![]() |
บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ |
![]() |
![]() | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
อ่าน อรรถกถาหน้าต่างที่ [หน้าสารบัญ] [๑] [๒] [๓] [๔] [๕] [๖] [๗] [๘] ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() หน้าต่างที่ ๗ / ๘. ข้อความเบื้องต้น ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า "โปราณเมตํ" เป็นต้น. อตุละโกรธพระเรวตะเพราะท่านไม่พูดด้วย ก็ท่านผู้มีอายุนั้น เป็นผู้ยินดีในการหลีกเร้น เที่ยวไปผู้เดียวเหมือนราชสีห์ ฉะนั้น ท่านจึงไม่กล่าวอะไรกับอุบาสกนั้น เขาโกรธว่า "พระเถระนี้ไม่กล่าวอะไร" จึงลุกขึ้น ไปยังสำนักพระสารีบุตรเถระ ยืนอยู่ ณ ส่วนข้างหนึ่ง เมื่อพระเถระกล่าวว่า "พวกท่านมาด้วยต้องการอะไร?" จึงกล่าวว่า "ท่านขอรับ ผมพาอุบาสกเหล่านี้เข้าไปหาพระเรวตเถระ เพื่อต้องการฟังธรรม พระเถระไม่กล่าวอะไรแก่ผมนั้นเลย ผมนั้นโกรธท่าน จึงมาที่นี้ ขอท่านจงแสดงธรรมแก่ผมเถิด." ลำดับนั้น พระเถระกล่าวว่า "ถ้าอย่างนั้น พวกท่านจงนั่งเถิด อุบาสกทั้งหลาย" แล้วแสดงอภิธรรมกถาอย่างมากมาย. อตุละโกรธคนผู้พูดมาก แม้เมื่อพระเถระกล่าวว่า "ทำไม? อุบาสก" จึงกล่าวว่า "ท่านขอรับ พวกผมเข้าไปหาพระเรวตเถระ เพื่อต้องการฟังธรรม ไม่ได้แม้แต่การสนทนาและปราศรัย พระเถระ. ถ้าอย่างนั้น ขอพวกท่านจงนั่งฟังเถิด. พระเถระแสดงธรรมแก่พวกเขาแต่น้อยๆ ทำให้เข้าใจง่าย. อตุละโกรธคนผู้พูดน้อย ลำดับนั้น พระศาสดาตรัสกะพวกเขาว่า "อุบาสกทั้งหลาย พวกท่านมาทำไมกัน." พวกอุบาสก. เพื่อต้องการฟังธรรม พระเจ้าข้า. พระศาสดา ก็พวกท่านฟังธรรมแล้วหรือ? พวกอุบาสก. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เบื้องต้น พวกข้าพระองค์เข้าไปหาพระเรวต การนินทาสรรเสริญเป็นของเก่า "อตุละ ข้อนั้น เขาเคยประพฤติกันมาตั้งแต่โบราณทีเดียว, ชนทั้งหลายติเตียนทั้งคนนิ่ง ทั้งคนพูดมาก ทั้งคนพูดน้อยทีเดียว ด้วยว่าผู้อันเขาพึงติเตียนอย่างเดียวเท่านั้น หรือว่าผู้อันเขาพึงสรรเสริญอย่างเดียวไม่มีเลย; แม้พระราชาทั้งหลาย คนบางพวกก็นินทา บางพวกก็สรรเสริญ, แผ่นดินใหญ่ก็ดี พระจันทร์และพระอาทิตย์ก็ดี ธาตุมีอากาศเป็นต้นก็ดี, คนบางพวกนินทา บางพวกสรรเสริญ, แม้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้ประทับนั่งแสดงธรรมในท่ามกลางบริษัท ๔ บางพวกนินทา บางพวกสรรเสริญ; ก็การนินทาและสรรเสริญของพวกอันธพาลไม่เป็นประมาณ แต่ผู้ที่ถูกบัณฑิตผู้มีปัญญาติเตียน จึงชื่อว่าเป็นอันติเตียน ผู้อันบัณฑิตสรรเสริญแล้ว ชื่อว่าเป็นอันสรรเสริญ" ดังนี้แล้ว ได้ทรงภาษิตพระคาถาเหล่านี้ว่า :-
____________________________ ๑- ตามพยัญชนะว่า ผู้พูดพอนับได้. ๒- ทองพิเศษชนิดหนึ่งซึ่งได้มาจากแม่น้ำชมพู. แก้อรรถ พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสเรียกอุบาสกนั้นว่า "อตุละ." บาทพระคาถาว่า เนตํ อชฺชตนามิว ความว่า การนินทาหรือสรรเสริญนี้ เป็นเหมือนมีในวันนี้ คือเกิดขึ้นเมื่อตะกี้ หามิได้. อธิบายว่า จริงอยู่ คนทั้งหลายย่อมนินทาคนนิ่งว่า "ทำไม? คนนี่จึงนั่งนิ่ง เหมือนคนใบ้ เหมือนคนหนวก เหมือนไม่รู้อะไรๆ เสียเลย" ดังนี้บ้าง, ย่อมนินทาคนพูดมากว่า "ทำไม? คนนี่จึงประพฤติเสียงกฏะกฏะ เหมือนกับใบตาลถูกลมพัด, คำพูดของผู้นี้ไม่มีที่สิ้นสุดเลย" ดังนี้บ้าง, ย่อมนินทาผู้พูดพอประมาณว่า "ทำไม? คนนี่จึงสำคัญคำพูดของตนเหมือนทองคำและเงิน พูดคำสองคำแล้วนิ่งเสีย" ดังนี้บ้าง; คนชื่อว่าไม่ถูกนินทา ย่อมไม่มีในโลกนี้ แม้โดยประการทั้งปวง ด้วยประการอย่างนั้น. บทว่า น จาหุ เป็นต้น ได้แก่ ไม่ได้มีแล้วแม้ในอดีต ทั้งจักไม่มีในอนาคต. สองบทว่า ยญฺเจ วิญฺญู ความว่า การนินทาหรือสรรเสริญของพวกชนพาล ไม่เป็นประมาณ, แต่บัณฑิตทั้งหลายใคร่ครวญแล้ว คือทราบเหตุแห่งนินทาหรือเหตุแห่งสรรเสริญแล้วทุกๆ วัน ย่อมสรรเสริญบุคคลใด ผู้ชื่อว่ามีความประพฤติไม่ขาดสาย เพราะความเป็นผู้ประกอบด้วยสิกขาอันไม่ขาดสาย หรือด้วยความเป็นไปแห่งชีวิตไม่ขาดสาย ผู้ชื่อว่ามีปัญญา เพราะความเป็นผู้ประกอบด้วยปัญญาอันรุ่งเรืองในธรรม ชื่อว่าผู้ตั้งมั่นด้วยปัญญาและศีล เพราะความเป็นผู้ประกอบด้วยปัญญาอันเป็นโลกิยะและโลกุตระ และด้วยปาริสุทธิศีล ๔, ใครเล่า ย่อมควรเพื่อนินทาบุคคลนั้น ผู้เป็นดุจดังแท่งทองชมพูนุท อันเว้นจากโทษแห่งทองคำอันควรเพื่อจะบุและขัด. บทว่า เทวาปิ เป็นต้น ได้แก่ เทพดาก็ดี มนุษย์ผู้เป็นบัณฑิตก็ดี ย่อมลุกขึ้นชมเชย สรรเสริญ ซึ่งภิกษุนั้น. บทว่า พฺรหฺมุนาปิ ความว่า ไม่ใช่เทพดาและมนุษย์อย่างเดียว (ย่อมสรรเสริญ), ถึงมหาพรหมในหมื่นจักรวาล ก็สรรเสริญบุคคลนั่นเหมือนกัน. ในกาลจบเทศนา อุบาสกเหล่านั้นทั้ง ๕๐๐ ดำรงอยู่แล้วในโสดาปัตติผล ดังนี้แล. เรื่องอตุลอุบาสก จบ. ----------------------------------------------------- .. อรรถกถา ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท โกธวรรคที่ ๑๗ |