บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ |
อ่าน อรรถกถาหน้าต่างที่ [หน้าสารบัญ] [๑] [๒] [๓] [๔] [๕] [๖] [๗] [๘] [๙] [๑๐] [๑๑] [๑๒] หน้าต่างที่ ๔ / ๑๒. ข้อความเบื้องต้น พระโลฬุทายีอวดดีอยากแสดงธรรม ก็ในเวลาฟังธรรมแล้วเดินไป ย่อมกล่าวคุณของพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ. พระอุทายีเถระสดับถ้อยคำของอริยสาวกเหล่านั้นแล้ว จึงพูดว่า "พวกท่านฟังธรรมกถาของพระเถระทั้งสองนั้น ยังกล่าวถึงอย่างนี้ก่อน, ฟังธรรมกถาของฉันแล้ว จักกล่าวอย่างไรหนอแล?" พวกมนุษย์ฟังถ้อยคำของท่านแล้ว คิดว่า "พระเถระแม้นี้ จักเป็นพระ วันหนึ่ง พวกเขาอาราธนา๑- พระเถระว่า "ท่านขอรับ วันนี้เป็นวันฟังธรรมของ ฝ่ายพระเถระนั้นรับนิมนต์ของพวกมนุษย์นั้นแล้ว. ____________________________ ๑- ยาจิตฺวา = ขอหรือวิงวอน. พระเถระไม่สามารถแสดงธรรมได้ มนุษย์พวกนั้นนิมนต์ภิกษุรูปอื่นให้กล่าวธรรมกถาแล้ว นิมนต์พระโลฬุทายีขึ้นอาสนะอีก เพื่อต้องการสวดสรภัญญะ. พระโลฬุทายีนั้นไม่เห็นบทธรรมอะไรๆ แม้อีก จึงพูดว่า "ฉันจักกล่าวในกลางคืน ขอภิกษุรูปอื่นจงสวดสรภัญญะ" แล้วก็ลง มนุษย์พวกนั้นนิมนต์ภิกษุรูปอื่นให้สวดสรภัญญะแล้ว นำพระเถระมาในกลางคืนอีก. พระเถระนั้นก็ยังไม่เห็นบทธรรมอะไรๆ แม้ในกลางคืน พูดว่า "ฉันจักกล่าวในเวลาใกล้รุ่งเทียว, ขอภิกษุรูปอื่นจงกล่าวในเวลากลางคืน" แล้วก็ลง. มนุษย์พวกนั้นนิมนต์ภิกษุรูปอื่นให้กล่าวแล้วในเวลาใกล้รุ่ง ก็นำพระเถระนั้นมาอีก. พระเถระนั้น แม้ในเวลาใกล้รุ่ง ก็มิได้เห็นบท พระเถระถูกมหาชนไล่ไปตกหลุมคูถ พระเถระนั้นหนีไปตกลงในเวจกุฎีแห่งหนึ่ง. มหาชนสนทนากันว่า "พระโลฬุทายี เมื่อถ้อยคำสรรเสริญคุณพระสารีบุตรและพระ ____________________________ ๑- ยคคฺคาหํ คณฺหสิ = ถือความเป็นคู่. บุรพกรรมของพระโลฬุทายี จึงตรัสว่า "ภิกษุทั้งหลาย มิใช่แต่ในบัดนี้เท่านั้น แม้ในกาลก่อน โลฬุทายีนี้ก็จมลงในหลุมคูถเหมือนกัน" ดังนี้แล้ว ทรงนำอดีตนิทานมา ตรัสชาดก๑- นี้ให้พิสดารว่า :- สหาย เรามี ๔ เท้า, สหาย แม้ท่านก็มี ๔ เท้า. มาเถิด สีหะ ท่านจงกลับ, เพราะเหตุไรหนอ ท่านจึงกลัวแล้วหนีไป? สุกร ท่านเป็นผู้ไม่สะอาด มีขนเปื้อนด้วยของเน่า มีกลิ่น เหม็นฟุ้งไป, ถ้าท่านประสงค์ต่อสู้ เราจะให้ความชนะแก่ท่าน นะสหาย. ดังนี้แล้ว ตรัสว่า ราชสีห์ในกาลนั้นได้เป็น สารีบุตร, สุกรได้เป็น โลฬุทายี. ____________________________ ๑- ขุ. ชา. ทุก. เล่ม ๒๗/ข้อ ๑๕๕; อรรถกถา ขุ. ชา. ทุก. เล่ม ๒๗/ข้อ ๑๕๕ พระศาสดา ครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ตรัสว่า "ภิกษุทั้งหลาย โลฬุทายีเรียนธรรมมีประมาณน้อยแท้, อนึ่ง มิได้ทำการท่องเลย การเรียนปริยัติอย่างใดอย่างหนึ่งแล้ว ไม่ทำการท่องปริยัตินั้น เป็นมลทินแท้" ดังนี้แล้ว จึงตรัสพระคาถานี้ว่า :-
แก้อรรถ ฉะนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสว่า "อสชฺฌายมลา มนฺตา." อนึ่ง เพราะชื่อว่าเรือนของบุคคลผู้อยู่ครองเรือน ลุกขึ้นเสร็จสรรพแล้วไม่ทำกิจ มีการซ่อมแซมเรือนที่ชำรุดเป็นต้น ย่อมพินาศ ฉะนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสว่า "อนุฏฺฐานมลา ฆรา." เพราะกายของคฤหัสถ์หรือบรรพชิต ผู้ไม่ทำการชำระสรีระ หรือการชำระบริขาร ด้วยอำนาจความเกียจคร้าน ย่อมมีผิวพรรณมัวหมอง. ฉะนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสว่า "มลํ วณฺณสฺส โกสชฺชํ." อนึ่ง เพราะเมื่อบุคคลรักษาโคอยู่ หลับหรือเล่นเพลินด้วยอำนาจความประมาท โคเหล่านั้นย่อมถึงความพินาศ ด้วยเหตุมีวิ่งไปสู่ที่มิใช่ท่าเป็นต้นบ้าง ด้วยอันตรายมีพาลมฤค๑- และโจรเป็นต้นบ้าง ด้วยอำนาจการก้าวลงสู่ที่ทั้งหลาย มีนาข้าวสาลีเป็นต้นของชนพวกอื่นแล้วเคี้ยวกินบ้าง แม้ตนเองย่อมถึงอาชญาบ้าง การบริภาษบ้าง. ก็อีกอย่างหนึ่ง กิเลสทั้งหลายล่วงล้ำเข้าไปด้วยอำนาจความประมาท ย่อมยังบรรพชิตผู้ไม่รักษาทวาร ๖ ให้เคลื่อนจากศาสนา; ฉะนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสว่า "ปมาโท รกฺขโต มลํ." อธิบายว่า ก็ความประมาทนั้น ชื่อว่าเป็นมลทิน เพราะความประมาทเป็นที่ตั้งของมลทินด้วยการนำความพินาศมา. ในกาลจบเทศนา ชนเป็นอันมากบรรลุอริยผลทั้งหลาย มีโสดาปัตติผลเป็นต้น ดังนี้แล. ____________________________ ๑- พาลมิค-เนื้อร้าย. เรื่องพระโลฬุทายีเถระ จบ. ----------------------------------------------------- .. อรรถกถา ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท มลวรรคที่ ๑๘ |