บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ |
อ่าน อรรถกถาหน้าต่างที่ [หน้าสารบัญ] [๑] [๒] [๓] [๔] [๕] [๖] [๗] [๘] [๙] [๑๐] [๑๑] หน้าต่างที่ ๔ / ๑๑. ข้อความเบื้องต้น รูปสตรีติดตามพระเถระไปทุกแห่ง บุรพกรรมของพระเถระ ตอบว่า "ได้ยินว่า ในกาลแห่งพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่ากัสสปะ ภิกษุ ๒ รูปเป็นสหายกัน ได้เป็นผู้กลมเกลียวกันอย่างยิ่ง ดุจคลอดจากครรภ์มารดาเดียวกัน." ก็ในกาลแห่งพระพุทธเจ้าผู้ทรงพระชนมายุยืน ภิกษุทั้งหลายย่อมประชุมกัน เพื่อประโยชน์แก่การทำอุโบสถทุกๆ ๑ ปี หรือทุกๆ ๖ เดือน (ครั้งหนึ่ง) เพราะฉะนั้น แม้ท่านทั้งสองรูปนั้น ก็ออกไปจากที่อยู่ด้วยคิดว่า "จักไปสู่โรงอุโบสถ." เทวดาแกล้งทำพระเถระให้แตกกัน ____________________________ ๑- สรีรกิจฺเจน ด้วยกิจแห่งสรีระ. รังเกียจกันด้วยสีลเภท ภิกษุนั้นกล่าวว่า "ผู้มีอายุ กรรมเห็นปานนั้นของผมไม่มี." ภิกษุนอกนี้กล่าวว่า "เดี๋ยวนี้เอง หญิงรุ่นสาว (เดินตาม) ออกมาข้างหลังท่าน ทำกรรมชื่อนี้ผมเห็นแล้ว ท่านยังพูด (ปฏิเสธ) ได้ว่า กรรมเห็นปานนี้ของผมไม่มี." ภิกษุนั้น ปานประหนึ่งถูกสายฟ้าฟาดลงที่กระหม่อม กล่าววิงวอนว่า "ผู้มีอายุ ขอท่านจงอย่าให้ผมฉิบหายเลย, กรรมเห็นปานนั้นของผม ไม่มีจริงๆ." ภิกษุนอกนี้ก็พูดว่า "ผมเห็นด้วยนัยน์ตาทั้งสองเอง จักเชื่อท่านได้อย่างไร" ดังนี้แล้ว ก็แตกกันดุจท่อนไม้แล้วหลีกไป. แม้ในโรงอุโบสถก็นั่งด้วยตั้งใจว่า "เราจักไม่ทำอุโบสถร่วมกับภิกษุนี้." ภิกษุนอกนี้ (ผู้ถูกหา) แจ้งแก่ภิกษุทั้งหลายว่า "ท่านขอรับจุดดำแม้เท่าเมล็ดงา ย่อมไม่มีในศีลของผม." แม้ภิกษุนั้นก็กล่าวยันว่า "กรรมลามกนั้น ผมเห็นเอง." เทวดาขยายความจริง ภิกษุรูปที่คอยนั้น เมื่อเทวดานั้นดำรงอยู่ในอากาศชี้แจงอยู่ จึงเชื่อแล้วได้ทำอุโบสถ (ร่วมกัน) แต่หาได้เป็นผู้มีจิตชิดเชื้อในพระเถระเหมือนในกาลก่อนไม่. บุรพกรรมของเทวดามีประมาณเท่านี้. ก็ในเวลาสิ้นอายุ พระเถระเหล่านั้นได้บังเกิดในเทวโลกแสนสบาย. เทวดามาเกิดเป็นพระโกณฑธานะ ในพุทธุปบาทกาลนี้ ได้บังเกิดในกรุงสาวัตถี ถึงความเจริญวัยแล้ว ได้บรรพ ____________________________ ๑-ระหว่างกาลแห่งพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งซึ่งปรินิพพานแล้ว องค์ใหม่อุบัติขึ้น. พวกภิกษุบอกคฤหัสห์ให้ขับไล่ เศรษฐี. ท่านผู้เจริญ ก็พระศาสดาไม่มีในวิหารหรือ? ภิกษุ. มีอยู่ ท่านเศรษฐี. เศรษฐี. ท่านผู้เจริญ ถ้ากระนั้น พระศาสดาคงจักทรงทราบ. ภิกษุทั้งหลายก็ไปแจ้งแม้แก่นางวิสาขาอย่างนั้นเหมือนกัน. ถึงนางวิสาขาก็ได้ให้คำตอบแก่ภิกษุเหล่านั้นเหมือนกัน. ฝ่ายภิกษุทั้งหลาย อันท่านเหล่านั้นไม่รับถ้อยคำ (ของตน) จึงได้ทูลแด่พระราชาว่า "มหาบพิตร ภิกษุชื่อโกณฑธานะ พาหญิงคนหนึ่งเที่ยวไป จะยังความเสียหายให้เกิดแก่ภิกษุทุกรูป ขอมหาบพิตรทรงขับไล่ภิกษุนั้นออกจากแว่นแคว้นของพระองค์เสีย." พระราชา. ก็ภิกษุนั้นอยู่ที่ไหนเล่า? พวกภิกษุ. อยู่ในวิหาร มหาบพิตร. พระราชา. อยู่ในเสนาสนะหลังไหน? พวกภิกษุ. ในเสนาสนะชื่อโน้น. พระราชา. ถ้าเช่นนั้น ขออาราธนาพระคุณเจ้าไปเถิด. ข้าพเจ้าจักสั่งให้จับภิกษุรูปนั้น. พระราชาเสด็จไปสอบสวนพระโกณฑธานะ พระเถระได้ยินเสียงเอะอะ จึงได้ออกจากวิหาร (ที่อยู่) ยืนอยู่ที่หน้ามุข. พระราชาได้ทอดพระเนตรเห็นรูปสตรีแม้นั้น ยืนอยู่ข้างหลังพระเถระนั้น. พระเถระทราบว่าพระราชาเสด็จมา จึงขึ้นไปยังวิหารนั่งอยู่แล้ว. พระราชาไม่ทรงไหว้พระเถระ ไม่ได้ทอดพระเนตรเห็นแม้สตรีนั้น. ท้าวเธอทรงตรวจดูที่ซอกประตูบ้าง ที่ใต้เตียงบ้าง ก็มิได้ทรงประสบเลย จึงได้ตรัสกะพระเถระว่า "ท่านขอรับ ผมได้เห็นสตรีคนหนึ่งในที่นี้ เขาไปไหนเสีย?" พระเถระทูลว่า "อาตมภาพไม่เห็น มหาบพิตร. แม้เมื่อพระราชาตรัสว่า "เมื่อกี้นี้ ข้าพเจ้าเห็นสตรียืนอยู่ข้างหลังท่าน." ก็ทูลยืนกรานว่า "อาตมภาพไม่เห็น มหา พระราชาทรงดำริว่า "นี่มันเป็นเรื่องอะไรหนอ?" แล้วตรัสว่า "ขอนิมนต์ พระเถระทราบความที่พระราชานั้นเสด็จมาแล้ว จึงนั่งอยู่. พระราชา แม้ทรงตรวจดูสตรีนั้นในที่ทุกแห่งอีก ก็มิได้ทรงประสบ จึงตรัสถามพระเถระนั้นซ้ำอีกว่า "สตรีนั้นมีอยู่ ณ ที่ไหน? ขอรับ." พระเถระ. อาตมภาพไม่เห็น (สตรีนั้น) มหาบพิตร. พระราชา. ขอท่านโปรดบอกเถิด ขอรับ เมื่อกี้นี้เอง ผมเห็นสตรียืนอยู่ข้างหลังของท่าน. พระเถระ. ขอถวายพระพร มหาบพิตร แม้มหาชนก็พูดว่า "สตรีเที่ยวไปข้างหลังอาตมภาพ" ส่วนอาตมภาพไม่เห็น (สตรีนั้นเลย). พระราชาทรงสันนิษฐานว่าเป็นรูปเทียม ท้าวเธอทรงซักถามพระเถระอีก เมื่อท่านทูล (ยืนกรานคำเดียว) ว่า "อาตม ทรงนิมนต์พระเถระแล้ว ก็เสด็จหลีกไป. พวกภิกษุติเตียนพระราชาและพระเถระ ภิกษุทั้งหลายก็กล่าวกะพระเถระนั้นว่า "เฮ้ย คนทุศีล บัดนี้ พระราชากลายเป็นคนชั่วแล้ว." แม้พระเถระนั้น ในกาลก่อนไม่อาจจะกล่าวอะไรๆ กะภิกษุทั้งหลายได้ บัดนี้ กล่าวตอบทันทีว่า "พวกท่านเป็นผู้ทุศีล พวกท่านเป็นคนชั่ว พวกท่านพาหญิงเที่ยวไป." ภิกษุเหล่านั้นไปกราบทูลแด่พระศาสดาว่า "ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระโกณฑธานะ อันข้าพระองค์ทั้งหลายว่ากล่าวแล้ว กลับกล่าวด่าต่างๆ เป็นต้นว่า แม้พวกท่าน ก็เป็นผู้ทุศีล." พระศาสดาทรงไต่สวนทั้งสองฝ่าย พระเถระกราบทูลว่า "จริง พระเจ้าข้า." พระศาสดา. เพราะเหตุไร? เธอจึงกล่าวอย่างนั้น. พระเถระ. เพราะเหตุที่ภิกษุเหล่านั้นกล่าวกับข้าพระองค์. พระศาสดา. ภิกษุทั้งหลาย เพราะเหตุไร? แม้พวกท่านจึงกล่าวกะภิกษุนี้ (อย่างนั้น). พวกภิกษุ. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พวกข้าพระองค์เห็นหญิงเที่ยวไปข้างหลังภิกษุนี้ จึงกล่าวอย่างนั้น. พระศาสดา. นัยว่า ภิกษุเหล่านี้เห็นหญิงเที่ยวไปกับเธอ จึงกล่าว (ขึ้นอย่างนั้น) ส่วนตัวเธอไม่ได้เห็นเลย เหตุไฉน? จึงกล่าวกะภิกษุเหล่านี้ (อย่างนั้นเล่า?) ผลนี้เกิดขึ้นเพราะอาศัยทิฏฐิลามกของเธอในกาลก่อนมิใช่หรือ? เหตุไร ในบัดนี้ เธอจึงถือทิฏฐิลามกอีกเล่า? พวกภิกษุทูลถามว่า "ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ก็ภิกษุนี้ได้ทำกรรมอะไรในปางก่อน?" ทีนั้น พระศาสดาตรัสบุรพกรรมของท่านแก่ภิกษุเหล่านั้นแล้ว ตรัสว่า "ภิกษุ เธออาศัยกรรมลามกนี้ จึงถึงประการอันแปลกนี้แล้ว, บัดนี้ การที่เธอถือทิฏฐิอันลามกเห็นปานนั้นอีก ไม่สมควร, เธออย่ากล่าวอะไรๆ กับภิกษุทั้งหลายอีก จงเป็นผู้ไม่มีเสียง เช่นกังสดาล๑- อันเขาตัดขอบปากแล้ว เมื่อทำอย่างนั้น จักเป็นผู้ชื่อว่าบรรลุพระนิพพาน" ดังนี้แล้ว ____________________________ ๑- ระฆังวงเดือน. เมื่อจะทรงสืบอนุสนธิแสดงธรรม จึงได้ทรงภาษิตพระคาถาเหล่านี้ว่า
แก้อรรถ บทว่า วุตฺตา ความว่า คนเหล่าอื่นถูกเธอกล่าวว่า "เจ้าพวกทุศีล" พึงกล่าวตอบเธอบ้าง อย่างนั้นเหมือนกัน. บทว่า สารมฺภกถา ขึ้นชื่อว่าการกล่าวแข่งขันกันเกินกว่าเหตุนั้นให้เกิดทุกข์. บทว่า ปฏิทณฺฑา ความว่า เมื่อเธอประหารผู้อื่น ด้วยอาชญาทั้งหลาย มีอาชญาทางกายเป็นต้น, อาชญาตอบเช่นนั้นแหละ พึงตกลงเหนือกระหม่อมของเธอ. บทว่า สเจ เนเรสิ ความว่า ถ้าเธอจักอาจทำตนไม่ให้หวั่นไหวได้ไซร้. บาทพระคาถาว่า กํโส อุปหโต ยถา ความว่า เหมือนกังสดาล ที่เขาตัดขอบปากทำให้เหลือแต่พื้นวางไว้. จริงอยู่ กังสดาลเช่นนั้น แม้บุคคลตีแล้วด้วยมือ เท้า หรือด้วยท่อนไม้ ก็ย่อมไม่ดัง. สองบทว่า เอส ปตฺโตสิ ความว่า ถ้าเธอจักอาจเป็นผู้เห็นปานนั้นได้ไซร้, เธอนั่นบำเพ็ญปฏิปทานี้อยู่ เป็นผู้ไม่ประมาทแล้วในบัดนี้ ชื่อว่าบรรลุพระนิพพาน. บาทพระคาถาว่า สารมฺโภ เต น วิชฺชติ ความว่า ก็เมื่อเป็นอย่างนั้น แม้ความแข่งขันกัน มีอันกล่าวทำให้ยิ่งกว่ากันเป็นลักษณะเป็นต้น อย่างนี้ว่า "เจ้าเป็นผู้ทุศีล" ว่า "พวกเจ้าเป็นผู้ทุศีล" ดังนี้ ย่อมไม่มี คือจักไม่มีแก่เธอเลย. ในกาลจบเทศนา ชนเป็นอันมากบรรลุอริยผลทั้งหลาย มีโสดาปัตติผลเป็นต้นแล้ว. แม้พระโกณฑธานเถระตั้งอยู่ในพระโอวาทที่พระศาสดาประทานแล้ว ก็ได้บรรลุพระอรหัตผล, ต่อกาลไม่นานนัก ท่านได้เหาะขึ้นไปในอากาศ จับสลากเป็นครั้งแรก๑- ดังนี้แล. ____________________________ ๑- ได้ยินว่า ท่านได้จับสลากได้ที่ ๑ สามครั้ง คือ เมื่อพระศาสดาจะเสด็จไปสู่อุคคนคร ในกิจนิมนต์ของนางมหาสุภัททา ๑ เมื่อเสด็จไปสู่เมืองสาเกต ในกิจนิมนต์ของนางจุลสุภัททา ๑ เมื่อเสด็จไปสู่สุนาปรันตชนบท ๑ ในกิจนิมนต์เหล่านั้น ต้องการแต่พระขีณาสพล้วนๆ ๕๐๐ องค์. นัย. มโน. ๑/๒๘๓. เรื่องพระโกณฑธานเถระ จบ. ----------------------------------------------------- .. อรรถกถา ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท ทัณฑวรรคที่ ๑๐ |