![]() |
บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ |
![]() |
![]() | ||||||||||||||||
อ่าน อรรถกถาหน้าต่างที่ [หน้าสารบัญ] [๑] [๒] [๓] [๔] [๕] [๖] [๗] [๘] [๙] [๑๐] [๑๑] [๑๒] [๑๓] [๑๔] ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() หน้าต่างที่ ๑๑ / ๑๔. ข้อความเบื้องต้น พระเถระให้งูกัดตัว ภายหลังวันหนึ่ง ภิกษุทั้งหลายสรงน้ำแต่เช้าตรู่ ทำภัตกิจเสร็จแล้ว ไปสู่วิหาร เห็นงูที่โรงไฟ จึงใส่งูนั้นไว้ในหม้อใบหนึ่งปิดหม้อแล้วถือออกจากวิหาร. ฝ่ายภิกษุผู้กระสัน ทำภัตกิจแล้วเดินมาเห็นภิกษุเหล่านั้น จึงถามว่า "นี่อะไร? ผู้มีอายุ" เมื่อพวกภิกษุตอบว่า "งู ผู้มีอายุ" จึงถามว่า "จักทำอะไรด้วยงูนี้?" ฟังคำของภิกษุเหล่านั้นว่า "เราจักทิ้งมัน" คิดว่า "เราจักให้งูนี้กัดตัวตายเสีย" จึงกล่าวว่า "นำมาเถิด, กระผมจักทิ้งมันเอง" รับหม้อจากมือของ เธอคิดว่า "งูนี้มิใช่งูมีพิษ เป็นงูเรือน" จึงทิ้งงูนั้นแล้วได้ไปยังวิหาร. ลำดับนั้น ภิกษุทั้งหลายกล่าวกะเธอว่า "ผู้มีอายุ ท่านทิ้งงูแล้วหรือ?" ภิกษุกระสัน. ผู้มีอายุ นั้นจะไม่ใช่งู (พิษ) นั่นเป็นงูเรือน. ภิกษุ. ผู้มีอายุ งู (พิษ) ทีเดียว แผ่แม่เบี้ยใหญ่ ขู่ฟู่ฟู่ พวกผมจับได้โดยยาก เพราะเหตุไร ท่านจึงว่าอย่างนี้? ภิกษุกระสัน. ผู้มีอายุ ผมให้มันกัดอวัยวะบ้าง สอดนิ้วมือเข้าในปากบ้าง ก็ไม่อาจให้มันกัดได้. พวกภิกษุฟังคำนั้นแล้ว ได้นิ่งเสีย. พระเถระบรรลุพระอรหัตแล้วมีชื่อว่าสัปปทาสะ ภิกษุกระสันนั้นจับมีดโกนเล่มที่เขาวางไว้ที่พื้นแล้ว คิดว่า "จักตัดคอด้วยมีดโกนนี้ตาย" จึงยืนพาดคอไว้ที่ต้นไม้ต้นหนึ่งแล้ว จ่อคมมีดโกนที่ก้านคอ ใคร่ครวญถึงศีลของตน จำเดิมแต่กาลอุปสมบท ได้เห็นศีลหมดมลทิน ดังดวงจันทร์ปราศจากมลทิน และดังดวงแก้วมณีที่ขัดดี. เมื่อเธอตรวจดูศีลนั้นอยู่ ปีติเกิดแผ่ซ่านทั่วทั้งสรีระ เธอข่มปีติได้แล้วเจริญวิปัสสนา บรรลุพระอรหัตพร้อมด้วยปฏิสัมภิทาทั้งหลาย จึงถือมีดโกน เข้าไปท่ามกลางวิหาร. ลำดับนั้น ภิกษุทั้งหลายถามเธอว่า "ผู้มีอายุ ท่านไปไหน?" ภิกษุกระสัน. ผู้มีอายุ ผมไปด้วยคิดว่า จักเอามีดโกนนี้ตัดก้านคอตาย. ภิกษุ. เมื่อเป็นเช่นนั้น เพราะเหตุไร ท่านจึงไม่ตาย? ภิกษุกระสัน. บัดนี้ ผมเป็นผู้ไม่ควรนำศัสตรา๑- มา ด้วยว่าผมคิดว่า จักตัดก้านคอด้วยมีดโกนนี้, แต่ตัดกิเลสเสียสิ้นด้วยมีดโกน คือญาณ. ____________________________ ๑- นี้เป็นสำนวน หมายความว่า ฆ่าตัวตาย. พวกภิกษุกราบทูลแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าว่า "ภิกษุนี้ พยากรณ์พระอรหัตด้วยคำที่ไม่เป็นจริง." พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงสดับคำของภิกษุเหล่านั้น จึงตรัสว่า "ภิกษุทั้งหลาย ธรรมดาพระขีณาสพย่อมไม่ปลงตนจากชีวิตด้วยมือตนเอง." ภิกษุ. พระเจ้าข้า พระองค์ตรัสภิกษุนี้ว่า เป็นพระขีณาสพ, ก็ภิกษุนี้สมบูรณ์ด้วยอุปนิสัยแห่งพระอรหัตอย่างนั้น เหตุไรจึงกระสัน? อะไรเป็นเหตุแห่งอุปนิสัยแห่งพระอรหัตของภิกษุนั้น. เหตุไร งูนั้นจึงไม่กัดภิกษุนั้น. พระศาสดา. "ภิกษุทั้งหลาย งูนั้นได้เป็นทาสของภิกษุนี้ในอัตภาพที่ ๓ จากอัตภาพนี้ก่อน มันไม่อาจจะกัดสรีระของผู้เป็นนายของตนได้." พระศาสดาทรงบอกเหตุอย่างหนึ่งแก่ภิกษุเหล่านั้น ด้วยประการฉะนี้ก่อน. ก็ตั้งแต่นั้นมา ภิกษุนั้นได้ชื่อว่าสัปปทาสะ. บุรพกรรมของพระสัปปทาสเถระ ภิกษุนอกนี้ฟังคำนั้นแล้ว ก็ยินดียิ่งในพระศาสนา จึงนั่งขัดสมณบริขารทั้งหลายซึ่งมลทินจับในเวลาที่หน่ายในก่อน ให้หมดมลทินใกล้ขอบสระแห่งหนึ่ง. ฝ่ายสหายของภิกษุนั้นนั่งในที่ใกล้นั้นเอง. ลำดับนั้น ภิกษุนั้นกล่าวกะสหายนั้นอย่างนี้ว่า "ผู้มีอายุ ผมเมื่อสึก ได้ปรารถนาจะถวายบริขารเหล่านี้แก่ท่าน." สหายนั้นเกิดโลภขึ้น คิดว่า "เราจะต้องการอะไรด้วยภิกษุนี้ผู้ยังบวชหรือสึกเสีย, บัดนี้ เราจักยังบริขารทั้งหลายให้ฉิบหาย." ตั้งแต่นั้นมา สหายนั้นพูดเป็นต้นว่า "ผู้มีอายุ บัดนี้จะประโยชน์อะไรด้วยชีวิตของพวกเรา ผู้ซึ่งมีมือถือกระเบื้อง เที่ยวไปเพื่อก้อนข้าวในสกุลผู้อื่น? (ทั้ง) ไม่ทำการสนทนาปราศรัยกับบุตรและภรรยา" ดังนี้แล้ว ก็กล่าวคุณแห่งภาวะของคฤหัสถ์. ภิกษุนั้นฟังคำของสหายนั้นแล้ว ก็กระสันขึ้นอีก คิดว่า "สหายนี้ เมื่อเรากล่าวว่า ผมกระสัน ก็กล่าวโทษในภาวะแห่งคฤหัสถ์ก่อน บัดนี้กล่าวถึงคุณเนืองๆ เหตุอะไรหนอแล? รู้ว่า "เพราะความโลภในสมณบริขารเหล่านี้" จึงกลับจิตของตนเสียด้วยตนเองทีเดียว. เพราะความที่ภิกษุรูปหนึ่งถูกตนทำให้กระสันแล้ว ในกาลแห่ง ก็สมณธรรมใดอันภิกษุนั้นบำเพ็ญมา ๒ หมื่นปีครั้งนั้น สมณธรรมนั้นเกิดเป็นอุปนิสัยแห่งพระอรหัตของภิกษุนั้น ในกาลบัดนี้แล. ชีวิตของผู้ปรารภความเพียรวันเดียวประเสริฐ พระศาสดาตรัสว่า "อย่างนั้น ภิกษุทั้งหลาย เมื่อภิกษุผู้ปรารภความเพียร ยกเท้าขึ้นวางบนพื้น เมื่อเท้ายังไม่ทันถึงพื้นเลย พระอรหัตมรรคก็ได้เกิดขึ้น. แท้จริง ความเป็นอยู่แม้เพียงชั่วขณะของท่านผู้ปรารภความเพียร ประเสริฐกว่าความเป็นอยู่ ๑๐๐ ปี ของบุคคลผู้เกียจคร้าน" ดังนี้แล้ว เมื่อจะทรงสืบอนุสนธิแสดงธรรม จึงตรัสพระคาถานี้ว่า :-
แก้อรรถ บทว่า หีนวีริโย คือ ไร้ความเพียร. บาทพระคาถาว่า วีริยํ อารภโต ทฬฺหํ ความว่า ผู้ปรารภความเพียรมั่นคง ซึ่งสามารถยังฌาน ๒ ประการให้เกิด. คำที่เหลือ เช่นเดียวกับคำมีในก่อนนั่นแล. ในกาลจบเทศนา ชนเป็นอันมากบรรลุอริยผลทั้งหลาย มีโสดาปัตติผลเป็นต้น ดังนี้แล. เรื่องพระสัปปทาสเถระ จบ. ------------------------------ .. อรรถกถา ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท สหัสสวรรคที่ ๘ |