![]() |
บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ |
![]() |
![]() | |
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() บทว่า สกฺกาเรน ความว่า อันสักการะอันเป็นดังเหตุ. อีกอย่างหนึ่ง บทว่า สกฺกาเรน ความว่า ถูกเหตุหรือสักการะ หรือถูกอกุศลธรรมมีสักการะเป็นเหตุ (ครอบงำ). อธิบายว่า เพราะอาศัยสักการะ บุคคลบางคนในโลกนี้มีความปรารถนาลามก ถูกความอยากครอบ ส่วนคนเหล่าอื่นได้สักการะอย่างใดแล้ว ถึงความประมาทอันมีสักการะอย่างนั้นเป็นนิมิตด้วยสามารถแห่งมานะ (ความถือตัว) มทะ (ความเมา) และมัจฉริยะ (ความตระหนี่) เป็นต้น จุติจากโลกนี้แล้วจึงเกิดในอบายทั้งหลาย ซึ่งพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสหมายเอาว่า ผู้ถูกสักการะครอบงำ มีจิตอันสักการะหุ้มห่อแล้ว ดังนี้. บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อภิภูตา ความว่า ถูกสักการะทับถมแล้ว. บทว่า ปริยาทินฺนจิตฺตา ความว่า มีจิตอันสักการะให้ส่ายไปแล้ว คือเป็นผู้มีกุศลจิต ถูกอิจฉาจารและอกุศลมีมานะและมทะเป็นต้นให้ถึงความสิ้นไป. อีกอย่างหนึ่ง บทว่า ปริยาทินฺนจิตฺตา ความว่า มีจิตอันสักการะยึดเหนี่ยวไว้รอบด้าน. อธิบายว่า เป็นผู้มีจิตสันดาน ถูกฝ่ายอกุศลธรรมมีประการดังกล่าวแล้วยึดไว้แล้วรอบด้าน โดยไม่มีวาระแห่งกุศลจิตเกิดขึ้น. บทว่า อสกฺกาเรน ความว่า อันเหตุ คืออสักการะที่ผู้อื่นให้เป็นไปแล้วในตน โดยมุ่งให้ละอาย โดยเย้ยหยัน หรือถูกอกุศลธรรมมีมานะเป็นต้น ที่มีสักการะเป็นเหตุ (ครอบงำแล้ว). บทว่า สกฺกาเรน จ อสกฺกาเรน จ ความว่า ถูกทั้งสักการะที่ใครๆ ให้เป็นไปแล้ว ทั้ง ในเรื่องนี้ควรนำเรื่องพระเทวทัตเป็นต้นที่ถูกสักการะครอบงำมาแสดง (เป็นตัวอย่าง). สมดังที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ว่า ผลกล้วยแลฆ่าต้นกล้วย ขุยไผ่ฆ่าต้นไผ่ สักการะฆ่าคนชั่ว เหมือนลูกม้า ฆ่าแม่ม้าอัสดร ดังนี้.๑- ____________________________ ๑- วิ. จุล. เล่ม ๗/ข้อ ๓๖๐ สํ. ส. เล่ม ๑๕/ข้อ ๖๑๐ องฺ. จตุกฺก. เล่ม ๒๑/ข้อ ๖๘ ควรนำเรื่องพระเจ้ากรุงทัณฑกี พระเจ้ากรุงกาลิงคะและพระเจ้ากรุงเมชฌะเป็นต้นมาแสดง (เป็นตัวอย่าง). สมดังคำที่สังกัจจฤาษีกล่าวไว้ว่า เพราะพระเจ้าทัณฑกีทรงโปรยธุลีใส่กีสวัจฉฤาษี (ผู้หาธุลีมิได้) พระองค์พร้อมด้วยประชาชนและแว่นแคว้น (จึงถึงความพินาศ) เหมือนไม้ที่รากขาดแล้ว หมกไหม้อยู่ ในกุกกุฬนรก ประกายไฟตกถูกต้องพระกายของพระองค์. อนึ่ง พระเจ้ากาลิงคะได้ล่วงเกินบรรพชิตผู้สำรวมแล้ว ผู้สอนธรรม ผู้เป็นสมณะ ผู้ไม่ประทุษร้าย สุนัขทั้งหลาย จึงรุมกัดพระเจ้ากาลิงคะนั้นผู้ทรงกลิ้งไปมาอยู่ เหมือนผล มะพร้าว.๒- พระเจ้าเมชฌะคิดประทุษร้ายในมาตังคฤาษี ผู้เรืองยศ รัฐมณฑลของพระเจ้าเมชฌะพร้อมด้วยบริษัท ก็ได้สูญสิ้นไปในครั้งนั้น ดังนี้.๓- ____________________________ ๒- ขุ. ชา. ๒๗/๒๔๖๔ ๓- ขุ. ชา. ๒๘/๙๒ อัญญเดียรดีย์ทั้งหลายมีนิครนถนาฏบุตรเป็นต้นผู้ถูกทั้งสักการะและอสักการะครอบงำ ก็ควรนำมาแสดงด้วย. พึงทราบวินิจฉัยในคาถาทั้งหลายต่อไปนี้. บทว่า อุภยํ ได้แก่ ทั้งสักการะและอสักการะทั้งสองอย่าง. บทว่า สมาธิ น วิกมฺปติ ความว่า สมาธิย่อมไม่หวั่นไหว คือมีสภาพเป็นเอกนั่นแหละตั้งอยู่. พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ผู้มีปกติอยู่ด้วยความไม่ประมาท (เพื่อจะทรงแก้คำถาม) ว่า ก็สมาธิของใครเล่าไม่หวั่นไหว? อธิบายว่า ของผู้ชื่อว่ามีปกติอยู่ด้วยความไม่ประมาท คือเป็นพระอรหันต์ เพราะละธรรม บทว่า สุขุมทิฏฺฐิวิปสฺสกํ ความว่า ผู้ชื่อว่าเห็นแจ้งด้วยทิฏฐิอันสุขุม เพราะมีความเห็นแจ้งที่เป็นไปแล้วเนืองๆ ด้วยทิฏฐิ คือปัญญาอันสุขุม เหตุได้บรรลุผลสมาบัติ. บทว่า อุปาทานกฺขยารามํ ความว่า ผู้ชื่อว่ามีความสิ้นอุปาทานเป็นที่มายินดี เพราะมีอรหัตผลอันเป็นที่สิ้นไป คือเป็นที่สิ้นสุดแห่งอุปาทานทั้ง ๔ ที่ตนจะต้องยินดี. คำที่เหลือมีนัยดังกล่าวแล้วทั้งนั้น. จบอรรถกถาสักการสูตรที่ ๒ ----------------------------------------------------- .. อรรถกถา ขุททกนิกาย อิติวุตตกะ ติกนิบาต จตุตถวรรค สักการสูตร จบ. |