บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ |
อ่าน อรรถกถาหน้าต่างที่ [หน้าสารบัญ] [๑] [๒] [๓] [๔] [๕] [๖] [๗] [๘] ๑. เรื่องเจ้าหญิงโรหิณี [๑๗๔] ข้อความเบื้องต้น สร้างโรงฉันหายจากโรคผิวหนังได้ พวกพระญาติ. อยู่ในตำหนัก เจ้าข้า. พระเถระ. เหตุไร? จึงไม่เสด็จมา. พวกพระญาติ. พระนางไม่เสด็จมาเพราะทรงละอายว่า โรคผิวหนังเกิดที่สรีระของเขา เจ้าข้า. พระเถระกล่าวว่า "ท่านทั้งหลายจงเชิญพระนางเสด็จมาเถิด" ให้ไปเชิญพระนางเสด็จมาแล้ว จึงกล่าวอย่างนี้ กะพระนางผู้ทรงฉลองพระองค์เสด็จมาแล้วว่า "โรหิณี เหตุไร? เธอจึงไม่เสด็จมา." พระนางโรหิณี. ท่านผู้เจริญ โรคผิวหนังเกิดขึ้นที่สรีระของหม่อมฉัน เหตุนั้น หม่อมฉันจึงมิได้มาด้วยความละอาย. พระเถระ. ก็เธอทรงทำบุญไม่ควรหรือ? พระนางโรหิณี. จะทำอะไร? เจ้าข้า. พระเถระ. จงให้สร้างโรงฉัน. พระนางโรหิณี. หม่อมฉันจะเอาอะไรทำ? พระเถระ. ก็เครื่องประดับของเธอไม่มีหรือ? พระนางโรหิณี. มีอยู่ เจ้าข้า. พระเถระ. ราคาเท่าไร? พระนางโรหิณี. จักมีราคาหมื่นหนึ่ง. พระเถระ. ถ้ากระนั้น จงขายเครื่องประดับนั้น ให้สร้างโรงฉันเถิด. พระนางโรหิณี. ใครเล่า? จักทำให้หม่อมฉัน เจ้าข้า. พระเถระแลดูพระญาติซึ่งยืนอยู่ในที่ใกล้แล้ว กล่าวว่า "ขอจงเป็นภาระของพวกท่านทั้งหลาย." พวกพระญาติ. ก็พระคุณเจ้าจักทำอะไรหรือ? เจ้าข้า. พระเถระ. แม้อาตมภาพก็จักอยู่ในที่นี้เหมือนกัน, ถ้ากระนั้น พวกท่านจงนำ พวกพระญาตินั้นตรัสว่า "ดีละ เจ้าข้า" จึงนำมาแล้ว. พระเถระ เมื่อจะจัดโรงฉัน จึงกล่าวกะพระนางโรหิณีว่า "เธอจงให้ทำโรงฉันเป็น ๒ ชั้น จำเดิมแต่กาลที่ให้พื้นชั้นบนเรียบแล้ว จงกวาดพื้นล่าง แล้วให้ปูอาสนะไว้เสมอๆ, จงให้ตั้งหม้อน้ำดื่มไว้เสมอๆ." พระนางรับคำว่า "ดีละ เจ้าข้า" แล้วจำหน่ายเครื่องประดับ ให้ทำโรงฉัน ๒ ชั้น เริ่มแต่กาลที่ให้พื้นชั้นบนเรียบแล้ว ได้ทรงทำกิจมีการกวาดพื้นล่างเป็นต้นเนืองๆ. พวกภิกษุก็นั่งเสมอๆ. ลำดับนั้น เมื่อพระนางกวาดโรงฉันอยู่นั่นแล. โรคผิวหนังก็ราบไปแล้ว. เมื่อโรงฉันเสร็จ พระนางนิมนต์ภิกษุสงฆ์มีพระ พระศาสดาทรงทำภัตกิจเสร็จแล้ว ตรัสถามว่า "นี่เป็นทานของใคร?" พระอนุรุทธ. ของโรหิณีพระน้องนางของข้าพระองค์ พระเจ้าข้า. พระศาสดา. ก็นางไปไหน? พระอนุรุทธ. อยู่ในตำหนัก พระเจ้าข้า. พระศาสดา. พวกท่านจงไปเรียกนางมา. พระนางไม่ประสงค์จะเสด็จมา. ทีนั้น พระศาสดารับสั่งให้เรียกพระนางแม้ไม่ปรารถนา (จะมา) จนได้, ก็แลพระศาสดาตรัสกะพระนางผู้เสด็จมาถวายบังคม ประทับนั่งแล้วว่า "โรหิณี เหตุไร เธอจึงไม่มา?" พระนางโรหิณี. "โรคผิวหนังมีที่สรีระของหม่อมฉัน พระเจ้าข้า. หม่อมฉันละอายด้วยโรคนั้น จึงมิได้มา." พระศาสดา. ก็เธอรู้ไหมว่า โรคนั้นอาศัยกรรมอะไรของเธอ จึงเกิดขึ้น? พระนางโรหิณี. หม่อมฉันไม่ทราบ พระเจ้าข้า. พระศาสดา. โรคนั้นอาศัยความโกรธของเธอ จึงเกิดขึ้นแล้ว. พระนางโรหิณี. ก็หม่อมฉันทำกรรมอะไรไว้? พระเจ้าข้า. บุรพกรรมของพระนางโรหิณี ในอดีตกาล พระอัครมเหสีของพระเจ้าพาราณสี ผูกอาฆาตในหญิงนักฟ้อนของพระ ____________________________ ๑- ๑. แปลว่า หมามุ้ยใหญ่ ก็มี. พระศาสดา ครั้นทรงนำอดีตนิทานนี้มาแล้ว ตรัสว่า "โรหิณี ก็กรรมนั่นที่เธอทำแล้วในกาลนั้น, ก็ความโกรธก็ดี ความริษยาก็ดี แม้มีประมาณเล็กน้อย ย่อมไม่ควรทำเลย" ดังนี้แล้ว จึงตรัสพระคาถานี้ว่า :-
____________________________ ๒- อรรถกถา เป็น สํโยชนํ. แก้อรรถ บทว่า สํโยชนํ ความว่า พึงล่วงสังโยชน์ทั้ง ๑๐ อย่าง มีกามราคสังโยชน์เป็นต้น. บทว่า อสชฺชมานํ ความว่า ไม่ข้องอยู่. อธิบายว่า ก็ผู้ใดยึดถือนามรูปโดยนัยว่า "รูปของเรา, เวทนาของเราเป็นต้น และเมื่อนามรูปนั้นแตกไป ย่อมเศร้าโศกเดือดร้อน ผู้นี้ชื่อว่าข้องอยู่ในนามรูป; ส่วนผู้ไม่ยึดถืออย่างนั้น ชื่อว่าย่อมไม่ขัดข้อง ขึ้นชื่อว่าทุกข์ทั้งหลาย ย่อมไม่ตกต้องบุคคลนั้นผู้ไม่ข้องอยู่อย่างนั้น ผู้ชื่อว่าไม่มีกิเลสเครื่องกังวล เพราะไม่มีราคะเป็นต้น. ในกาลจบเทศนา ชนเป็นอันมากบรรลุอริยผลทั้งหลาย มีโสดาปัตติผลเป็นต้น. แม้พระนางโรหิณีก็ดำรงอยู่ในโสดาปัตติผล. สรีระของพระนางได้มีวรรณะดุจทองคำ ในขณะนั้นเอง. พระนางจุติจากอัตภาพนั้นแล้ว เกิดในระหว่างเขตแดนของเทพบุตร ๔ องค์ ใน แม้ท้าวสักกะ แต่พอได้ทรงเห็นพระนาง ก็เป็นผู้เกิดสิเนหา ตรัสอย่างนี้ว่า "จำเดิมแต่กาลที่พวกท่านเห็นเทพธิดานี้แล้ว จิตเกิดขึ้นอย่างไร?" ลำดับนั้น เทพบุตรองค์หนึ่งกราบทูลว่า "จิตของข้าพระองค์เกิดขึ้นดุจกลองในคราวสงครามก่อน ไม่อาจจะสงบลงได้เลย." องค์ที่ ๒. จิตของข้าพระองค์ [เกิดขึ้น] เหมือนแม่น้ำตกจากภูเขา ย่อมเป็นไปเร็วพลันทีเดียว. องค์ที่ ๓. จำเดิมแต่กาลที่ข้าพระองค์เห็นนางนี้แล้ว ตาทั้งสองถลนออกแล้ว ดุจตาของปู. องค์ที่ ๔. จิตของข้าพระองค์ประดุจธงที่เขายกขึ้นบนเจดีย์ ไม่สามารถจะดำรงนิ่งอยู่ได้. ครั้งนั้น ท้าวสักกะตรัสกะเทพบุตรทั้งสี่นั้นว่า "พ่อทั้งหลาย จิตของพวกท่านยังพอข่มได้ก่อน ส่วนเราเมื่อได้เห็นเทพธิดานี้ จึงจักเป็นอยู่ เมื่อเราไม่ได้ จักต้องตาย." พวกเทพบุตรจึงทูลว่า "ข้าแต่มหาราช พวกข้าพระองค์ไม่มีความต้องการด้วยความตายของ เทพธิดานั้นได้เป็นที่รักที่พอพระหฤทัยของท้าวสักกะ. เมื่อนางกราบทูลว่า "หม่อมฉันจักไปสู่สนามเล่นชื่อโน้น" ท้าวสักกะก็ไม่สามารถจะทรงขัดคำของนางได้เลย ดังนี้แล. เรื่องเจ้าหญิงโรหิณี จบ. ----------------------------------------------------- .. อรรถกถา ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท โกธวรรคที่ ๑๗ |