บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ |
อ่าน อรรถกถาหน้าต่างที่ [หน้าสารบัญ] [๑] [๒] [๓] [๔] [๕] [๖] [๗] [๘] หน้าต่างที่ ๖ / ๘. ข้อความเบื้องต้น พระราชาเสวยพระกระยาหารจุ ครั้งนั้น พระศาสดาตรัสกะท้าวเธอว่า "มหาบพิตร พระองค์ยังไม่ทันพักผ่อนเลย เสด็จมาแล้วหรือ?" พระราชา. อย่างนั้น พระเจ้าข้า ตั้งแต่เวลาบริโภคแล้วหม่อมฉันมีทุกข์มาก. อุบายแก้การบริโภคอาหารจุ ในกาลใด บุคคลเป็นผู้กินจุ มักง่วง และ มักนอนหลับ กระสับกระส่าย เป็นดุจสุกรใหญ่ ที่เขาเลี้ยงด้วยอาหาร, ในกาลนั้น เขาเป็นคน มึนซึม ย่อมเข้าห้องบ่อยๆ. แล้วตรัสว่า "มหาบพิตร การบริโภคโภชนะแต่พอประมาณ จึงควร, เพราะผู้บริโภคพอประมาณ ย่อมมีความสุข" เมื่อจะทรงโอวาทให้ยิ่ง จึงตรัสพระคาถานี้ว่า :- คนมีสติทุกเมื่อ รู้ประมาณในโภชนะที่ ได้แล้วนั้น มีเวทนาเบาบาง, (อาหารที่บริโภค แล้ว) เลี้ยงอายุอยู่ ค่อยๆ ย่อยไป.๑- ____________________________ ๑- แปลกันมาอย่างนี้. คือเติม ภุตฺตาหาโร เป็นประธาน แต่น่าจะหมายความว่า...มีโรคภัยไข้เจ็บน้อย, เขาแก่ช้าอายุยืน. พระราชาไม่อาจจะทรงเรียนพระคาถาได้ แต่ตรัสกะเจ้าหลานชื่อสุทัสนะ ซึ่งยืนอยู่ในที่ใกล้ว่า "พ่อ เธอจงเรียนคาถานี้." สุทัสนะนั้นทรงเรียนคาถานั้นแล้ว ทูลถามพระศาสดาว่า "ข้าพระ ครั้งนั้น พระศาสดาตรัสกะเธอว่า "เมื่อพระราชาเสวยอยู่ ท่านพึงกล่าวคาถานี้ในกาลเสวยก้อนที่สุด พระราชาทรงกำหนดเนื้อความได้แล้ว จักทรงทิ้งก้อนข้าวนั้น ในการหุงภัตเพื่อพระราชา เธอพึงให้ลดข้าวสารมีประมาณเท่านั้น ด้วยอันนับเมล็ดข้าวในก้อนข้าวนั้น." สุทัสนะนั้นทูลรับว่า "ดีละ พระเจ้าข้า เมื่อพระราชาเสวยเวลาเช้าก็ตาม เวลาเย็นก็ตาม ก็กล่าวคาถานั้นขึ้น ในการเสวยก้อนสุดท้าย แล้วให้ลดข้าวสาร ด้วยอันนับเมล็ด ในก้อนข้าวที่พระราชานั้นทรงทิ้ง." แม้พระราชาทรงสดับคาถาของสุทัสนะนั้นแล้ว รับสั่งให้พระราชทานทรัพย์ครั้งละพัน. พระราชาลดพระกระยาหารได้แล้ว ภายหลังวันหนึ่ง ท้าวเธอเสด็จไปสำนักพระศาสดา ถวายบังคมพระศาสดาแล้วทูลว่า "ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ บัดนี้ความสุขเกิดแก่หม่อมฉันแล้ว หม่อมฉันเป็นผู้สามารถจะติดตามจับเนื้อก็ได้ ม้าก็ได้, เมื่อก่อน หม่อมฉันมีการยุทธ์กับหลาน บัดนี้ หม่อมฉันให้ธิดาชื่อว่าวชิรกุมารีแก่หลานแล้ว ให้บ้านนั้นทำให้เป็นค่าน้ำอาบของธิดานั้นนั่นแล. ความทะเลาะกับหลานนั้นสงบแล้ว สุขแท้เกิดแล้วแก่หม่อมฉัน เพราะเหตุแม้นี้ แม้แก้วมณีของพระเจ้ากุสะ ซึ่งหายไปแล้วในเรือนของหม่อมฉันในวันก่อน บัดนี้ แก้วมณีแม้นั้นมาสู่เงื้อมมือแล้ว, ความสุขแท้เกิดแล้วแก่หม่อมฉัน เพราะเหตุแม้นี้, หม่อมฉันปรารถนาความคุ้นเคยกับเหล่าสาวกของพระองค์ จึงทำแม้ธิดาแห่งญาติของพระองค์ไว้ในเรือน, ความสุขแท้เกิดแล้วแก่หม่อมฉัน เพราะเหตุแม้นี้." พระศาสดาตรัสว่า "มหาบพิตร ชื่อว่าความไม่มีโรค เป็นลาภอย่างยิ่ง, ทรัพย์แม้เช่นกับความเป็นผู้สันโดษ ด้วยวัตถุตามที่ตนได้แล้ว ไม่มี, ชื่อว่าญาติเช่นกับด้วยผู้คุ้นเคยกัน ไม่มี, ชื่อว่าความสุขอย่างยิ่ง เช่นกับด้วยพระนิพพาน ไม่มี" จึงตรัสพระคาถานี้ว่า :-
แก้อรรถ บาทพระคาถาว่า สนฺตุฏฺฐิปรมํ ธนํ ความว่า ภาวะคืออันยินดีด้วยวัตถุที่ตนได้แล้ว ซึ่งเป็นของมีอยู่แห่งตน ของคฤหัสถ์หรือบรรพชิตนั่นแล ชื่อว่าสันโดษ, สันโดษนั้นเป็นทรัพย์อันยิ่งกว่าทรัพย์ที่เหลือ. บาทพระคาถาว่า วิสฺสาสปรมา ญาตี๑- ความว่า มารดาก็ตาม บิดาก็ตามจงยกไว้, ไม่มีความคุ้นเคยกับคนใด คนนั้นไม่ใช่ญาติแท้, แต่มีความคุ้นเคยกับคนใด คนนั่นแม้ไม่เนื่องกัน ก็ชื่อว่าเป็นญาติอย่างยิ่ง คืออย่างสูง เหตุนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสว่า "วิสฺสาสปรมาญาตี." อนึ่ง ชื่อว่าความสุข เหมือนพระนิพพาน ไม่มี, เหตุนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสว่า "นิพฺพานํ ปรมํ สุขํ." ในกาลจบเทศนา ชนเป็นอันมากบรรลุอริยผลทั้งหลาย มีโสดาปัตติผลเป็นต้น ดังนี้แล. ____________________________ ๑- บาลีเป็น ญาติ. เรื่องพระเจ้าปเสนทิโกศล จบ. ----------------------------------------------------- .. อรรถกถา ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท สุขวรรคที่ ๑๕ |