บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ |
อ่าน อรรถกถาหน้าต่างที่ [หน้าสารบัญ] [๑] [๒] [๓] [๔] [๕] [๖] [๗] [๘] [๙] ๑. เรื่องนางปริพาชิกาชื่อสุนทรี [๒๒๓] ข้อความเบื้องต้น พวกเดียรถีย์คิดตัดลาภสักการะพระศาสดา ส่วนเนื้อความย่อในเรื่องนี้ มีดังต่อไปนี้ :- ได้ยินว่า เมื่อลาภสักการะเช่นกับห้วงน้ำใหญ่แห่งปัญจมหานที เกิดขึ้นแก่พระผู้มีพระภาคเจ้าและภิกษุสงฆ์แล้ว พวกอัญญเดียรถีย์ก็เสื่อมลาภสักการะ เป็นผู้อับแสง ประหนึ่งหิ่งห้อยในเวลาพระอาทิตย์ขึ้น ร่วมประชุมปรึกษากันว่า "ตั้งแต่กาลแห่งพระสมณโคดมอุบัติขึ้น พวกเราก็เสื่อมลาภสักการะ ใครๆ ย่อมไม่รู้แม้ความที่เราทั้งหลายมีอยู่, พวกเราจะพึงรวมกันกับใครหนอ? ก่อโทษให้เกิดขึ้นแก่พระสมณโคดม แล้วยังลาภสักการะของเธอให้เสื่อมสูญ." พวกเดียรถีย์ให้นางสุนทรี ทำลายพระเกียรติพระศาสดา เดียรถีย์. น้องหญิง นางไม่เห็นพระสมณโคดมที่เที่ยวเบียดเบียนพวกเรา ทำให้เสื่อมลาภสักการะหรือ? นางสุนทรี. ดิฉันควรจะทำอย่างไร ในเรื่องนี้? เดียรถีย์. น้องหญิง นางแลมีรูปสวย ถึงความเป็นผู้งามเลิศ จงยกโทษขึ้นแก่พระสมณโคดม แล้วให้มหาชนเชื่อถ้อยคำ ทำให้เสื่อมลาภสักการะ. นางสุนทรีนั้นรับรองว่า "ดีละ" แล้วหลีกไป. ตั้งแต่นั้นมา นางถือเอาสิ่งของมีระเบียบดอกไม้ ของหอม เครื่องลูบไล้ การบูรและของ ถูกมหาชนถามว่า "ไปไหน" ก็ตอบว่า "ไปสำนัก นางถูกมหาชนถามว่า "ไปไหนสุนทรี?" ตอบว่า "ฉันอยู่ในพระคันธกุฎีเดียวกันกับพระสมณโคดม ให้ท่านยินดีด้วยความยินดีเพราะกิเลสแล้ว จึงกลับมา." พวกภิกษุถูกพวกเดียรถีย์หาว่าฆ่านางสุนทรี ลำดับนั้น เดียรถีย์ทั้งหลายได้ทำความโกลาหลขึ้นว่า "พวกเราไม่เห็นนางสุนทรี" แล้วทูลแด่พระราชา ถูกพระราชาตรัสถามว่า "พวกท่านมีความสงสัยที่ไหน?" ทูลว่า "นางสุนทรีอยู่ในพระเชตวันสิ้นวันเท่านี้ พวกอาตมภาพไม่ทราบความเป็นไปของนางในพระเชตวันนั้น." อันพระราชาทรงอนุญาตว่า "ถ้ากระนั้น พวกท่านจงไป ค้นพระเชตวันนั้นดูเถิด" พาพวกอุปัฏฐากของตนไปยังพระเชตวัน ค้นอยู่ก็พบนางสุนทรีนั้น ในระหว่างกองหยากเยื่อแห่งระเบียบดอกไม้ จึงยกขึ้นเตียงเข้าไปยังพระนคร ทูลแด่พระราชาว่า "พระสาวกของพระสมณโคดมฆ่านางสุนทรี แล้วหมกไว้ในระหว่างกองหยากเยื่อแห่งระเบียบดอกไม้ ด้วยคิดว่า "จักปกปิดกรรมลามกที่พระศาสดาทำ" พระราชาตรัสว่า "ถ้าอย่างนั้น พวกท่านจงไปเที่ยวประกาศให้ตลอดพระนครเถิด." พวกเดียรถีย์พากันกล่าวคำเป็นต้นว่า "ขอท่านทั้งหลาย จงดูกรรมของพวกสมณสักยบุตรเถิด" ในถนนแห่งพระนครแล้ว ได้ไปยังพระทวารแห่งพระราชนิเวศน์อีก. พระราชารับสั่งให้ยกสรีระของนางสุนทรีขึ้นใส่แคร่ในป่าช้าผีดิบแล้วให้รักษาไว้. ชาวพระนครสาวัตถีเว้นพระอริยสาวก ที่เหลือโดยมากพากันกล่าวคำเป็นต้นว่า "ขอ ภิกษุทั้งหลายกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระตถาคต. พระศาสดาตรัสว่า "ถ้าอย่างนั้น แม้พวกเธอจงกลับโจทพวกมนุษย์เหล่านั้นอย่างนี้" ดังนี้แล้ว ตรัสพระคาถานี้ว่า :-
แก้อรรถ บทว่า กตฺวา ความว่า หรือผู้ใดทำกรรมลามกแล้ว กล่าวว่า "ข้าพเจ้ามิได้ทำกรรมนั่น." หลายบทว่า เปจฺจ สมา ภวนฺติ ความว่า ชนแม้ทั้งสองนั้นไปสู่ปรโลก ย่อมเป็นผู้เสมอกันโดยคติ เพราะการเข้าถึงนรก คติของชนเหล่านั้นเท่านั้น ท่านผู้รู้กำหนดไว้แล้ว แต่อายุของเขาท่านมิได้กำหนดไว้ เพราะว่าชนทั้งหลายทำบาปกรรมไว้มาก ย่อมไหม้ในนรกนาน ทำบาปกรรมไว้น้อย ย่อมไหม้สิ้นกาลเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ก็เพราะกรรมที่ลามกของชนแม้ทั้งสองนั้นนั่นเอง (เป็นเหตุ) เพราะฉะนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสว่า "นิหีนกมฺมา มนุชา ปรตฺถ." ก็บทว่า ปรตฺถ สัมพันธ์เข้ากับบทว่า "เปจฺจ" ข้างหน้า. อธิบายว่า ชนผู้มีกรรมเลวทรามเหล่านั้น ละไปในโลกอื่น คือไปจากโลกนี้ ย่อมเป็นผู้เสมอกันในปรโลก. ในเวลาจบเทศนา ชนเป็นอันมากบรรลุอริยผลทั้งหลายมีโสดาปัตติผลเป็นต้น ดังนี้แล. พวกฆ่านางสุนทรีถูกประหารชีวิต ครั้งนั้น นักเลงเหล่านั้นดื่มสุราอยู่ด้วยกหาปณะเหล่านั้น ทำการทะเลาะกันและกัน. คนหนึ่งกล่าวกะคนหนึ่งว่า "แกฆ่านางสุนทรีด้วยประหารเพียงทีเดียวแล้ว หมกไว้ในระหว่างกองหยากเยื่อแห่งระเบียบดอกไม้ ดื่มสุราด้วยกหาปณะที่ได้มาจากการประหารนั้น เรื่องนั้นยกเลิกเสียเถิด." พวกราชบุรุษจึงจับนักเลงนั้นไปแสดงแด่พระราชา. ลำดับนั้น พระราชาตรัสถามนักเลงเหล่านั้นว่า "พวกเธอฆ่านางสุนทรีหรือ?" พวกนักเลง. ข้าแต่สมมติเทพ พระเจ้าข้า. พระราชา. ใครใช้พวกเธอให้ฆ่า? พวกนักเลง. พวกอัญญเดียรถีย์ พระเจ้าข้า. พระราชารับสั่งให้เรียกพวกเดียรถีย์มาแล้ว ทรงบังคับว่า "พวกเธอจงไปเที่ยวกล่าวทั่วพระนครอย่างนี้ว่า "นางสุนทรีนี้ถูกพวกข้าพเจ้าผู้ใคร่ยกโทษแก่พระสมณโคดมขึ้น ฆ่าแล้ว โทษของพระสาวกของพระสมณโคดมไม่มี เป็นโทษของข้าพเจ้าฝ่ายเดียว." พวกเดียรถีย์ได้ทำอย่างนั้น. มหาชนผู้เขลาเชื่อแล้วในคราวนั้น. พวกเดียรถีย์ก็ดี พวกนักเลงก็ดี ถึงอาชญาเพราะการฆ่าคน. จำเดิมแต่นั้นมา สักการะได้มีมากแก่พระพุทธเจ้าและพระสาวกทั้งหลาย (ตามเคย) ดังนี้แล. เรื่องนางปริพาชิกาชื่อสุนทรี จบ. ----------------------------------------------------- .. อรรถกถา ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท นิรยวรรคที่ ๒๒ |