บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ |
อ่าน อรรถกถาหน้าต่างที่ [หน้าสารบัญ] [๑] [๒] [๓] [๔] [๕] [๖] [๗] [๘] [๙] [๑๐] [๑๑] [๑๒] [๑๓] [๑๔] [๑๕] [๑๖] [๑๗] [๑๘] [๑๙] [๒๐] [๒๑] [๒๒] [๒๓] [๒๔] [๒๕] [๒๖] [๒๗] [๒๘] [๒๙] [๓๐] [๓๑] [๓๒] [๓๓] [๓๔] [๓๕] [๓๖] [๓๗] [๓๘] [๓๙] หน้าต่างที่ ๓๙ / ๓๙. ข้อความเบื้องต้น พราหมณ์ทูลถามทักษิณาที่มีผลมาก พราหมณ์ฟังคำนั้นแล้ว เป็นผู้มีใจยินดี คิดว่า "การที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงส่ง (พระอุปวานเถระ) มาสู่สำนักของเรา เพื่อต้องการน้ำร้อน เป็นลาภของเราหนอ" จึงใช้บุรุษให้ถือเอาหาบน้ำร้อนและห่อน้ำอ้อย มอบถวายแก่พระอุปวานเถระ. พระเถระให้ชนถือเอาน้ำร้อนเป็นต้นนั้นไปสู่วิหาร กราบทูลพระศาสดาให้ทรงสรงด้วยน้ำร้อนแล้ว ละลายน้ำอ้อยด้วยน้ำร้อนถวายแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า. ในขณะนั้นนั่นเอง อาพาธนั้นของพระองค์ก็สงบระงับ. พราหมณ์คิดว่า "ไทยธรรมเราให้แก่ใครหนอแล? จึงมีผลมาก, เราจักทูลถามพระศาสดา" พราหมณ์นั้นไปสู่สำนักพระศาสดาแล้ว เมื่อจะทูลถามเนื้อความนั้น จึงกล่าวคาถานี้ว่า :- บุคคลควรให้ไทยธรรมในบุคคลไหน? ไทย- ธรรมวัตถุอันบุคคลให้ในบุคคลไหน จึงมีผลมาก? ทักษิณาของบุคคลผู้บูชาอยู่อย่างไรเล่า? จะสำเร็จ ได้อย่างไร?" พระศาสดาทรงแก้ปัญหาของพราหมณ์ เมื่อจะทรงประกาศบุคคลผู้เป็นพราหมณ์แก่พราหมณ์นั้น จึงตรัสพระคาถานี้ว่า :-
แก้อรรถ บุคคลใด รู้ขันธ์ที่อาศัยอยู่ในก่อนอย่างแจ้งชัด เห็นสวรรค์ต่างด้วยเทวโลก ๒๖ ชั้น#- และอบาย ๔ ด้วยทิพยจักษุ. อนึ่ง บรรลุพระอรหัต กล่าวคือความสิ้นไปแห่งชาติ เสร็จกิจแล้ว เพราะรู้ยิ่งซึ่งธรรมควรรู้ยิ่ง กำหนดรู้ธรรมที่ควรกำหนดรู้ ละธรรมที่ควรละ ทำให้แจ้งซึ่งธรรมที่ควรทำให้แจ้ง คือบรรลุพระนิพพานหรือบรรลุพรหมจรรย์อันตนอยู่จบแล้ว ชื่อว่าเป็นมุนี เพราะเป็นผู้บรรลุภาวะแห่งผู้รู้ ด้วยปัญญาอันเป็นเหตุสิ้นไปแห่งอาสวะ, เราเรียกบุคคลนั้นซึ่งชื่อว่ามีพรหมจรรย์อยู่เสร็จสรรพแล้ว เพราะความเป็นผู้อยู่จบพรหมจรรย์ อันเป็นที่สุดแห่งกิเลสทั้งสิ้น คือพระอรหัตมรรคญาณ ว่าเป็นพราหมณ์. ในกาลจบเทศนา ชนเป็นอันมากบรรลุอริยผลทั้งหลาย มีโสดาปัตติผลเป็นต้น. ฝ่ายพราหมณ์ มีใจเลื่อมใสแล้ว ตั้งอยู่ในสรณะทั้งหลาย ประกาศความเป็นอุบาสกแล้ว ดังนี้แล. ____________________________ #- กามาพจร ๖ รูปพรหม ๑๖ อรูปพรหม ๔ รวมเป็น ๒๖. เรื่องเทวหิตพราหมณ์ จบ. พราหมณวรรควรรณนา จบ. วรรคที่ ๒๖ จบ. ----------------------------------------------------- รวมวรรคที่มีในคาถาธรรมบท คือ รวมทั้งหมดนี้เป็น ๒๖ วรรค อันพระพุทธเจ้าผู้เป็นเผ่าพันธุ์แห่งพระอาทิตย์ ทรงแสดงแล้ว ในยมกวรรค มี ๒๐ คาถา ในอัปปมาทวรรคมี ๑๒ คาถา ในจิตตวรรคมี ๑๑ คาถา ในปุปผวรรคมี ๑๖ คาถา ในพาลวรรคมี ๑๗ คาถา ในบัณฑิตวรรคมี ๑๔ คาถา ในอรหันตวรรคมี ๑๐ คาถา ในสหัสสวรรคมี ๑๖ คาถา ในปาปวรรคมี ๑๓ คาถา ในทัณฑวรรคมี ๑๗ คาถา ในชราวรรคมี ๑๑ คาถา ในอัตตวรรคมี ๑๒ คาถา ในโลกวรรคมี ๑๒ คาถา ในพุทธวรรคมี ๑๖ คาถา ในสุขวรรคและปิยวรรคมีวรรคละ ๑๒ คาถา ในโกธวรรคมี ๑๔ คาถา ในมลวรรคมี ๒๑ คาถา ในธัมมัฏฐวรรค มี ๑๗ คาถา ในมรรควรรคมี ๑๖ คาถา ในปกิณณกวรรคมี ๑๖ คาถา ในนิรยวรรคและนาควรรคมีวรรคละ ๑๔ คาถา ในตัณหาวรรคมี ๒๒ คาถา ในภิกขุวรรคมี ๒๓ คาถา ในพราหมณวรรคอันเป็นวรรคที่สุดมี ๔๐ คาถา คาถา ๔๒๓ คาถา อันพระพุทธเจ้าผู้เป็นเผ่าพันธุ์แห่งพระอาทิตย์ ทรงแสดงไว้ในนิบาตในธรรมบท. จบคาถาธรรมบท ----------------------------------------------------- รวมเรื่องทั้งหมด ____________________________ ๑- ในเรื่องเหล่านี้นับรวมทั้งหมดมี ๓๐๒ เรื่อง. จบธัมมปทัฏฐกถา คำอุทิศของผู้เรียบเรียง ผู้พระธรรมราชา ทรงบรรลุแล้ว, พระคาถาเหล่าใด ในพระธรรมบท มีประมาณ ๔๒๓ พระคาถาตั้งขึ้นแล้ว ในเพราะเรื่อง ๒๙๙ เรื่อง อันพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น ผู้แสวงหาคุณใหญ่ ทรงยังสัจจะ ทั้ง ๔ ให้แจ่มแจ้ง ทรงภาษิตไว้แล้ว, ข้าพเจ้าผู้อยู่ในปราสาทของพระเจ้าสิริกูฏ ในวิหารอันพระ อธิราชเจ้าผู้มีพระกตัญญูตรัสให้สร้างไว้แล้ว เรียบเรียงอรรถกถานี้ แห่งพระคาถาเหล่านั้น ให้ถึงพร้อมด้วยอรรถและพยัญชนะ ให้หมด มลทินด้วยดี ตามพระบาลีมีประมาณ ๗๒ ภาณวาร เพื่อประโยชน์ และเพื่อเกื้อกูลแก่โลก เพราะความที่ข้าพเจ้าเป็นผู้ใคร่ เพื่อความ ดำรงมั่นแห่งพระสัทธรรมของพระโลกนาถเจ้า ได้บรรลุกุศลใดแล้ว ด้วยอำนาจกุศลนั้น ขอความดำริอันเป็นกุศลทั้งปวง จงเผล็ดผลที่น่า จับใจ สำเร็จแก่สัตว์ทั้งปวง ด้วยประการฉะนี้. พรรณนาคุณสมบัติของผู้เรียบเรียงคัมภีร์นี้ ผู้ประดับด้วยศรัทธา ความรู้ และความเพียร อันบริสุทธิ์อย่างยิ่ง มี คุณสมุทัย มีศีล อาจาระ ความเป็นผู้ซื่อตรง และความเป็นผู้อ่อนโยน เป็นต้น พรั่งพร้อมแล้ว สามารถหยั่งลงในการถือเอาลัทธิของตนและ ลัทธิอื่น ประกอบด้วยความเฉลียวฉลาดด้วยปัญญา ประกาศญาณอัน ไม่ขัดข้องในสัตถุศาสน์ อันต่างด้วยปริยัติธรรม คือพระไตรปิฎก พร้อมทั้งอรรถกถา ผู้ชำนาญในไวยากรณ์มาก ผู้ประกอบด้วยความ กลมเกลี้ยงแห่งถ้อยคำที่ไพเราะยิ่ง อันเปล่งออกได้สะดวก ที่ยังกรณ สมบัติให้เกิด ผู้มีปกติพูดถูกต้องคล่องแคล่วประเสริฐในทางพูด เป็น มหากวี เป็นผู้ประดับวงศ์ของพระเถระทั้งหลาย ผู้อยู่ในมหาวิหารโดย ปกติ ผู้เพียงดังประทีปในวงศ์ของพระเถระ ผู้มีความรู้อันไม่ขัดข้องใน อุตริมนุสธรรมอันประดับด้วยคุณต่างด้วยอภิญญา ๖ และปฏิสัมภิทา ๔ เป็นต้น มีความรู้ไพบูลย์ ทั้งหมดจด ได้เรียบเรียงอรรถวรรณนาแห่ง พระธรรมนี้ไว้แล้ว. ----------------------------------------------------- .. อรรถกถา ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท พราหมณวรรคที่ ๒๖ จบ. |