บทนำ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก ค้นพระไตรปิฎก ชาดก หนังสือธรรมะ |
อ่าน อรรถกถาหน้าต่างที่ [หน้าสารบัญ] [๑] [๒] [๓] [๔] [๕] [๖] [๗] [๘] [๙] [๑๐] [๑๑] [๑๒] หน้าต่างที่ ๔ / ๑๒. ข้อความเบื้องต้น พวกภิกษุเห็นโจรถูกจองจำนึกแปลกใจ พวกภิกษุชาวชนบท แม้มีประมาณ ๓๐ รูปแล ใคร่จะเฝ้าพระศาสดา มาเฝ้าถวายบังคมแล้ว ในวันรุ่งขึ้นเที่ยวไปในกรุงสาวัตถี เพื่อบิณฑ เครื่องจองจำคือกิเลสตัดได้ยากยิ่ง ดังนี้แล้ว ทรงนำอดีตนิทานมา (ตรัส) ว่า "ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติอยู่ในกรุงพาราณสี พระโพธิสัตว์เกิดแล้วในตระกูลคฤหบดีตกยากตระกูลหนึ่ง. เมื่อพระโพธิสัตว์นั้นเจริญวัย บิดาได้ทำกาละแล้ว. พระโพธิสัตว์นั้นทำการรับจ้างเลี้ยงมารดา. ต่อมา มารดากระทำนางกุลธิดาคนหนึ่งไว้ในเรือนเพื่อพระโพธิสัตว์นั้นผู้ไม่ปรารถนาเลย ในกาลต่อมาก็ได้กระทำกาละแล้ว. ฝ่ายภรรยาของพระโพธิสัตว์นั้นตั้งครรภ์แล้ว. พระโพธิสัตว์นั้นไม่ทราบว่าครรภ์ตั้งขึ้นเลย จึงกล่าวว่า "นางผู้เจริญ หล่อนจงทำการรับจ้างเลี้ยงชีพเถิด ฉันจักบวช." นางกล่าวว่า "นาย ครรภ์ตั้งขึ้นแล้วแก่ดิฉันมิใช่หรือ? เมื่อดิฉันคลอดแล้ว ท่านจักเห็นทารกแล้ว จึงบวช." พระโพธิสัตว์นั้นรับว่า "ดีละ" ในกาลแห่งนางคลอดแล้ว จึงอำลาว่า "นางผู้เจริญ หล่อน พระโพธิสัตว์นั้นดำริว่า "เราไม่สามารถจะให้นางคนนี้ยินยอมแล้วไปได้, เราจักไม่บอกแก่นางละ จักหนีไปบวช." ท่านไม่บอกแก่นางเลย ลุกขึ้นแล้วในส่วนราตรีหนีไปแล้ว. ครั้งนั้น คนรักษาพระนครได้จับท่านไว้แล้ว. ท่านกล่าวว่า "นาย ข้าพเจ้าชื่อว่าเป็นผู้เลี้ยงมารดา ขอท่านทั้งหลายจงปล่อยข้าพเจ้าเสียเถิด" ให้เขาปล่อยตนแล้ว พักอยู่ในที่แห่งหนึ่ง แล้วเข้าไปสู่ป่าหิมพานต์ บวชเป็นฤาษี ยังอภิญญาและสมาบัติให้เกิดแล้ว เล่นฌานอยู่. ท่านอยู่ในที่นั้นนั่นเอง เปล่งอุทานขึ้นว่า "เครื่องผูกคือบุตรและภรรยา เครื่องผูกคือกิเลส อันบุคคลตัดได้โดยยาก ชื่อแม้เห็นปานนั้น เราตัดได้แล้ว." พระศาสดาทรงแสดงเครื่องจองจำ ๒ อย่าง ได้ตรัสพระคาถานี้ว่า :-
๑- แปลเติมอย่างอรรถกถา. ๒- ขุ. ธ. เล่ม ๒๕/ข้อ ๓๔, ชา. ทุก. ๒๗/ข้อ ๒๕๑; อรรถกถา ชา. ทุก. ๒๗/ข้อ ๒๕๑. พันธนาคารชาดก. แก้อรรถ บทว่า สารตฺตรตฺตา ได้แก่ เป็นผู้กำหนัดนักแล้ว. อธิบายว่า ผู้กำหนัดด้วยราคะจัด. บทว่า มณิกุณฺฑเลสุ คือ ในแก้วมณีและตุ้มหูทั้งหลาย, อีกอย่างหนึ่ง (คือ) ในตุ้มหูทั้งหลายอันวิจิตรด้วยแก้วมณี. บทว่า ทฬฺหํ ความว่า ความกำหนัดใดของชนทั้งหลาย ผู้กำหนัดยินดียิ่งนัก ในแก้วมณีและตุ้มหูทั้งหลายนั่นแล และความเยื่อใย คือความทะยานอยากได้ในบุตรและภรรยาใด, บุรุษผู้เป็นบัณฑิตทั้งหลาย ย่อมกล่าวความกำหนัดและความเยื่อใยนั่น อันเป็นเครื่องผูกซึ่งสำเร็จด้วยกิเลสว่า "มั่น." บทว่า โอหารินํ ความว่า ชื่อว่า มีปกติเหนี่ยวลง เพราะย่อมฉุดลง คือนำไปในเบื้องต่ำ เพราะคร่ามาแล้วให้ตกไปในอบาย ๔. บทว่า สิถิลํ ความว่า ชื่อว่า หย่อน เพราะย่อมไม่บาดผิวหนังและเนื้อ คือย่อมไม่นำโลหิตออกในที่ที่ผูก ได้แก่ ไม่ให้รู้สึกแม้ความเป็นเครื่องผูก ย่อมให้ทำการงานทั้งหลาย ในที่ทั้งหลายมีทางบกและทางน้ำเป็นต้นได้. บทว่า ทุปฺปมุญฺจํ ความว่า ชื่อว่า เปลื้องได้โดยยาก ก็เพราะเครื่องผูกคือกิเลส อันเกิดขึ้นด้วยสามารถแห่งความโลภแม้คราวเดียว ย่อมเป็นกิเลสชาตอันบุคคลเปลื้องได้โดยยาก เหมือนเต่าเปลื้องจากที่เป็นที่ผูกได้ยากฉะนั้น. สองบทว่า เอตํปิ เฉตฺวาน ความว่า นักปราชญ์ทั้งหลายตัดเครื่องผูกคือกิเลสนั่น แม้อันมั่นอย่างนั้น ด้วยพระขรรค์คือญาณ เป็นผู้หมดความเยื่อใย ละกามสุขแล้ว เว้นรอบ คือหลีกออก. อธิบายว่า ย่อมบวช. ในกาลจบเทศนา ชนเป็นอันมากบรรลุอริยผลทั้งหลาย มีโสดาปัตติผลเป็นต้น ดังนี้แล. เรื่องเรือนจำ จบ. ----------------------------------------------------- .. อรรถกถา ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท ตัณหาวรรคที่ ๒๔ |