บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ |
อ่าน อรรถกถาหน้าต่างที่ [หน้าสารบัญ] [๑] [๒] [๓] [๔] [๕] [๖] [๗] [๘] [๙] [๑๐] [๑๑] หน้าต่างที่ ๑๐ / ๑๑. ข้อความเบื้องต้น ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า "หิรินิเสโธ ปุริโส" เป็นต้น. พระอานนท์จัดการให้ปิโลติกะบวช ก็พระอานนท์เถระนั้นคลี่ท่อนผ้าเก่าที่ทารกนั้นนุ่งแล้ว ตรวจดูไม่เห็นส่วนอะไรๆ พอใช้สอยได้ แม้สักว่าทำเป็นผ้าสำหรับกรองน้ำ จึงเอาพาดไว้ที่กิ่งไม้กิ่งหนึ่งกับกระเบื้อง. พระปิโลติกะอยากสึก ก็เมื่อท่านโอวาท๑- (ตน) อยู่นั้นแหละ จิตผ่องใสแล้ว. ท่านเก็บผ้าเก่าผืนนั้นไว้ที่เดิมนั้นแล้ว กลับไปยังวิหารตามเดิม. โดยกาลล่วงไป ๒-๓ วัน ท่านกระสันขึ้นอีก ไปกล่าวอย่างนั้นแหละ แล้วก็กลับ. ถึงกระสันขึ้นอีก ก็ไปกล่าวอย่างนั้นเหมือนกัน แล้วก็กลับด้วยประการฉะนี้. ____________________________ ๑- อีกนัยหนึ่ง แปลว่า "ก็จิตของท่านผู้โอวาท (ตน) อยู่นั่นแล ผ่องใสแล้ว" ก็ได้. พระปิโลติกเถระบรรลุพระอรหัต ท่านบอกว่า "ผู้มีอายุ ผมจะไปสำนักอาจารย์" ดังนี้แล้ว ก็ทำผ้าท่อนเก่าของตนนั่นแหละให้เป็นอารมณ์ โดยทำนองนั้นนั่นเองห้ามตนได้, โดย ๒-๓ วันเท่านั้น ก็บรรลุพระอรหัตผล. ภิกษุทั้งหลายกล่าวว่า "ผู้มีอายุ บัดนี้ ท่านไม่ไปสำนักอาจารย์หรือ? ทางนี้เป็นทางเที่ยวไปของท่านมิใช่หรือ?" คนหมดเครื่องข้องไม่ต้องไปๆ มาๆ พวกภิกษุกราบทูลเรื่องราวแด่พระตถาคตว่า "ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระปิโลติกเถระอวดอ้างพระอรหัตผล." พระศาสดา. เธอกล่าวอย่างไรเล่า? ภิกษุทั้งหลาย. พวกภิกษุ. เธอกล่าวคำชื่อนี้ พระเจ้าข้า. พระศาสดาทรงสดับคำนั้นแล้วตรัสว่า "ถูกละ ภิกษุทั้งหลาย บุตรของเรา เมื่อความเกี่ยวข้องมีอยู่ จึงไปสำนักอาจารย์ แต่บัดนี้ ความเกี่ยวข้องเธอตัดได้แล้ว เธอห้ามตนด้วยตนเอง บรรลุพระอรหัตแล้ว" ดังนี้แล้ว ได้ทรงภาษิตพระคาถาเหล่านี้ว่า
แก้อรรถ สองบทว่า โกจิ โลกสฺมึ ความว่า บุคคลเห็นปานนั้น หาได้ยาก จึงชื่อว่าน้อยคนนักจะมีในโลก. สองบทว่า โย นิทฺทํ ความว่า บุคคลใด ไม่ประมาทแล้ว ทำสมณธรรมอยู่ คอยขับไล่ความหลับที่เกิดแล้วแก่ตน ตื่นอยู่ เพราะฉะนั้น บุคคลนั้นจึงชื่อว่ากำจัดความหลับ ตื่นอยู่. บทว่า กสามิว เป็นต้น ความว่า บุคคลใดกำจัดความหลับ ตื่นอยู่ เหมือนม้าดีคอยหลบแส้อันจะตกลงที่ตน คือไม่ให้ตกลงที่ตนได้ฉะนั้น บุคคลนั้นหาได้ยาก. ในคาถาที่ ๒ มีเนื้อความสังเขปดังต่อไปนี้ :- "ภิกษุทั้งหลาย แม้เธอทั้งหลายจงเป็นผู้มีความเพียร มีความสลดใจ เหมือนม้าดีอาศัยความประมาท ถูกเขาฟาดด้วยแส้แล้ว รู้สึกตัวว่า ชื่อแม้ตัวเรา ถูกเขาหวดด้วยแส้แล้ว ในกาลต่อมา ย่อมทำความเพียรฉะนั้น. เธอทั้งหลายเป็นผู้อย่างนั้นแล้ว ประกอบด้วยศรัทธา ๒ อย่างที่เป็นโลกิยะและโลกุตตระ ด้วยปาริสุทธิศีล ๔ ด้วยความเพียรเป็นไปทางกายและเป็นไปทางจิต ด้วยสมาธิสัมปยุตด้วยสมาบัติ ๘ และด้วยคุณเครื่องวินิจฉัยธรรม มีอันรู้เหตุและมิใช่เหตุเป็นลักษณะ, ชื่อว่ามีวิชชาและจรณะถึงพร้อม เพราะความถึงพร้อมแห่งวิชชา ๓ หรือวิชชา ๘ และจรณะ ๑๕, ชื่อว่าเป็นผู้มีสติมั่นคง เพราะความเป็นผู้มีสติตั้งมั่นแล้ว จักละทุกข์ในวัฏฏะอันมีประมาณไม่น้อยนี้ได้." ในกาลจบเทศนา ชนเป็นอันมากบรรลุอริยผลทั้งหลาย มีโสดาปัตติผลเป็นต้น ดังนี้แล. เรื่องพระปิโลติกเถระ จบ. ----------------------------------------------------- .. อรรถกถา ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท ทัณฑวรรคที่ ๑๐ |