บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ |
อ่าน อรรถกถาหน้าต่างที่ [หน้าสารบัญ] [๑] [๒] [๓] [๔] [๕] [๖] [๗] [๘] [๙] [๑๐] [๑๑] [๑๒] [๑๓] [๑๔] [๑๕] [๑๖] [๑๗] [๑๘] [๑๙] [๒๐] [๒๑] [๒๒] [๒๓] [๒๔] [๒๕] [๒๖] [๒๗] [๒๘] [๒๙] [๓๐] [๓๑] [๓๒] [๓๓] [๓๔] [๓๕] [๓๖] [๓๗] [๓๘] [๓๙] หน้าต่างที่ ๑๑ / ๓๙. ข้อความเบื้องต้น พราหมณ์ลวงเอาสิ่งของของชาวเมือง ในกาลเป็นที่เสด็จเข้าไปยังพระนครแม้ของพระตถาคต ผู้อันหมู่ภิกษุแวดล้อมแล้ว ภิกษุทั้งหลายเห็นพราหมณ์นั้นแล้ว แม้ในกาลเป็นที่เสด็จออกไป ก็เห็นเขาห้อยอยู่อย่างนั้นเหมือนกัน. ฝ่ายชาวพระนครต่างก็คิดว่า "พราหมณ์นี้ห้อยอยู่อย่างนี้ตั้งแต่เช้า พึงตกลง (ตาย) ทำพระนครไม่ให้เป็นพระนคร" กลัวความล่มจมแห่งพระนคร จึงยอมรับว่า "พวก ภิกษุทั้งหลายเห็นเขาเที่ยวไปดุจแม่โค ใกล้อุปจารแห่งวิหาร จำได้จึงถามว่า "พราหมณ์ ท่านได้สิ่งของตามปรารถนาแล้วหรือ?" ได้ฟังว่า "ขอรับ กระผมได้แล้ว" จึงกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระตถาคต ณ ภายในวิหาร. พระศาสดาตรัสบุรพกรรมของพราหมณ์ ดังนี้แล้ว อันภิกษุเหล่านั้นทูลอ้อนวอนแล้ว ทรงนำอดีตนิทานมา (ตรัส) ว่า :- ในอดีตกาล ดาบสหลอกลวงรูปหนึ่งอาศัยกาสิกคามตำบลหนึ่ง ย่อมสำเร็จการอยู่. ตระกูลหนึ่งบำรุงเธอ คือย่อมถวายส่วนหนึ่งแม้แก่เธอ จากของควรเคี้ยวและของควรบริโภคอันเกิดขึ้นแล้วในกลางวัน เหมือนให้แก่บุตรของตน, เก็บ ต่อมาวันหนึ่ง ตระกูลนั้นได้เนื้อเหี้ย (มา) ในเวลาเย็น แกงไว้เรียบร้อยแล้ว เก็บ ดาบสพอกินเนื้อแล้ว ถูกความอยากในรสผูกพันแล้ว ถามว่า "นั่นชื่อเนื้ออะไร?" ได้ฟังว่า "เนื้อเหี้ย" ดังนี้แล้ว เที่ยวไปเพื่อภิกษา รับเอาเนยใสนมส้มและเครื่องเผ็ดร้อนเป็นต้น ไปยัง ก็พระยาเหี้ยอยู่ในจอมปลวกแห่งหนึ่ง ณ ที่ไม่ไกลแห่งบรรณศาลา. พระยาเหี้ยมาเพื่อไหว้พระดาบสตามกาลสมควร. ก็ในวันนั้น ดาบสนั่นคิดว่า "เราจักฆ่าเหี้ยนั้น" ดังนี้แล้ว ซ่อนท่อนไม้ไว้ นั่งทำทีเหมือนหลับอยู่ ณ ที่ใกล้จอมปลวกนั้น. พระยาเหี้ยออกจากจอมปลวกแล้ว มายังสำนักของเธอ กำหนดอาการได้แล้ว จึงกลับจากที่นั้น ด้วยคิดว่า "วันนี้ เราไม่ชอบใจอาการของอาจารย์." ดาบสรู้ความกลับของเหี้ยนั้นแล้วขว้างท่อนไม้ไปเพื่อประสงค์จะฆ่าเหี้ยนั้น. ท่อนไม้พลาดไป. พระยาเหี้ยเข้าไปสู่จอมปลวกแล้ว โผล่ศีรษะออกมาจากจอมปลวกนั้นแล้วแลดูทางที่มา กล่าวกะดาบสว่า :- ข้าพเจ้าสำคัญท่านผู้ไม่สำรวมว่าเป็นสมณะ จึงเข้าไปหาแล้ว, ท่านนั้นย่อมไม่เป็นสมณะ โดย ประการที่ท่านเอาไม้ประหารข้าพเจ้า ท่านผู้มีปัญญาทราม ประโยชน์อะไรด้วย ชฎาทั้งหลายของท่าน ประโยชน์อะไรด้วยผ้าที่ทำ ด้วยหนังสัตว์ของท่าน, ภายในของท่านรกรุงรัง ท่านย่อมเกลี้ยงเกลาแต่ภายนอก. ครั้งนั้น ดาบสเพื่อจะล่อพระยาเหี้ยนั้นด้วยของมีอยู่ของตน จึงกล่าวอย่างนี้ว่า :- เหี้ย ท่านจงกลับมา จงบริโภคข้าวสุกแห่ง ข้าวสาลีทั้งหลาย, น้ำมันและเกลือของข้าพเจ้ามีอยู่, ดีปลีของข้าพเจ้าก็มีเพียงพอ. พระยาเหี้ยฟังคำนั้นแล้ว กล่าวว่า "ท่านกล่าวโดยประการใดๆ ความที่ข้าพเจ้าประสงค์เพื่อหนีไปอย่างเดียว ย่อมมีโดยประการนั้นๆ" ดังนี้แล้ว กล่าวคาถานี้ว่า :- ข้าพเจ้านั้นยิ่งจักเข้าไปสู่จอมปลวกลึกตั้ง ๑๐๐ ชั่วบุรุษ น้ำมันและเกลือของท่าน จะเป็น ประโยชน์อะไร? ดีปลีก็ไม่เป็นประโยชน์เกื้อกูล แก่ข้าพเจ้า. ก็แลครั้นกล่าวอย่างนั้นแล้ว กล่าวว่า "ข้าพเจ้าได้ทำความสำคัญในท่านว่าเป็นสมณะสิ้นกาลประมาณเท่านี้ บัดนี้ ท่านขว้างท่อนไม้ไป เพราะความเป็นผู้ประสงค์จะประหารข้าพเจ้า ท่านไม่เป็นสมณะแต่กาลที่ท่าน พระศาสดา ครั้นทรงนำอดีตนิทานนี้มาแล้ว ตรัสว่า "พราหมณ์ นี้ ได้เป็นดาบสผู้หลอกลวงในกาลนั้น ส่วนพระยาเหี้ย ได้เป็นเรานี่เอง" ดังนี้ แล้วทรงประมวลชาดก. เมื่อจะทรงแสดงเหตุแห่งดาบสนั้น ถูกเหี้ยตัวฉลาดข่มในกาลนั้น จึงตรัสพระคาถานี้ว่า :-
แก้อรรถ บทว่า อพฺภนฺตรํ ความว่า ในภายในของเธอรกรุงรังด้วยกิเลสมีราคะเป็นต้น, เธอย่อมเกลี้ยงเกลาแต่ภายนอก เหมือนคูถช้างคูถม้าเกลี้ยงเกลาแต่ภายนอกอย่างเดียว. ในกาลจบเทศนา ชนเป็นอันมากบรรลุอริยผลทั้งหลาย มีโสดาปัตติผลเป็นต้น ดังนี้แล. เรื่องกุหกพราหมณ์ จบ. ----------------------------------------------------- .. อรรถกถา ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท พราหมณวรรคที่ ๒๖ |