษุทั้งหลายกำลังทำกิจต่างๆ มีการระบมบาตรเป็นต้นของตนอยู่. แม้พระมหากัสสปเถระก็ซักจีวรทั้งหลายแล้ว. พวกภิกษุว่าพระเถระละญาติและอุปัฏฐากไปไม่ได้ ดังได้สดับมา พระศาสดาเสด็จถึงซอกใดแล้ว ย่อมตรัสบอกภิกษุทั้งหลาย ผู้ควรที่ รับสั่งให้พระมหากัสสปกลับ ลำดับนั้น พระองค์ได้ทรงมีพระปริวิตกอย่างนี้ว่า "ก็พวกมนุษย์เหล่านั้น เป็นทั้งญาติเป็นทั้งอุปัฏฐากของกัสสป, เราควรให้กัสสปกลับ." พระองค์ตรัสกะพระเถระว่า "กัสสป เราไม่อาจทำวิหารให้เปล่าได้, ความต้องการด้วยภิกษุ ในที่ทำมงคลและอวมงคลทั้งหลาย ของพวกมนุษย์มีอยู่, เธอกับบริษัทของตน จงกลับเถิด." พระเถระทูลว่า "ดีละ พระเจ้าข้า" แล้วพาบริษัทกลับ. ภิกษุทั้งหลายโพนทะนาว่า "ผู้มีอายุทั้งหลาย พวกท่านเห็นไหมละ พวกเราพูด ทรงชี้แจงเหตุที่พระมหากัสสปกลับ พระศาสดาทรงสดับคำนั้นแล้ว ตรัสว่า "ภิกษุทั้งหลาย พวกเธอกล่าว (หา) กัสสปว่า ข้องแล้วในตระกูลและในปัจจัยทั้งหลาย, (แต่ความจริง) เธอกลับแล้ว ด้วยทำในใจว่า เราจักทำตามคำของเรา (ตถาคต). ก็กัสสปนั่น แม้ในกาลก่อน เมื่อจะทำความปรารถนานั่นแล ก็ได้ทำความปรารถนาว่า เราพึงเป็นผู้ไม่ข้องในปัจจัย ๔ มีอุปมาดังพระจันทร์สามารถเข้าไปสู่ตระกูลทั้งหลายได้, กัสสปนั่นไม่มีความข้องในตระกูลหรือในปัจจัยทั้งหลาย, เราเมื่อจะกล่าวข้อปฏิบัติอันเปรียบด้วยพระจันทร์ และข้อปฏิบัติแห่งวงศ์ พระศาสดาตรัสบุรพจริตของพระเถระ พระศาสดา. พวกเธอประสงค์จะฟังหรือ? ภิกษุทั้งหลาย. พวกภิกษุ. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระเจ้าข้า. พระศาสดาตรัสแก่ภิกษุเหล่านั้นว่า "ภิกษุทั้งหลาย ในที่สุดแห่งแสนกัลป์แต่กัลป์นี้ พระพุทธเจ้าทรงพระนามว่าปทุมุตตระ ทรงอุบัติขึ้นแล้วในโลก" ดังนี้แล้ว ตรัสความประพฤติในกาลก่อนของพระเถระทั้งหมด ตั้งต้นแต่ท่านตั้งความปรารถนาไว้ในกาลแห่งพระพุทธเจ้า บุรพจริตนั้น พระธรรมสังคาหกาจารย์ให้พิสดารแล้ว ในพระบาลีอันแสดงประวัติของพระเถระนั่นแล้ว. ตรัสเปรียบพระเถระด้วยพระยาหงส์ "ภิกษุทั้งหลาย เพราะอย่างนี้แล เราจึงกล่าวข้อปฏิบัติอันเปรียบด้วยพระจันทร์และข้อปฏิบัติแห่งวงศ์ของพระอริยะ อ้างเอากัสสปบุตรของเราให้เป็นต้น. ชื่อว่าความข้องในปัจจัยก็ดี ตระกูลก็ดี วิหารก็ดี บริเวณก็ดี ย่อมไม่มีแก่บุตรของเรา. บุตรของเราไม่ข้องในอะไรๆ เลย เหมือนพระยาหงส์ ร่อนลงในเปือกตม เที่ยวไปในเปือกตมนั้นแล้ว ก็บินไป ฉะนั้น" ดังนี้แล้ว เมื่อจะทรงสืบอนุสนธิแสดงธรรม จึงตรัสพระคาถานี้ว่า :-
แก้อรรถ บาทพระคาถาว่า น นิเกเต รมนฺติ เต คือ ชื่อว่าความยินดีในที่ห่วงของท่าน ย่อมไม่มี. บทว่า หํสาว นี้ เป็นแง่แห่งเทศนา. ก็นี้ความอธิบายในคำนี้ว่า :- ฝูงนกถือเอาเหยื่อของตน ในเปือกตมอันบริบูรณ์ด้วยเหยื่อแล้ว ในเวลาไปไม่ทำความห่วงสักหน่อยในที่นั้นว่า "น้ำของเรา, ดอกปทุมของเรา, ดอกอุบลของเรา, ดอกบุณฑริกของเรา, หญ้าของเรา" หาความเสียดายมิได้เทียว ละประเทศนั้น บินเล่นไปในอากาศ ฉันใด: พระขีณาสพทั้งหลายนั่น ก็ฉันนั้นแล แม้อยู่ในที่ใดที่หนึ่ง ไม่ข้องแล้วในสกุลเป็นต้นเทียวอยู่ แม้ในคราวไป ละที่นั้นไปอยู่ หาความห่วงหา ความเสียดายว่า "วิหารของเรา, บริเวณของเรา, อุปัฏฐากของเรา" มิได้เทียว ไปอยู่. บทว่า โอกโมกํ คือ อาลัย, ความว่า ละความห่วงทั้งปวงเสีย. ในกาลจบเทศนา ชนเป็นอันมากบรรลุอริยผลทั้งหลายมีโสดาปัตติผลเป็นต้น ดังนี้แล. เรื่องพระมหากัสสปเถระ จบ. ----------------------------------------------------- .. อรรถกถา ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท อรหันตวรรคที่ ๗ |