บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ |
อ่าน อรรถกถาหน้าต่างที่ [หน้าสารบัญ] [๑] [๒] [๓] [๔] [๕] [๖] [๗] [๘] [๙] หน้าต่างที่ ๒ / ๙. ข้อความเบื้องต้น กุมภโฆสกกลัวตายหนีไปอยู่ภูเขา สองสามีภริยานั้น โรคถูกต้องแล้ว แลดูบุตรซึ่งยืนอยู่ ณ ที่ใกล้ มีนัยน์ตาทั้งสองนองด้วยน้ำตา พูดกะบุตรว่า พ่อเอ๋ย เขาว่า เมื่อโรคชนิดนี้เกิดขึ้น, ชนทั้งหลายพังฝาเรือนหนีไปย่อมได้ชีวิต, ตัวเจ้าไม่ต้องห่วงใยเราทั้งสองพึงหนีไป (เสียโดยด่วน) มีชีวิตอยู่ จึงกลับมาอีก พึงขุดเอาทรัพย์ ๔๐ โกฏิที่เราทั้งสองฝังเก็บไว้ในที่โน้นขึ้นเลี้ยงชีวิต. เขาฟังคำของมารดาและบิดานั้นแล้ว ร้องไห้ ไหว้มารดาบิดา กลัวต่อภัยคือความตาย ทำลายฝาเรือนหนีไปสู่ชัฏแห่งภูเขา อยู่ในที่นั้นสิ้น ๑๒ ปีแล้ว จึงกลับมายังที่อยู่ของมารดาบิดา. เขากลับมาบ้านเดิมไม่มีใครจำได้ กุมภโฆสกรับจ้างทำงาน เขาถามว่า ชื่อว่าการงานอะไร? ที่พวกท่านจักให้ทำ. พวกผู้จ้างตอบว่า การงานคือการปลุกและการตักเตือน, ถ้าเจ้าอาจ (ทำ) ได้ไซร้, เจ้าจงลุกขึ้นแต่เช้าตรู่ เที่ยวบอกว่า พ่อทั้งหลาย ท่านทั้งหลายจงลุกขึ้น จงตระเตรียมเกวียนทั้งหลาย, จงเทียมโคผู้ ในเวลาที่สัตว์พาหนะต่างๆ มีช้างและม้าเป็นต้นไปเพื่อต้องการกินหญ้า, แม่ทั้งหลาย แม้พวกท่านจงลุกขึ้นต้มยาคู หุงภัต เขารับว่า ได้จ้ะ. ลำดับนั้น พวกผู้จ้างได้ให้เรือนหลังหนึ่งแก่เขาเพื่อประโยชน์แก่การอยู่ ณ ที่ใกล้. เขาได้การงานนั้นทุกวัน. พระเจ้าพิมพิสารทรงทราบฐานะของกุมภโฆสก ขณะนั้น นางสนมของท้าวเธอคนหนึ่งยืนเฝ้าอยู่ ณ ที่ใกล้ คิดว่า ในหลวงจักไม่ตรัสเหลวๆ ไหลๆ เราควรรู้จักชายนี้. จึงส่งชายผู้หนึ่งไป (สืบ) ด้วยคำว่า ไปเถิด พ่อ ท่านจงทราบบุรุษนั่น (แล้วกลับมา). เขารีบไป พบกุมภโฆสกนั้นแล้ว ก็กลับมาบอกว่า นั้นเป็นมนุษย์กำพร้าคนหนึ่ง ซึ่งทำการรับจ้างของชนผู้จ้างทั้งหลาย. พระราชาทรงสดับถ้อยคำของบุรุษนั้นแล้ว ก็ทรงดุษณีภาพ๑-, ในวันที่ ๒ ก็ดี ในวันที่ ๓ ก็ดี ครั้นทรงสดับเสียงของกุมภโฆสกนั้นแล้ว ก็ตรัสอย่างนั้นเหมือนกัน. ____________________________ ๑- นิ่งเฉย นางสนมรับอาสาพระเจ้าพิมพิสาร นางสนมนั้นจึงกราบทูลพระราชาว่า ข้าแต่สมมติเทพ ข้าพระบาท เมื่อได้ทรัพย์พันหนึ่งจักพาธิดาไป (ออกอุบาย) ให้ทรัพย์นั่นเข้าสู่ราชสกุลจงได้. พระราชารับสั่งให้พระราชทานทรัพย์พันหนึ่งแก่นางแล้ว. นางรับพระราชทานทรัพย์นั้นแล้ว ให้ธิดานุ่งผ้าค่อนข้างเก่าผืนหนึ่ง ออกจากพระราชมณเฑียรพร้อมกับธิดานั้น เป็นดุจคนเดินทาง ไปสู่ถนนอันเป็นที่อยู่คนรับจ้าง เข้าไปสู่เรือนหลังหนึ่ง พูดว่า แม่จ๋า ฉันทั้งสองเดินทางมา (เหน็ดเหนื่อย) จักขอพักในเรือนนี้สักวันสองวันแล้ว จักไป. นางสนมกับธิดาพักอยู่ในเรือนกุมภโฆสก วันรุ่งขึ้น ในเวลาเขาจะไปป่า จึงพูดว่า นายจ๋า ขอนายจงมอบค่าอาหารสำหรับนายไว้แล้วจึงค่อยไป, ฉันจัก (จัดแจง) หุงต้มไว้เพื่อนาย. เมื่อเขากล่าวว่า อย่าเลย ฉันจักหุงต้มกินเองก็ได้, จึงรบเร้าบ่อยๆ เข้า (จนสำเร็จ) ทำทรัพย์ที่เขาให้ ให้เป็นสักว่าอันตนได้รับไว้แล้วทีเดียว ให้นำโภชนะและสิ่งต่างๆ มีข้าวสารที่บริสุทธิ์เป็นต้น มาแต่ร้านตลาดหุงข้าวสุกให้ละมุนละไมดี และปรุงแกงกับ ๒-๓ อย่าง ซึ่งมีรสอร่อยโดยเยี่ยงอย่างหุงต้มในราชสกุล ได้ให้แก่กุมภโฆสกผู้มาจากป่า. ครั้นทราบ (ว่า) เขาบริโภคแล้ว ถึงความเป็นผู้มีจิตเบิกบาน จึงพูดว่า นายจ๋า ฉันทั้งสองเป็นผู้เมื่อยล้า ขอพักอยู่ในเรือนนี้แล สักวันสองวันเถอะ, เขารับรองว่า ได้จ้ะ. กุมภโฆสกเสียรู้นางชาววัง นางสนม. นายจ๋า ฉันไม่อาจห้ามพวกเด็กหนุ่มๆ ได้ พวกเขามาประชุมกัน (เล่น) ที่นี้ละซิ. กุมภโฆสก. แม่ เพราะอาศัยแก ๒ คน ทุกข์นี้ จึงเกิดแก่ฉัน, เพราะในกาลก่อน ฉันจะไปในที่ไหนๆ ก็ปิดประตูแล้วจึงไป. นางสนม. จะทำอย่างไรได้ละ? พ่อ ฉันไม่อาจห้ามได้. นางตัด (ฐานเตียง) โดยทำนองนี้แล สิ้น ๒-๓ วัน แม้ถูกเขาตำหนิติเตียนว่ากล่าวอยู่ ก็คงกล่าว (แก้ตัว) อย่างนั้นแล้วตัดเชือกที่เหลือ เว้นเชือกเส้นเล็กๆ ไว้เส้น ๒ เส้น. วันนั้น เมื่อเขาพอนั่งลงเท่านั้น, ฐาน (เตียง) ทั้งหมดตกลงไปที่พื้นดิน. ศีรษะ (ของเขา) ได้ (ฟุบลง) รวมเข้ากับเข่าทั้งสอง เขาลุกขึ้นได้ ก็พูดว่า ฉันจะทำอะไรได้? บัดนี้ จักไปไหนได้? ฉันเป็นผู้ถูกพวกแกทำไม่ให้เป็นเจ้าของแห่งเตียงเป็นที่นอนเสียแล้ว. นางสนมปลอบว่า จักทำอย่างไรได้เล่า? พ่อ ฉันไม่อาจห้ามเด็กๆ ที่คุ้นเคยได้, ช่างเถอะ อย่าวุ่นวายไปเลย, นายจักไปไหน? ในเวลานี้ ดังนี้แล้ว เรียกธิดามาบอกว่า แม่หนู เจ้าจงทำโอกาสสำหรับเป็นที่นอนแห่งพี่ชายของเจ้า. กุมภโฆสกได้ลูกสาวของนางสนมเป็นภรรยา นางกุมาริการ้องไห้แล้ว. ทีนั้น มารดาจึงถามเขาว่า เจ้าร้องไห้ทำไมเล่า? แม่หนู. ธิดา. กรรมชื่อนี้เกิดแล้ว แม่. มารดาพูดว่า ช่างเถอะ แม่หนู เรา อาจทำอะไรได้, เจ้าได้สามีคนหนึ่งก็ดี กุมภโฆสกนี้ได้หญิงผู้บำเรอเท้าคนหนึ่ง๑- ก็ดี ย่อมสมควร ดังนี้แล้ว ได้ทำกุมภโฆสกนั้นให้เป็นบุตรเขยแล้ว. เขาทั้งสองอยู่ร่วมกันแล้ว. ____________________________ ๑- ภรรยา. กุมภโฆสกต้องจ่ายทรัพย์เพราะอุบายของนางสนม พระราชารับสั่งให้ทำอย่างนั้น. คราวนั้น แม่ยายพูดกะเขาว่า พ่อเอ๋ย เราจำต้องจัดทำมหรสพในถนนแห่งคนรับจ้างตามพระราชาณัติ๑-, เราจะทำอย่างไร ? กุมภโฆสก. แม่ ฉันแม้ทำการรับจ้างอยู่ ก็แทบจะไม่สามารถเป็นอยู่ได้ จักจัดทำมหรสพอย่างไรได้เล่า? แม่ยาย. พ่อเอ๋ย ธรรมดาบุคคลผู้อยู่ครองเรือนทั้งหลาย ย่อมรับเอา๒- แม้หนี้ไว้, พระเจ้าอยู่หัวทรงบังคับ จะไม่ทำ (ตาม) ไม่ได้, อันเราอาจพ้นจากหนี้ได้ด้วยอุบายอย่างใดอย่างหนึ่ง, ไปเถิดพ่อ จงนำกหาปณะ ๑ หรือ ๒ กหาปณะ แต่ที่ไหนๆ ก็ได้. ____________________________ ๑- การบังคับของพระพระราชา. ๒- ต้องเป็นหนี้พระราชา. นางสนมส่งทรัพย์ของกุมภโฆสกไปถวายพระราชา พระราชาก็ทรงบังคับอีกว่า ทวยราษฏร์จงจัดทำมหรสพ เมื่อใครไม่ทำ มีสินไหม กุมภโฆสกถูกฉุดตัวไปเฝ้าพระเจ้าอยู่หัว เขากลัวแล้ว พูดคำแก้ตัวเป็นต้นว่า พระเจ้าอยู่หัวไม่ทรงรู้จักตัวฉัน แล้วไม่ปรารถนาจะไป. ทีนั้น พวกบุรุษจึงจับเขาที่อวัยวะทั้งหลายมีมือเป็นต้น ฉุดมาด้วยพลการ๑- ____________________________ ๑- ทำด้วยกำลัง คือทำตามชอบใจ. หญิงนั้นเห็นบุรุษเหล่านั้นแล้ว จึง (ทำที) ขู่ตะคอกว่า เฮ้ย เจ้าพวกหัวดื้อ พวกเจ้าไม่สมควรจับลูกเขยของข้าที่อวัยวะทั้งหลายมีมือเป็นต้น แล้วปลอบว่า มาเถิดพ่อ อย่ากลัวเลย, ฉันเฝ้าพระเจ้าอยู่หัวแล้ว จักทูลให้ตัดมือของพวกที่จับอวัยวะมีมือเป็นต้นของเจ้าทีเดียว แล้วพาบุตรีไปก่อน ถึงพระราชมณเฑียรแล้วเปลี่ยนเพศแต่งเครื่องประดับพร้อมสรรพ ได้ยืนเฝ้าอยู่ ณ ส่วนข้างหนึ่ง. ฝ่ายกุมภโฆสกถูกเขาฉุดคร่านำมา (ถวาย) จนได้. พระราชาทรงซักถามกุมภโฆสก กุมภโฆสก. ข้าแต่สมมติเทพ พระเจ้าข้า. พระราชา. เพราะเหตุไร เจ้าจึงปกปิดทรัพย์เป็นอันมากไว้ใช้สอย? กุมภโฆสก. ทรัพย์ของข้าพระองค์จักมีแต่ไหน? พระเจ้าข้า (เพราะ) ข้าพระองค์ทำการรับจ้างเลี้ยงชีวิต. พระราชา. เจ้าอย่าทำอย่างนั้น, เจ้าลวงข้าทำไม? กุมภโฆสก. ข้าพระองค์มิได้ลวง พระเจ้าข้า, ทรัพย์ของข้าพระองค์ไม่มี (จริง). ทีนั้น พระราชาทรงแสดงกหาปณะเหล่านั้นแก่เขาแล้ว ตรัสว่า กหาปณะเหล่านี้ ของใครกัน? กุมภโฆสกเผยจำนวนทรัพย์ ขณะนั้น พระราชาตรัสกะเขาว่า พูดไปเถิด ผู้เจริญ, ทำไม? เจ้าจึงทำอย่างนั้น. กุมภโฆสก. เพราะที่พึ่งของข้าพระองค์ไม่มี พระเจ้าข้า. พระราชา. คนเช่นเรา ไม่ควรเป็นที่พึ่ง (ของเจ้า) หรือ? กุมภโฆสก. ข้าแต่สมมติเทพ ถ้าสมมติเทพทรงเป็นที่พึ่งของข้าพระองค์ ก็เป็นการเหมาะดี. พระราชา. เป็นได้ซิ ผู้เจริญ, ทรัพย์ของเจ้ามีเท่าไรล่ะ? กุมภโฆสก. มี ๔๐ โกฏิ พระเจ้าข้า. พระราชา. ได้อะไร (ขน) จึงจะควร? กุมภโฆสก. เกวียนหลายๆ เล่ม พระเจ้าข้า. กุมภโฆสกได้รับตำแหน่งเศรษฐี เมื่อทวยราษฏร์กราบทูลว่า ไม่มี พระเจ้าข้า ตรัสถามว่า ก็เราทำอะไรแก่เขา จึงควร? เมื่อพวกนั้นกราบทูลว่า ทรงทำความยกย่องแก่เขา สมควร พระเจ้าข้า จึงทรงตั้งกุมภโฆสกนั้น ในตำแหน่งเศรษฐี ด้วยสักการะเป็นอันมาก พระราชทานบุตรีของหญิงนั้นแก่เขาแล้ว เสด็จไปสู่สำนักพระศาสดาพร้อมกับเขา ถวายบังคมแล้ว กราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอพระองค์จงทอดพระเนตรบุรุษนี้ ชื่อว่าผู้มีปัญญาเห็นปานนี้ ไม่มี, เขาแม้มีสมบัติถึง ๔๐ โกฏิ ก็ไม่ทำอาการเย่อหยิ่ง หรืออาการสักว่าความทะนงตัว, (ทำ) เป็นเหมือนคนกำพร้า นุ่งผ้าเก่าๆ ทำการรับจ้างที่ถนนอันเป็นที่อยู่ของคนรับจ้าง เลี้ยงชีพอยู่ หม่อมฉันรู้ได้ด้วยอุบายชื่อนี้, ก็แลครั้นรู้แล้ว สั่งให้เรียกมาไล่เลียงให้รับว่ามีทรัพย์แล้ว ให้ขนทรัพย์นั้นมา ตั้งไว้ในตำแหน่งเศรษฐี, (ใช่แต่เท่านั้น) หม่อมฉันยังให้บุตรีแก่เขาด้วย ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ คนมีปัญญาเห็นปานนี้ หม่อมฉันไม่เคยเห็น. คุณธรรมเป็นเหตุเจริญแห่งยศ มหาบพิตร ชีวิตของบุคคลผู้เป็นอยู่อย่างนั้น ชื่อว่าเป็นอยู่ประกอบด้วยธรรม, ก็กรรมมีกรรมของโจรเป็นต้น ย่อมเบียดเบียนบีบคั้น (ผู้ทำ) ในโลกนี้ทั้งในโลกหน้า ชื่อว่าความสุขอันมีกรรมนั้นเป็นเหตุ ก็ไม่มี, ก็บุรุษทำการรับจ้างก็ดี ทำนาก็ดี เลี้ยงชีวิตในกาลเสื่อมทรัพย์นั่นแล ชื่อว่าชีวิตประกอบด้วยธรรม, อันความเป็นใหญ่ย่อมเจริญขึ้นอย่างเดียว แก่คนผู้ถึงพร้อมด้วยความเพียร บริบูรณ์ด้วยสติ มีการงานบริสุทธิ์ทางทวารทั้งหลาย มีกายและวาจาเป็นต้น มีปกติใคร่ครวญด้วยปัญญา แล้วจึงทำผู้สำรวมไตรทวาร มีกายทวารเป็นต้น เลี้ยงชีวิตโดยธรรม ตั้งอยู่ในอันไม่ ดังนี้แล้ว ตรัสพระคาถานี้ว่า
แก้อรรถ บทว่า สตีมโต คือ สมบูรณ์ด้วยสติ. บทว่า สุจิกมฺมสฺส คือ ประกอบด้วยการงานทั้งหลาย มีการงานทางกายเป็นต้น อันหาโทษมิได้ คือหาความผิดมิได้. บทว่า นิสมฺมการิโน ได้แก่ ใคร่ครวญ คือไตร่ตรองอย่างนี้ว่า ถ้าผลอย่างนี้จักมี เราจักทำอย่างนี้. หรือว่า เมื่อการงานนี้ อันเราทำแล้วอย่างนี้ ผลชื่อนี้จักมี ดังนี้แล้ว ทำการงานทั้งปวง เหมือนแพทย์ตรวจดูต้นเหตุ (ของโรค) แล้วจึงแก้โรคฉะนั้น. บทว่า สญฺญตสฺส ได้แก่ สำรวมแล้ว คือไม่มีช่อง ด้วยทวารทั้งหลายมีกายเป็นต้น. บทว่า ธมฺมชีวิโน คือ ผู้เป็นคฤหัสถ์ เว้นความโกงต่างๆ มีโกงด้วยตาชั่งเป็นต้น เลี้ยงชีวิตด้วยการงานอันชอบทั้งหลาย มีทำนาและเลี้ยงโคเป็นต้น, เป็นบรรพชิต เว้นอเนสนากรรมทั้งหลาย๑- มีเวชกรรม๒- และทูตกรรม๓- เป็นต้น เลี้ยงชีวิตด้วยภิกษาจาร๔- โดยธรรม คือโดยชอบ. ____________________________ ๑- กรรม คือการแสวงหา (ปัจจัย) อันไม่ควร. ๒- กรรมของหมอ หรือกรรม คือความเป็นหมอ. ๓- กรรมของคนรับใช้ หรือกรรม คือความเป็นผู้รับใช้. ๔- การเที่ยวเพื่อภิกษา. บทว่า อปฺปมตฺตสฺส คือ มีสติไม่ห่างเหิน. บทว่า ยโสภิวฑฺฒติ ความว่า ยศที่ได้แก่ความเป็นใหญ่ ความมีโภคสมบัติและความนับถือ และที่ได้แก่ความมีเกียรติและการกล่าวสรรเสริญ ย่อมเจริญ. ในกาลจบพระคาถา กุมภโฆสกดำรงอยู่ในโสดาปัตติผล. ชนแม้เหล่าอื่นเป็นอันมาก ก็บรรลุอริยผลทั้งหลาย มีโสดาปัตติผลเป็นต้นแล้ว. เทศนาสำเร็จประโยชน์แก่มหาชนอย่างนี้แล. เรื่องกุมภโฆสก จบ. ----------------------------------------------------- .. อรรถกถา ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท อัปปมาทวรรคที่ ๒ |