![]() |
บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ |
![]() |
![]() | |||||||||||||||||||||||||
อ่าน อรรถกถาหน้าต่างที่ [หน้าสารบัญ] [๑] [๒] [๓] [๔] [๕] [๖] [๗] [๘] [๙] [๑๐] [๑๑] [๑๒] ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() หน้าต่างที่ ๔ / ๑๒. ข้อความเบื้องต้น ท่านเศรษฐีบำรุงภิกษุสามเณรเป็นนิตย์ การหมดสิ้นแห่งทรัพย์ของท่านเศรษฐี เศรษฐีถวายทานตามมีตามได้ เมื่อมีจิตผ่องใสทานที่ถวายไม่เป็นของเลว "คฤหบดี ท่านอย่าคิดว่า เราถวายทานเศร้าหมอง ด้วยว่าเมื่อจิตประณีตแล้ว ทานที่บุคคลถวายแด่พระอรหันต์ทั้งหลายมีพระพุทธเจ้าเป็นต้น ชื่อว่าเศร้าหมองย่อมไม่มี, คฤหบดี อีกประการหนึ่ง ท่านได้ถวายทานแด่พระอริยบุคคลทั้ง ๘ แล้ว ส่วนเราในกาลเป็นเวลามพราหมณ์นั้น กระทำชาวชมพูทวีปทั้งสิ้น ให้พักไถนา ยังมหาทานให้เป็นไปอยู่ ไม่ได้ทักขิไณยบุคคลไรๆ แม้ผู้ถึงซึ่งไตรสรณะ ชื่อว่าทักขิไณยบุคคลทั้งหลาย ยากที่บุคคลจะได้ด้วยประการฉะนี้, เพราะเหตุนั้น ท่านอย่าคิดเลยว่า ทานของเราเศร้าหมอง ดังนี้แล้ว ได้ตรัสเวลามสูตร๑- แก่เศรษฐีนั้น. ____________________________ ๑- องฺ. นวก. เล่ม ๒๓/ข้อ ๒๒๔. เทวดาเตือนเศรษฐีให้เลิกการบริจาค ขณะนั้น เศรษฐีเห็นเทวดานั้นแล้วถามว่า "นั่นใคร?" เทวดา. มหาเศรษฐี ข้าพเจ้าเป็นเทวดาสถิตอยู่ที่ซุ้มประตูที่ ๔ ของท่าน มาเพื่อต้องการเตือนท่าน. เศรษฐี. เทวดา ถ้าเช่นนั้น เชิญท่านพูดเถิด. เทวดา. มหาเศรษฐี ท่านไม่เหลียวแลถึงกาลภายหลังเลย จ่ายทรัพย์เป็นอันมากในศาสนาของพระสมณโคดม, บัดนี้ ท่านแม้เป็นผู้ยากจนแล้ว ก็ยังไม่ละการจ่ายทรัพย์อีก เมื่อท่านประพฤติอย่างนี้ จักไม่ได้แม้วัตถุสักว่าอาหารและเครื่องนุ่งห่ม โดย ๒-๓ วันแน่แท้ ท่านจะต้องการอะไรด้วยพระสมณโคดม ท่านจงเลิกจากการบริจาคเกิน (กำลัง) เสีย แล้วประกอบการงานทั้งหลาย รวบรวมสมบัติไว้เถิด. เศรษฐี. นี้เป็นโอวาทที่ท่านให้แก่ข้าพเจ้าหรือ? เทวดา. จ้ะ มหาเศรษฐี. เศรษฐี. ไปเถิดท่าน, ข้าพเจ้าอันบุคคลผู้เช่นท่านแม้ตั้งร้อย ตั้งพัน ตั้งแสนคน ก็ไม่อาจให้หวั่นไหวได้ ท่านกล่าวคำไม่สมควร จะต้องการอะไรด้วยท่านผู้อยู่ในเรือนของข้าพเจ้า ท่านจงออกไปจากเรือนของข้าพเจ้าเร็วๆ. เทวดาถูกเศรษฐีขับไล่ไม่มีที่อาศัย เทพบุตรห้ามเทวดานั้นว่า "ท่านกล่าวคำไม่สมควร ข้าพเจ้าไม่อาจไปยังสำนักของเศรษฐีนั้นได้." เทวดานั้นจึงไปสู่สำนักของท้าวมหาราชทั้ง ๔ ก็ถูกท่านเหล่านั้นห้ามไว้ จึงเข้าไปเฝ้าท้าวสักกเทวราช กราบทูลเรื่องนั้น (ให้ทรงทราบ) แล้วทูลวิงวอนอย่างน่าสงสารว่า "ข้าแต่เทพเจ้า ข้าพระองค์ไม่ได้ที่อยู่ ต้องจูงพวกทารกเที่ยวระหกระเหิน หาที่พึ่งมิได้ ขอได้โปรดให้เศรษฐีให้ที่อยู่แก่ข้าพระองค์เถิด." ท้าวสักกะทรงแนะนำอุบายให้เทวดา เทวดา. ดีละ เทพเจ้า ขอพระองค์ทรงพระกรุณาตรัสบอกเถิด. ท้าวสักกะ. ไปเถิดท่าน จงแปลงเพศเป็นเสมียนของเศรษฐี ให้ใครนำหนังสือ (สัญญากู้เงิน) จากมือเศรษฐีมาแล้ว (นำไป) ให้เขาชำระทรัพย์ ๑๘ โกฏิที่พวกค้าขายถือเอาไป ด้วย เศรษฐีกลับรวยอย่างเดิม เศรษฐีอดโทษแก่เทวดา เทวดาหมอบลงด้วยเศียรเกล้า แทบพระบาทยุคลแห่งพระศาสดา กราบทูลว่า "ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ไม่ทราบพระคุณทั้งหลายของพระองค์ ได้กล่าวคำใดอันชั่วช้า เพราะความเป็นอันธพาล, ขอพระองค์ทรงงดโทษคำนั้นแก่ข้าพระองค์" ให้พระศาสดาทรงอดโทษแล้ว จึงให้ท่านมหาเศรษฐีอดโทษให้ (ในภายหลัง). เมื่อกรรมให้ผล คนโง่จึงเห็นถูกต้อง "ดูก่อนคฤหบดี แม้บุคคลผู้ทำบาปในโลกนี้ ย่อมเห็นบาปว่าดี ตลอดกาลที่บาปยังไม่เผล็ดผล แต่เมื่อใด บาปของเขาเผล็ดผล, เมื่อนั้น เขาย่อมเห็นบาปว่าชั่วแท้ๆ, ฝ่ายบุคคลผู้ทำกรรมดี ย่อมเห็นกรรมดีว่าชั่ว ตลอดกาลที่กรรมดียังไม่เผล็ดผล แต่เมื่อใด กรรมดีของเขาเผล็ดผล, เมื่อนั้น เขาย่อมเห็นกรรมดีว่า ดีจริงๆ" ดังนี้แล้ว เมื่อจะทรงสืบอนุสนธิแสดงธรรม จึงได้ภาษิตพระคาถาเหล่านี้ว่า :-
แก้อรรถ ก็บุคคลแม้นั้น เมื่อยังเสวยสุขอันเกิดขึ้น ด้วยอานุภาพแห่งสุจริตกรรมในปางก่อนอยู่ ย่อมเห็นแม้บาปกรรมว่าดี. บาทพระคาถาว่า ยาว ปาปํ น ปจฺจติ เป็นต้น ความว่า บาปกรรมของเขานั้น ยังไม่ให้ผลในปัจจุบันภพหรือสัมปรายภพเพียงใด. (ผู้ทำบาป ย่อมเห็นบาปว่าดี เพียงนั้น). แต่เมื่อใดบาปกรรมของเขานั้นให้ผลในปัจจุบันภพ หรือในสัมปรายภพ เมื่อนั้น ผู้ทำบาปนั้น เมื่อเสวยกรรมกรณ์ต่างๆ ในปัจจุบันภพ และทุกข์ในอบายในสัมปรายภพอยู่ ย่อมเห็นบาปว่าชั่วถ่ายเดียว. ในพระคาถาที่ ๒ (พึงทราบเนื้อความดังต่อไปนี้) :- บุคคลผู้ประกอบกรรมดีมีสุจริตทางกายเป็นต้น ชื่อว่าคนทำกรรมดี, คนทำกรรมดีแม้นั้น เมื่อเสวยทุกข์อันเกิดขึ้นด้วยอานุภาพแห่งทุจริตในปางก่อน ย่อมเห็นกรรมดีว่าชั่ว. บาทพระคาถาว่า ยาว ภทฺรํ น ปจฺจติ เป็นต้น ความว่า กรรมดีของเขานั้น ยังไม่ให้ผล ในปัจจุบันภพหรือในสัมปรายภพเพียงใด. (คนทำกรรมดี ย่อมเห็นกรรมดีว่าชั่วอยู่ เพียงนั้น) แต่เมื่อใด กรรมดีนั้นให้ผล เมื่อนั้นคนทำกรรมดีนั้น เมื่อเสวยสุขที่อิงอามิส มีลาภและสักการะเป็นต้นในปัจจุบันภพ และสุขที่อิงสมบัติ อันเป็นทิพย์ในสัมปรายภพอยู่ย่อมเห็นกรรมดีว่า ดีจริงๆ ดังนี้. ในกาลจบเทศนา เทวดานั้นดำรงอยู่ในโสดาปัตติผล. พระธรรมเทศนาได้มีประโยชน์แม้แก่บริษัทผู้มาประชุมกัน ดังนี้แล. เรื่องอนาถบิณฑิกเศรษฐี จบ. ----------------------------------------------------- .. อรรถกถา ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท ปาปวรรคที่ ๙ |