บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ |
อ่าน อรรถกถาหน้าต่างที่ [หน้าสารบัญ] [๑] [๒] [๓] [๔] [๕] [๖] [๗] [๘] หน้าต่างที่ ๘ / ๘. ข้อความเบื้องต้น มารทูลให้พระศาสดาทรงครองราชสมบัติ มารผู้มีบาปทราบพระปริวิตกข้อนั้นของพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว จึงดำริว่า "พระสมณโคดมทรงดำริว่า เราอาจเพื่อครอบครองราชสมบัติหรือหนอ? บัดนี้ พระสมณ แล้วเข้าไปเฝ้าพระศาสดากราบทูลว่า "ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอพระผู้มีพระภาคเจ้าจงทรงครองราชสมบัติ ขอพระสุคตเจ้าจงทรงครองราชสมบัติโดยธรรม ไม่ พระศาสดาตรัสถามเหตุที่มารทูล เมื่อมารกราบทูลว่า "ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระผู้มีพระภาคเจ้าแล ทรงอบรมอิทธิบาททั้ง ๔ ดีแล้ว ก็พระผู้มีพระภาคเจ้าเมื่อทรงจำนงหวัง พึงทรงน้อมนึกถึงเขาหลวงหิมวันต์ว่า "จงเป็นทอง" และเขาหลวงที่ทรงน้อมนึกถึงนั้น พึงเป็นทองทีเดียว, แม้ข้าพระองค์จักทำกิจที่ควรทำด้วยทรัพย์ เพื่อพระองค์ เพราะเหตุนี้ พระองค์จักทรงครอบครองราชสมบัติโดยธรรม" ดังนี้แล้ว ทรงยังมารให้สังเวชด้วยคาถาเหล่านี้ว่า๑- :- บรรพตพึงเป็นของล้วนด้วยทองคำที่สุกปลั่ง, แม้ความที่บรรพตนั้น (ทวีขึ้น) เป็น ๒ เท่า๒- ก็ยัง ไม่เพียงพอแก่บุคคลคนหนึ่ง บุคคลทราบดังนี้แล้ว พึงประพฤติแต่พอสม. ผู้เกิดมาคนใด ได้เห็นทุกข์ว่า มีกามใดเป็น แดนมอบให้ (เป็นเหตุ), ไฉนผู้ที่เกิดมาคนนั้น จะ พึงน้อมไปในกามนั้นได้เล่า? ผู้ที่เกิดมารู้จักอุปธิ (สภาพเข้าไปทรงไว้) ว่า เป็นธรรมเครื่องข้องใน โลกแล้ว พึงศึกษาเพื่อนำอุปธินั้นนั่นแล ออกเสีย. แล้วตรัสว่า "มารผู้ลามก โอวาทของท่านเป็นอย่างอื่นทีเดียวแล, ของเราก็เป็นอย่างอื่น (คนละอย่างกัน), ขึ้นชื่อว่าการปรึกษาธรรมกับท่าน ย่อมไม่มี, เพราะเราย่อมสอนอย่างนี้" ____________________________ ๑- สํ. ส. เล่ม ๑๕/ข้อ ๔๗๗; ๒- แม้ประชุมแห่งบรรพต ๒ ลูกก็ว่า. แล้วได้ทรงภาษิตพระคาถาเหล่านี้ว่า :-
แก้อรรถ สองบทว่า ตุฏฺฐี สุขา ความว่า ก็แม้คฤหัสถ์ทั้งหลาย ผู้ไม่สันโดษแล้วด้วยของแห่งตน จึงปรารภทุจริตกรรมมีการตัดที่ต่อเป็นต้น, แม้บรรพชิตทั้งหลายผู้ไม่สันโดษแล้วด้วยปัจจัยของตน จึงปรารภอเนสนามีประการต่างๆ เพราะเหตุนี้ คฤหัสถ์และบรรพชิต บทว่า ปุญฺญํ ความว่า ก็บุญกรรมที่เริ่มทำไว้ตามอัธยาศัยอย่างไรนั่นแล นำความสุขมาให้ในมรณกาล. บทว่า สพฺพสฺส ความว่า อนึ่ง พระอรหัต กล่าวคือการละวัฏทุกข์ทั้งสิ้นได้นั่นแล ชื่อว่านำความสุขมาให้ในโลกนี้. การปฏิบัติชอบในมารดา ชื่อว่า มตฺเตยฺยตา. การปฏิบัติชอบในบิดา ชื่อว่า เปตฺเตยฺยตา. การทะนุบำรุงมารดาบิดานี่แล พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสแล้วด้วยบทแม้ทั้งสอง. อันที่จริง มารดาและบิดาทราบว่า บุตรทั้งหลายไม่บำรุงแล้ว ย่อมฝังทรัพย์อันเป็นของมีอยู่แห่งตนเสียในแผ่นดินบ้าง ย่อมสละให้แก่ชนเหล่าอื่นบ้าง อนึ่ง การนินทาย่อมเป็นไปแก่บุตรเหล่านั้นว่า "คนพวกนี้ไม่ทะนุบำรุงมารดาบิดา" บุตรเหล่านั้นย่อมบังเกิดแม้ในคูถนรก เพราะกายแตกทำลายไป ส่วนบุตรเหล่าใดทะนุบำรุงมารดาบิดาโดยเคารพ บุตรเหล่านั้นย่อมได้รับ การปฏิบัติชอบในบรรพชิตทั้งหลาย ชื่อว่า สามญฺญตา. การปฏิบัติชอบในพระพุทธเจ้า พระ ความเป็นคือการบำรุงพระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้าและพระพุทธสาวกทั้งหลายเหล่านั้น ด้วยปัจจัย ๔ พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสแล้วแม้ด้วยบททั้งสอง. แม้ข้อนี้ พระองค์ก็ตรัสว่า ชื่อว่านำความสุขมาให้ในโลก (นี้). บทว่า สีลํ เป็นต้น ความว่า แท้จริง เครื่องอลังการทั้งหลายมีแก้วมณี ตุ้มหู และผ้าแดงเป็นต้น ย่อมงดงามสำหรับชนผู้ตั้งอยู่แล้วในวัยนั้นๆ เท่านั้น เครื่องอลังการของคนหนุ่ม จะงดงามในกาลแก่ หรือเครื่องอลังการของคนแก่ จะงดงามในกาลหนุ่ม ก็หาไม่. อนึ่ง (เครื่องอลังการที่ตกแต่งไม่ถูกกาลนี้) ย่อมก่อให้เกิดความเสียหายถ่ายเดียว เพราะให้การครหาบังเกิดขึ้นว่า "คนนั้นชะรอยจะเป็นบ้า" ส่วนประเภทแห่งศีลมีศีล ๕ และศีล ๑๐ เป็นต้น ย่อมงดงามในทุกๆ วัย ทั้งแก่คนหนุ่มทั้งแก่คนแก่ทีเดียว ย่อมนำมาแต่ความโสมนัสถ่ายเดียว เพราะให้ความสรรเสริญบังเกิดขึ้นว่า "โอ ท่านผู้นี้มีศีลหนอ" เพราะฉะนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสว่า "สุขํ ยาว ชรา สีลํ." สองบทว่า สทฺธา ปติฏฺฐิตา ความว่า ศรัทธาที่เป็นโลกิยะและโลกุตตระ บาทพระคาถาว่า สุโข ปญฺญาปฏิลาโภ ความว่า การได้เฉพาะปัญญาแม้ที่เป็นโลกิยะและโลกุตตระ นำความสุขมาให้. สองบทว่า ปาปานํ อกรณํ ความว่า อนึ่ง การไม่กระทำบาปทั้งหลายด้วยอำนาจแห่งเสตุฆาตะ (คืออริยมรรค) นำความสุขมาให้ในโลกนี้. ในกาลจบเทศนา ธรรมาภิสมัยได้มีแก่เทวดาเป็นอันมาก ดังนี้แล. เรื่องมาร จบ. นาควรรควรรณนา จบ. วรรคที่ ๒๓ จบ. ----------------------------------------------------- .. อรรถกถา ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท นาควรรคที่ ๒๓ จบ. |